“ช่วย”
กลับกันหากมีบุคคลที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ที่ตกอยู่ในอันตรายละก็ นางจักต้องยื่นมือออกไปช่วยแน่นอน
จากนั้น เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงเอ่ยขึ้นมาอีกว่า “ช่วยในขอบเขตที่หม่อมฉันพอจะช่วยเหลือได้เพคะ”
อาจารย์หญิงมักจะกล่าวกับนางเสมอว่า ชีวิตของนางย่อมเป็นของตัวเองก่อน
เซียวอวี้เพียงสนใจคำของนางว่า “ช่วย”
เขามิอาจบอกได้เลยว่าเขารู้สึกอย่างไรในยามนี้
หลิงเยี่ยนเอ๋อร์เองก็เสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเขาเช่นกัน ทั้งยังยินยอมมอบทั้งหัวใจและวิญญาณให้กับเขา และยังยอมลดอายุขัยเพื่อเขาอีก
หากเปรียบเทียบกันแล้ว สิ่งที่ฮองเฮาทำมีเพียงแค่ช่วยแก้พิษวารีสวรรค์และเอาตัวมาบังลูกธนูเท่านั้น หาได้มากเท่ากับสิ่งที่หลิงเยี่ยนเอ๋อร์ทำให้เขาตลอดสี่ปีที่ผ่านมาไม่
ทว่า หัวใจของเขา กลับสั่นไหวเพราะฮองเฮา
อาจเป็นเพราะหลิงเยี่ยนเอ๋อร์มอบทุกอย่างให้กับเขา แต่ก็ได้รับหลาย ๆ อย่างจากเขาเช่นกัน
แต่ ฮองเฮาไม่เคย...
ทว่า
ความอ่อนโยนในนัยน์ตาของเซียวอวี้กลับถูกความเย็นชาเข้ามาบดบังอีกครั้ง
ผู้ใดจักไปรู้กัน ว่าฮองเฮามิมีสิ่งที่ตัวเองต้องการ มิใช่การถอยเพื่อรับ
หลายวันที่ผ่านมานั้นเขาเอาแต่คิดมาก
ทุกครั้งที่เขานึกถึงงานเลี้ยงในเทศกาลไหว้พระจันทร์ นึกถึงยามที่ฮองเฮาเอาตัวมาปกป้องเขาจากลูกธนูแล้วนั้น เขารู้สึกหงุดหงิดอย่างอธิบายไม่ถูกขึ้นมา
เขาเกลียดสตรีมีเล่ห์เหลี่ยมมากนัก และกลียดมากที่สุดก็คือพวกโง่เง่าที่ถูกสตรีเหล่านั้นจูงจมูกอีกด้วย
“ข้ารู้ความคิดของเจ้าดี ทว่า ข้ามิอาจให้ในสิ่งที่เจ้าต้องการได้”
“ความภาคภูมิใจของตระกูลฝั่งมารดา พระราชทานบรรดาศักดิ์โหวที่มีศักดินาหนึ่งหมื่นครัวเรือนให้พี่ชายของเจ้า หรือเจ้าต้องการบุตรรับมาเลี้ยงดู ข้าสามารถรับปากเจ้าได้”
เฟิ่งจิ่วเหยียน : ?
ความคิดของนาง?
เขาเข้าใจอันใดผิดไปหรือไม่?
ทว่า การที่นางเอาตัวเข้าบังลูกธนูให้กับเขานั้น เขาก็จะช่วยพระราชทานบรรดาศักดิ์โหวให้กับตระกูลของนาง ในฐานะที่เขาเป็นถึงจักรพรรดิ เขาดูจะทำตัวให้อะไรง่ายไปหน่อยกระมัง
เช่นนี้ เขาคู่ควรกับเหล่าพี่น้องร่วมรบที่ต่อสู้นองเลือดกัยนางมาด้วยกันได้อย่างไรเล่า!
“ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันหาได้ต้องการสิ่งเหล่านั้นไม่” เฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยออกมาด้วยความหนักแน่น
เซียวอวี้ยังคงยึดมั่นในคำเดิม
“มิจำเป็นต้องรีบร้อนเอ่ยออกมาในตอนนี้ เราจักให้เวลาเจ้าคิดทบทวน”
จะต้องมีอย่างแน่นอน
พระราชวังคือหม้อหลอมละลายที่สามารถละลายความรู้สึกต่าง ๆ ลงไปได้ ท้ายที่สุดทุกคนก็ย่อมเผยหน้ากากที่แท้จริงของตนเองออกมา ทั้งยังถูกความอำนาจอันหอมหวานและความรุ่งโรจน์เข้าครอบงำอีก
สตรีที่พากันแย่งชิงความโปรดปรานเหล่านั้น ท้ายที่สุดแล้ว พวกนางก็แค่จะแย่งชิงอำนาจและยศถาบรรดาศักดิ์ของตน
หากว่าเขามิสามารถมอบสิ่งของเหล่านั้นให้กับพวกนางได้แล้ว มิเช่นนั้นพวกนางจะพากันแห่มาเสนอตัวให้กับเขาทำไมกัน?
หลิงเยี่ยนเอ๋อร์ก็เป็นเช่นนั้น ฮองเฮา ก็คงเป็นเช่นนั้นด้วยเหมือนกัน
เฟิ่งจิ่วเหยียนที่พยายามจะสื่อว่าตนเองหาได้ต้องการของพวกนั้นไม่ เซียวอวี้กลับจากไปเสียแล้ว
หลงเหลือไว้แต่เพียงนางที่นอนจ้องเพดานตำหนักอย่างโดดเดี่ยว
ฉะนั้นแล้ว... เขาคิดว่า นางกำลังคิดอะไรอยู่ในใจกัน?
เหลียนชวงที่เข้ามารอรับใช้นั้น เฟิ่งจิ่วเหยียนพลันลุกขึ้นนั่งก่อนจะเอ่ยถามออกมาด้วยใบหน้าที่เหนื่อยล้าว่า
“ด้านนอกวังมีข่าวอันใดหรือไม่?”
เหลียนซวงเองก็กังวลมากเช่นกัน
นางพลันกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ก่อนจะกระซิบเสียงเบาตอบกลับมาว่า
“ฮองเฮาเพคะ ช่วงนี้การตรวจตราภายในพระราชวังเข้มงวดเป็นอย่างมาก ฝ่าบาทยังคงสงสัยอยู่ว่ามีนักฆ่าหลบซ่อนตัวอยู่ภายในวังหลวง การเข้าออกวังจึงถูกตรวจค้นอย่างเข้มงวดมากเลยเพคะ”
“ทุกครั้งที่บ่าวออกไปข้างนอก ล้วนแต่มีคนติดตามอยู่เสมอ ทุกครั้งก็ไม่สำเร็จกลับเข้ามา วันนี้ยามค่ำ ๆ บ่าวจะลองดูอีกทีเพคะ”
เฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยเตือนนาง
หลิวซื่อเหลียงเข้าใจทุกอย่างได้ในทันที ก่อนจะรีบลุกขึ้นยืน เก็บที่นอนด้วยการกระทำรวดเร็วฉับไว
……
หลิวซื่ิอเหลียงที่กำลังเผาผ้าปูที่นอนอยู่นั้น ไม่รู้ว่าบุตรบุญธรรมปรากฏตัวออกมาจากที่ใด
“ท่านพ่อ! ก่อนหน้าข้าตื่นขึ้นมาเห็นอะไรบางอย่างแปลก ๆ ด้วย
“ฝ่าบาทอยู่ที่บ่อน้ำในตำหนักหลัง ทั้งยังเทน้ำใส่ร่างกายของตนเองอีกด้วย น้ำเย็นจัด ๆ เช่นนั้น เพียงข้ามองก็นึกหนาวสั่นขึ้นมาแล้ว”
หลิวซื่อเหลียงที่รับรู้เรื่องราวทุกอย่างนั้น หาได้เอ่ยอธิบายอันใดออกมาไม่
เขาได้แต่ลอบคิดกับตนเองในใจว่า ค่ำคืนนั้นฝ่าบาทจักต้องพิโรธมากถึงเพียงใดกัน ถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไปเสียได้
……
ตำหนักหย่งเหอ
เฟิ่งจิ่วเหยียนจู่ ๆ กลับมีเหงื่อเย็น ๆ ไหลออกมา
เช้าวันรุ่งขึ้น เหลียนซวงพบว่าอาภรณ์ของฮองเฮาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ จึงช่วยนางเช็ดตัวพร้อมทั้งเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์ให้
ได้เวลาเปลี่ยนยาบนหลังอีกครั้ง
เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่อาจใส่ยาให้กับตนเองได้ นางจึงได้แต่ถอดเสื้อออก พร้อมทั้งนั่งข้างเตียงโดยหันหลังให้เหลียนซวง เพื่อให้นางเปลี่ยนยาและผ้าพันแผลให้สะดวก
เหลียนซวงกลัวว่าตนเองจะทำให้ฮองเฮาเจ็บนั้น ดังนั้นนางจึงค่อย ๆ ลงมือเบา ๆ มันจึงใช้เวลานานเป็นอย่างมาก
ยามที่เฟิ่งจิ่วเหยียนกำลังคิดเหม่อลอยใช้ความคิดว่าจะหายาแสร้งตายอย่างไรนั้น
ภายในห้องกลับเต็มไปด้วยความเงียบสงบ
วันนี้ลมแรงเป็นอย่างมาก ทั้งยังพัดเข้ามาเป็นช่วง ๆ อีกด้วย
ทั้งสองหาได้สังเกตเห็นไม่ เซียวอวี้ยืนอยู่ตรงนั้นนานแล้ว
สิ่งที่ดึงดูดสายตาของเขาก็คือผ้าพันแผลพลิ้วไหวสีขาวแทน
เสมือนดั่งที่เขาเห็นในความฝันเมื่อคืนนี้...

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย
เติมเหรียญไปแล้ว แต่ปลดล็อกไม่ได้ มีข้อความว่าเกิดข้อผิดพลาด กรุณาลองใหม่อีกครั้ง...
เติมเหรีญญไป 500 เหรียญ เริ่มกดซื่อตอน จาก 223 มาถึงตอน 227 = 5 ตอน 40 เหรัยญ แต่ตอนนี้มีเหรียญคงเหลือ 444 เหรียญ และเปิดอ่านย้อนหลังไม่ได้ ช่วยแก้ไขด้วยค่ะ...
สนุกดี แต่ใช้บัตร์เติมเงินเอไอเอสไม่ได้ ขอบคุที่ให้อ่าน...