เซียวอวี้ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยใบหน้ามืดมน ใบหน้าราวกับถูกปกคลุมไปด้วยแสงจันทร์ยามเหมันตฤดูที่หนาวเหน็บ ทั้งยังคิดว่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นเป็นความผิดของฮองเฮา
ทันใดนั้น เฟิ่งจิ่วเหยียนที่มีกำลังภายในอันเข้มข้นจึงได้รับรู้การมีอยู่ของเซียวอวี้ได้ในทันที
ทั้งคู่พลันสบตากัน เฟิ่งจิ่วเหยียนคล้ายกับเห็นความรังเกียจฉายอยู่ในดวงตาของเขา...
เหลียนซวงเองก็มองตามสายตาของฮองเฮาไป เมื่อเห็นว่าเป็นฮ่องเต้นั้น นางจึงรีบร้อนหยิบเสื้อตัวนอกที่วางเอาไว้บนเตียงขึ้นมาคลุมร่างของฮองเฮาในทันที
เหลียนซวงราวกับลืมไปว่า การที่ฝ่าบาทมองสตรีของตนเองนั้นเป็นเรื่องที่สมควรกระทำ
นับว่าโชคดีที่ในยามนี้แผลมีผ้าพันเอาไว้อยู่
“เข้าเฝ้าฝ่าบาทเพคะ”
เหลียนซวงรีบออกมาทำความเคารพในทันที
เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงได้แต่แต่งองค์ทรงเครื่องด้วยตนเอง นั่นจึงทำให้นางหลีกเลี่ยงอาการบาดเจ็บที่หลังไปอย่างเสียไม่ได้ แต่นางก็ได้แต่ต้องอดทนเอาไว้
เซียวอวี้เอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“วันนี้ฮองเฮายังคงมีไข้สูงอยู่หรือไม่”
เหลียนซวงก้มหน้าตอบกลับ “เพ เพคะ”
เหลียนซวงมีท่าทีตื่นเต้นเล็กน้อย
มิรู้เลยว่าฝ่าบาทมาถึงเมื่อใด
นับว่าโชคดีที่เมื่อครู่นางและฮองเฮาหาได้เอ่ยความลับอันใดออกมาไม่ มิเช่นนั้นผลลัพธ์ที่ตามมาคงยากที่จะคาดเดาได้...
หลังจากที่เฟิ่งจิ่วเหยียนสวมใส่อาภรณ์เสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น เซียวอวี้จึงเดินผ่านเหลียนซวงเข้ามาหยุดที่ข้างเตียง
เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงทำความเคารพเขาอยู่ที่ข้างเตียงด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว
เซียวอวี้ยกมือขึ้นเพื่อจับไหล่ของนางเอาไว้ ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า
“อาการบาดเจ็บของเจ้ายังไม่หาย มิจำเป็นต้องทำความเคารพ”
เฟิ่งจิ่วเหยียนหลุบตาลงครึ่งหนึ่ง คล้ายกับว่าไร้เรี่ยวแรงหาได้มีท่าทีร่าเริงไม่
“เพคะ”
“บาดแผลดีขึ้นบ้างหรือไม่?” เซียวอวี้เอ่ยถาม
หากเฟิ่งจิ่วเหยียนมิได้เห็นแววตาที่ฉายไปด้วยความรู้สึกรังเกียจของเขาก่อนหน้านี้ละก็ นางคงคิดว่าเขาเป็นห่วงเป็นใยนางจึงได้เอ่ยถามเช่นนี้ออกมาอย่างแน่นอน
เฟิ่งจิ่วเหยียนก้มหน้าลง “มิได้มีปัญหาร้ายแรงอันใดเพคะ”
ในขณะเดียวกัน เหลียนซวงจึงรวบผ้าม่านขึ้น ก่อนจะใช้ตะขอสีทองเข้ามาเกี่ยวรัดผ้าม่านเอาไว้ ทำให้พื้นที่คับแคบเมื่อครู่จึงโปร่งโล่งมากขึ้น ทำให้บรรยากาศถ่ายเทมิอึดอัด
“เรื่องที่ข้าให้เจ้าเก็บไปคิด เจ้าคิดออกแล้วหรือยัง”
เฟิ่งจิ่วเหยียนเงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตาของนางกระจ่างใส ไร้อารมณ์อื่นใด
“ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันหาได้ต้องการสิ่งที่ท่านเอ่ยออกมาไม่...”
เซียวอวี้แย้มยิ้มออกมาอย่างเย็นชา ราวกับว่าเขาไม่เชื่อในสิ่งที่นางพูด
เขาที่ถือกำเนิดขึ้นในวัง การต่อสู้แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นล้วนพบเจอมาหมดทุกรูปแบบแล้ว
เสด็จแม่มักจะเอ่ยเตือนเขาอยู่เสมอ เนื่องด้วยเขาที่มีฐานะเป็นถึงองค์ชายนั้น ในพระราชวังแห่งนี้นับว่ายากที่จะพบเจอกับความสัมพันธ์ที่จริงใจได้
ทว่า เขาหาได้คิดจริงจังไม่ สุดท้ายเพราะความไร้เดียงสาของตัวเอง ทำให้เขาถึงกับพลาดพลั้งให้สตรีนางหนึ่ง จนทำร้ายมารดาของตนเองทางอ้อม...
ต่อมา เขายังได้เห็นกับตาของตนเองว่าพระสนมที่รักใคร่ในเสด็จพ่อหนักหนา มีความรักใคร่กับผู้อื่นทั้งยังพยายามจะลอบสังหารกษัตริย์ของแว่นแคว้นอีก
ยังมีนางสนมที่แสด็จพ่อโปรดปราน จนกระทำตัวหยิ่งผยองหาเรื่องวิวาทภายในวังหลัง ทำเอาราชสำนักวุ่นวายไปหมด ต่อมาเพียงเพื่อตำแหน่งมารดาของแผ่นดิน นางจึงหันมาห้ำหั่นกับเสด็จพ่อแทน จากสตรีเรียบร้อยอ่อนหวานไร้เดียงสากลับกลายเป็นสตรีร้ายและน่าหวาดกลัวยิ่งนัก
ก่อนที่เสด็จพ่อจักสิ้นใจจากไป ได้กำชับเขาเอาไว้เรื่องหนึ่ง “สตรีในวังหลัง เจ้าสามารถให้ความรักความโปรดปรานนางได้ ทว่า อย่าได้คิดเอาใจไปแลก มิเช่นนั้นจะเป็นหายนะสำหรับกษัตริย์ผู้ปกครองและแว่นแคว้น...”
ความทรงจำพลันหยุดลง
น้ำเสียงของเซียวอวี้ค่อย ๆ เริ่มเย็นลงเรื่อย ๆ ก่อนจะเอ่ยเตือนสตรีที่อยู่ตรงหน้าว่า
“ฮองเฮา เจ้าอย่าได้ลำพองใจมากเกินไปนัก หมากที่เต็มกระดานไม่แน่ว่าเจ้าอาจจะสูญสิ้นทุกอย่างไปก็เป็นได้”
เฟิ่งจิ่วเหยียนรู้สึกเหนื่อยล้ายิ่งนัก แต่เป็นความเหนื่อยทางใจ
ดูเหมือนเขาจะมิได้เข้าใจนางเลย


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย
เติมเหรีญญไป 500 เหรียญ เริ่มกดซื่อตอน จาก 223 มาถึงตอน 227 = 5 ตอน 40 เหรัยญ แต่ตอนนี้มีเหรียญคงเหลือ 444 เหรียญ และเปิดอ่านย้อนหลังไม่ได้ ช่วยแก้ไขด้วยค่ะ...
สนุกดี แต่ใช้บัตร์เติมเงินเอไอเอสไม่ได้ ขอบคุที่ให้อ่าน...