เข้าสู่ระบบผ่าน

แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย นิยาย บท 225

หลังจากงานเลี้ยงเหล่าแม่ทัพจบลง เซียวอวี้ก็ยังต้องปรึกษากิจธุระเรื่องการยอมสวามิภักดิ์ของรัฐเหลียงกับแม่ทัพแต่ละภาคส่วนอีก

ด้วยเหตุนี้เฉียวม่อจึงยังรั้งอยู่ในเมืองหลวงอีกหลายวัน และต้องเข้าวังอยู่หลายครั้ง

นางมักจะเข้าไปในห้องทรงพระอักษรบ่อย ๆ เหล่านางสนมจึงเริ่มหึงหวง

ยามเช้าพอไปน้อมคารวะที่ตำหนักหย่งเหอ ก็มาบ่นต่อหน้าเฟิ่งจิ่วเหยียน

“ต่อให้เป็นแม่ทัพ ถึงอย่างไรก็เป็นสตรี เหตุใดจึงไม่รู้จักหนักเบาเช่นนี้!”

“แม่ทัพน้อยเมิ่งผู้นั้น ยามนี้เป็นถึงคนโปรดของฮ่องเต้ อย่างไรพวกเราก็เทียบไม่ติด”

“ฝ่าบาทไม่ค่อยเสด็จมาที่วังหลัง แต่กลับทรงประทับอยู่กับเมิ่งเฉียวม่อผู้นั้นอยู่เป็นประจำ วันนี้ยังไปขี่ม้ายิงธนูที่สนามม้าหลวงด้วยนะ ฮองเฮาเพคะ เกรงว่าวังหลังจะต้องมีพี่น้องเพิ่มมาอีกคนแล้ว”

ปฏิกิริยาของเฟิ่งจิ่วเหยียนคือการดื่มชาอย่างนิ่งเฉย

นางไม่แน่ใจในความคิดของเซียวอวี้นัก ทว่าเฉียวม่อที่ทุ่มเทความคิดเพื่อที่จะได้เป็นแม่ทัพหญิง ย่อมไม่คิดที่จะเข้าวัง

“หากพวกเจ้าไม่มีอะไรทำก็ไปคัดกฎวังเถิด”

เมื่อเหล่านางสนมได้ยินก็พลันเงียบปากทันที

หลังจากพวกนางกลับกันไปแล้ว นางสนมเจียงยังคงรั้งอยู่ต่อ แล้วเตือนเฟิ่งจิ่วเหยียนด้วยความหวังดี

“ฮองเฮาเพคะ โปรดอภัยที่หม่อมฉันกล่าวตามตรง ในสมัยโบราณก็มีแม่ทัพหญิงที่เป็นฮองเฮามาก่อน แม่ทัพเมิ่งน้อยผู้นั้นแตกต่างจากสตรีนางอื่นจริง นางเป็นที่ชื่นชมของชาวประชา ทั้งยังได้รับความชื่นชมจากฝ่าบาทเป็นอย่างมาก พระนางจะไม่ระวังเลยไม่ได้นะเพคะ”

เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่คิดอย่างอื่น

ไม่ว่าเซียวอวี้อยากรับใครเข้าวัง หรืออยากเปลี่ยนผู้ดำรงตำแหน่งฮองเฮา นางล้วนไม่ใส่ใจ

เมื่อเห็นว่าเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่รับฟัง นางสนมเจียงผินจึงคิดว่าคำที่ตนพูดนั้นตรงเกินไป จึงเปลี่ยนวิธีพูดอีกครั้ง

“ทว่าแม่ทัพน้อยเมิ่งหยาบกร้านเหมือนบุรุษผู้หนึ่ง คิดดูแล้วฝ่าบาทคงไม่ทรงมีความรู้สึกแบบชายหญิงกับนาง

“ตำแหน่งของฮองเฮามั่นคง หากสามารถมีพระโอรสได้ก็ยิ่งไม่มีใครมาสั่นคลอนตำแหน่งของพระนางได้แล้วเพคะ”

เฟิ่งจิ่วเหยียนวางถ้วยชาลง

“นางสนมเจียงผิน ข้าไม่มีทางเป็นเกราะกำบังให้เจ้าไปได้ตลอด และข้าไม่ต้องการให้เจ้าเป็นที่ปรึกษา ยิ่งไม่ต้องการให้เจ้ามาปรนนิบัติพัดวี เจ้าสามารถหาอะไรทำเพื่อตัวเองได้ แม้แต่การขอความโปรดปรานจากฮ่องเต้ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ต้องอับอาย”

ร่างนางสนมเจียงผินสั่นเทา จากนั้นก็พลันไถลลงจากเก้าอี้ราวกับไม่มีกระดูกแล้วคุกเข่าลง สาวใช้ข้างกายนางเองก็คุกเข่าลงมาพร้อมกันด้วย

“ไม่เพคะ! ฮองเฮา หม่อมฉันไม่มีความคิดที่จะแย่งชิงความโปรดปรานเลยนะเพคะ”

นางหวาดกลัวเป็นอย่างมาก

ราวกับวันวานที่อยู่ต่อหน้าหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ ขอเพียงพูดถึงเรื่องการแย่งชิงความโปรดปราน นางก็จะรีบแสดงความจงรักภักดีต่อหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ทันที

ในเมื่อนางมาขอการคุ้มครองจากฮองเฮา นางย่อมไม่มีทางมาแย่งชิงความโปรดปรานของฝ่าบาทกับฮองเฮาเด็ดขาด

“หม่อมฉันเต็มใจเป็นวัวเป็นม้าให้ฮองเฮาเพคะ ความสุขของพระนางก็คือความสุข...”

เฟิ่งจิ่วเหยียนกล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า

“เจ้านึกว่าข้ากำลังทดสอบความจงรักภักดีของเจ้าอย่างนั้นหรือ

“นางสนมเจียงผิน พวกเจ้าต่างก็เป็นสตรีของฝ่าบาท ถึงแม้จะเข้าวังมา ก็ยังต้องเรียนวิธีปฏิบัติตัวของผู้ที่แต่งงานแล้ว ไม่แข่งขันไม่แย่งชิง นี่กลับเป็นการหลอกลวง

“แน่นอนว่าหากเจ้าไม่เต็มใจจริง ๆ เช่นนั้นการรออยู่ในวังก็ไม่มีประโยชน์อันใด เทียบกับการปล่อยเวลาไปอย่างไร้ประโยชน์ไปชั่วชีวิตแล้ว ไม่สู้ให้ข้าช่วยหาโอกาสส่งเจ้าออกจากวังยังดีเสียกว่า”

นางสนมเจียงเงยหน้าขึ้นอย่างตกตะลึง

เมื่อไม่มีการคุ้มครองจากหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ ช่วงเวลานี้นางก็ยิ่งระมัดระวังไปทุกเรื่อง กลัวว่าจะทำผิด พูดผิด

ในวังหลังแห่งนี้ทุกคนล้วนเป็นคู่แข่ง

ไม่มีผู้ใดสามารถช่วยให้อีกฝ่ายได้รับความโปรดปรานอย่างจริงใจได้

เหตุใดฮองเฮาจึงทรงพระทัยกว้างถึงเพียงนี้?

นางสนมเจียงรวบรวมความกล้า และเลือกที่จะเชื่อนาง

“ฮองเฮาเพคะ หม่อมฉันอยากได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาทเพคะ!”

ราคาของเราเพียงแค่ 1/4 ของผู้ให้บริการรายอื่น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย