เข้าสู่ระบบผ่าน

แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย นิยาย บท 248

ดวงตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนพลันฉายแววความห่างเหินออกมา

แม้ว่าหมอหลวงจักมิได้กล่าวความจริงออกมา ทว่า เซียวอวี้ก็คงมองออกว่านางแสร้งป่วย

เช่นนี้นางคงมิอาจแสร้งป่วยต่อไปได้อีก ทั้งยังมิอาจใช้โอกาสนี้หาข้ออ้างหลบออกจากวังหลวงไปได้อีกแล้ว

ในยามนี้ นางคงต้องคิดหาทางอื่น

อย่างแรกต้องติดต่ออู้ไป๋ให้ได้เสียก่อน ต้องนำยาแสร้งตายมาให้ได้

ทว่า การคุ้มกันภายในวังหลวงแน่นหนายิ่งนัก นี่ถือว่าเป็นปัญหาอันใหญ่หลวง

อีกด้านหนึ่ง

เซียวอวี้มองออกว่าอาการไข้สูงของฮองเฮานั้นเป็นนางที่เสแสร้งออกมา ทว่า ก็มิมีหมอหลวงคนใดสักคนออกมากล่าวความจริงในเรื่องนี้

หากแต่ยามนี้ภารกิจของแว่นแคว้นมีมากมายนัก เขามิอาจหาเวลามาคิดเรื่องเล็กเรื่องน้อยเช่นนี้กับนางได้

การแสร้งป่วยเช่นนี้นับว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่ว่าจะคิดเช่นไรนางก็แค่หาวิธีเรียกร้องความสนใจจากเขาเท่านั้น

เห็นแก่ที่นางเอาตัวรับลูกธนูให้เขานั้น เขาจะไม่เปิดเผยเรื่องนี้ ทว่า ก็มิคิดให้อภัยนางในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน

หลังจากวันนั้น เซียวอวี้ก็มิได้มาเยือนที่ตำหนักหย่งเหออีก

นางสนมเจียและนางสนมเจียงทั้งสองคนที่มักจะมาเยี่ยมเยียนบ่อย ๆ

นางสนมเจียพลันกล่าวว่า “ฮองเฮาเพคะ ท่านมิได้มีอาการสาหัสอันใดใช่หรือไม่เพคะ? หลายวันที่ผ่านมานี้ ข้ากับสนมคนอื่น ๆ อยากมาเยี่ยมเยียนท่านนัก หากแต่ฝ่าบาทส่งคนมาคุ้มกันเข้มงวดเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังมิให้นางสนมคนใดมารบกวนเวลาพักฟื้นของท่านอีก”

นางสนมเจียงเอ่ยสมทบขึ้นมา “ใช่แล้ว หลังจากเทศกาลวันไหว้พระจันทร์นั้น เวรยามในพระราชวังก็ตรวจตราเข้มงวดขึ้น หม่อมฉันแค่อยากจะส่งจดหมายถึงตระกูล ล้วนแต่ถูกส่งตีกลับมาจนหมด”

เพราะเวรยามที่แน่นหนาเช่นนี้ ทำให้มิอาจส่งยาแสร้งตายมาให้กับเฟิ่งจิ่วเหยียนได้

โอกาสดี ๆ เช่นนี้ จึงหลุดลอยไปอย่างน่าเสียดายยิ่งนัก

ทว่า เป็นเพราะนางที่ร้อนใจเกินไป แผนการถึงได้เกิดช่องโหว่ออกมาเช่นนี้ได้

ถึงอย่างไรนางก็มิคิดเลยว่า จักมีนักฆ่ามาปรากฏตัวในงานเลี้ยงเทศกาลไหว้พระจันทร์

ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น นางก็หาได้รู้สึกเสียใจไม่ที่เอาตัวรับคมลูกศรแทนฮ่องเต้

แว่นแคว้นสงบสุข สงครามในชายแดนจึงจะมีน้อยลง

อีกทั้งฝ่าบาทที่เป็นกระดูกสันหลังของประเทศชาติ

“ฮองเฮา ขอให้พระองค์หายในเร็ววันนะเพคะ พี่หญิงน้องหญิงทั้งหลายยังอยากจัดการแข่งขันโปโลอีก ทักษะการขี่ม้าของหม่อมฉันเองก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ แล้วเพคะ!” นางสนมเจียตั้งหน้าตั้งตารอ

เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงรับปากไปพลาง ๆ

นางสนมเจียงที่เป็นคนละเอียดลออนั้น จึงคิดว่าร่างกายของฮองเฮาไม่สู้ดี จึงได้รีบลากนางสนมเจียขอตัวลากลับไปเสียก่อน

หลังจากทั้งสองคนออกไปได้ไม่นานนั้น หนิงเฟยก็เข้ามา

หนิงเฟยหาได้มาเยี่ยมไข้ไม่

“ฮองเฮาเพคะ หม่อมฉันมีบางอย่างที่น่าสนใจจะมาบอกเพคะ หม่อมฉันอดทนรอแทบไม่ได้ที่จะบอกท่านเลยเพคะ ฝ่าบาทสั่งให้คนไปทำการสอบสวนมู่หรงเจี๋ยแล้วเพคะ สองวันนี้ก็ได้ข่าวบางอย่างกลับมาแล้ว”

“ตระกูลมู่หรงคงจะถึงจุดจบในครานี้”

เฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยออกมาด้วยความเย็นชาว่า

“ ตระกูลมู่หรงจักเป็นเช่นไร ข้าหาได้คิดสนใจไม่”

“คนของจิ้งกุ้ยเหรินเช่นกัน หากพวกนางมิมาหาเรื่องข้าก่อนนั้น ข้าก็ไม่คิดทำร้ายนางเช่นกัน หนิงเฟย เจ้ากับข้าหาใช่คนประเภทเดียวกันไม่”

หนิงเฟยพลันส่งเสียงหัวเราะออกมา

แววตาของนางแฝงไปด้วยความเย่อหยิ่งเสียหลายส่วน

“ฮองเฮาเพคะ ฝ่าบาทคงจะไม่ทราบว่าหนัวสือร้องเรียนนั้นมาจากที่ใดกระมัง”

คำขู่เช่นนี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนหาได้เห็นอยู่ในสายตาไม่

“เจ้าสามารถเอาเรื่องนี้ไปทูลต่อฝ่าบาทได้”

เมื่อหนิงเฟยเห็นว่าเฟิ่งจิ่วเหยียนไม้อ่อนไม้แข็งไม่กินเช่นนี้ ทั้งยังราดเกลือราดน้ำมันลงไปไม่ได้อีก จึงนึกหงุดหงิดยิ่งนัก

“เรื่องที่ท่านแสร้งป่วยเพื่อให้ได้รับความโปรดปรานนั้น พวกเราทุกคนต่างก็รู้แก่ใจเป็นอย่างดี

ทันทีที่เอ่ยถึงเรื่องราวในคืนนั้น ไทเฮาพลันรู้สึกหนาวสั่นขึ้นมาเสียไม่ได้

ในช่วงหน้าสิวหน้าขวานเช่นนั้น เป็นช่วงที่สามารถมองจิตใจผู้คนออกมาได้อย่างง่ายดาย

ฝ่าบาทหาได้สนใจนางไม่

“เรื่องของหรงเฟย เป็นความผิดของข้าจริง ๆ” ไทเฮาพลางถอนหายใจออกมา

กุ้ยหมัวมัวจึงได้แต่เอ่ยปลอบใจนางว่า

“ไทเฮาเพคะ ในยามนั้นท่านหาได้รู้ไม่ว่าหรงเฟยประชวรจริง ๆ”

……

ตำหนักฟางเฟย

มู่หรงฉานพลันลุกขึ้นยืน ก่อนจะเลิกคิ้วมองไปที่ชิวหงนางกำนัลของตนเอง ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน ทว่า แววตากลับฉายแววตกใจอย่างสุดขีด

“เจ้าว่าอะไรนะ? เกิดอะไรขึ้นกับพี่ใหญ่?”

ชิวหงร่ำไห้ออกมาเสียฉากใหญ่ “แม่ทัพ... ท่านแม่ทัพถูกถอดยศแล้วเพคะ!”

มู่หรงฉานถึงกับล้มตัวลงบนเก้าอี้ในทันที มือเท้าเกิดอาการชาไปหมด ภายในใจตื่นตระหนกยิ่งนัก

ไม่นานนัก นางก็ควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ ก่อนจะเอ่ยสั่งการออกมาว่า

“เปลี่ยนอาภรณ์ ไปเข้าเฝ้าไทฮองไทเฮา”

ในยามนี้มีเพียงไทฮองไทเฮาเท่านั้นที่พอจะช่วยเหลือนางได้

อย่างไรก็ตาม เมื่อนางพูดจบพลันมีคนในวังเข้ามาส่งข่าวว่า

“จิ้งกุ้ยเหริน ฝ่าบาทเรียนเชิญให้ท่านไปเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”

ใจของมู่หรงฉานพลันตกไปอยู่บนตาตุ่มในทันที

การที่ฝ่าบาทเรียกพบนางในยามนี้ เกรงว่าหาใช่เรื่องดีไม่

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย