ดวงตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนพลันฉายแววความห่างเหินออกมา
แม้ว่าหมอหลวงจักมิได้กล่าวความจริงออกมา ทว่า เซียวอวี้ก็คงมองออกว่านางแสร้งป่วย
เช่นนี้นางคงมิอาจแสร้งป่วยต่อไปได้อีก ทั้งยังมิอาจใช้โอกาสนี้หาข้ออ้างหลบออกจากวังหลวงไปได้อีกแล้ว
ในยามนี้ นางคงต้องคิดหาทางอื่น
อย่างแรกต้องติดต่ออู้ไป๋ให้ได้เสียก่อน ต้องนำยาแสร้งตายมาให้ได้
ทว่า การคุ้มกันภายในวังหลวงแน่นหนายิ่งนัก นี่ถือว่าเป็นปัญหาอันใหญ่หลวง
อีกด้านหนึ่ง
เซียวอวี้มองออกว่าอาการไข้สูงของฮองเฮานั้นเป็นนางที่เสแสร้งออกมา ทว่า ก็มิมีหมอหลวงคนใดสักคนออกมากล่าวความจริงในเรื่องนี้
หากแต่ยามนี้ภารกิจของแว่นแคว้นมีมากมายนัก เขามิอาจหาเวลามาคิดเรื่องเล็กเรื่องน้อยเช่นนี้กับนางได้
การแสร้งป่วยเช่นนี้นับว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่ว่าจะคิดเช่นไรนางก็แค่หาวิธีเรียกร้องความสนใจจากเขาเท่านั้น
เห็นแก่ที่นางเอาตัวรับลูกธนูให้เขานั้น เขาจะไม่เปิดเผยเรื่องนี้ ทว่า ก็มิคิดให้อภัยนางในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน
หลังจากวันนั้น เซียวอวี้ก็มิได้มาเยือนที่ตำหนักหย่งเหออีก
นางสนมเจียและนางสนมเจียงทั้งสองคนที่มักจะมาเยี่ยมเยียนบ่อย ๆ
นางสนมเจียพลันกล่าวว่า “ฮองเฮาเพคะ ท่านมิได้มีอาการสาหัสอันใดใช่หรือไม่เพคะ? หลายวันที่ผ่านมานี้ ข้ากับสนมคนอื่น ๆ อยากมาเยี่ยมเยียนท่านนัก หากแต่ฝ่าบาทส่งคนมาคุ้มกันเข้มงวดเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังมิให้นางสนมคนใดมารบกวนเวลาพักฟื้นของท่านอีก”
นางสนมเจียงเอ่ยสมทบขึ้นมา “ใช่แล้ว หลังจากเทศกาลวันไหว้พระจันทร์นั้น เวรยามในพระราชวังก็ตรวจตราเข้มงวดขึ้น หม่อมฉันแค่อยากจะส่งจดหมายถึงตระกูล ล้วนแต่ถูกส่งตีกลับมาจนหมด”
เพราะเวรยามที่แน่นหนาเช่นนี้ ทำให้มิอาจส่งยาแสร้งตายมาให้กับเฟิ่งจิ่วเหยียนได้
โอกาสดี ๆ เช่นนี้ จึงหลุดลอยไปอย่างน่าเสียดายยิ่งนัก
ทว่า เป็นเพราะนางที่ร้อนใจเกินไป แผนการถึงได้เกิดช่องโหว่ออกมาเช่นนี้ได้
ถึงอย่างไรนางก็มิคิดเลยว่า จักมีนักฆ่ามาปรากฏตัวในงานเลี้ยงเทศกาลไหว้พระจันทร์
ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น นางก็หาได้รู้สึกเสียใจไม่ที่เอาตัวรับคมลูกศรแทนฮ่องเต้
แว่นแคว้นสงบสุข สงครามในชายแดนจึงจะมีน้อยลง
อีกทั้งฝ่าบาทที่เป็นกระดูกสันหลังของประเทศชาติ
“ฮองเฮา ขอให้พระองค์หายในเร็ววันนะเพคะ พี่หญิงน้องหญิงทั้งหลายยังอยากจัดการแข่งขันโปโลอีก ทักษะการขี่ม้าของหม่อมฉันเองก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ แล้วเพคะ!” นางสนมเจียตั้งหน้าตั้งตารอ
เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงรับปากไปพลาง ๆ
นางสนมเจียงที่เป็นคนละเอียดลออนั้น จึงคิดว่าร่างกายของฮองเฮาไม่สู้ดี จึงได้รีบลากนางสนมเจียขอตัวลากลับไปเสียก่อน
หลังจากทั้งสองคนออกไปได้ไม่นานนั้น หนิงเฟยก็เข้ามา
หนิงเฟยหาได้มาเยี่ยมไข้ไม่
“ฮองเฮาเพคะ หม่อมฉันมีบางอย่างที่น่าสนใจจะมาบอกเพคะ หม่อมฉันอดทนรอแทบไม่ได้ที่จะบอกท่านเลยเพคะ ฝ่าบาทสั่งให้คนไปทำการสอบสวนมู่หรงเจี๋ยแล้วเพคะ สองวันนี้ก็ได้ข่าวบางอย่างกลับมาแล้ว”
“ตระกูลมู่หรงคงจะถึงจุดจบในครานี้”
เฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยออกมาด้วยความเย็นชาว่า
“ ตระกูลมู่หรงจักเป็นเช่นไร ข้าหาได้คิดสนใจไม่”
“คนของจิ้งกุ้ยเหรินเช่นกัน หากพวกนางมิมาหาเรื่องข้าก่อนนั้น ข้าก็ไม่คิดทำร้ายนางเช่นกัน หนิงเฟย เจ้ากับข้าหาใช่คนประเภทเดียวกันไม่”
หนิงเฟยพลันส่งเสียงหัวเราะออกมา
แววตาของนางแฝงไปด้วยความเย่อหยิ่งเสียหลายส่วน
“ฮองเฮาเพคะ ฝ่าบาทคงจะไม่ทราบว่าหนัวสือร้องเรียนนั้นมาจากที่ใดกระมัง”
คำขู่เช่นนี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนหาได้เห็นอยู่ในสายตาไม่
“เจ้าสามารถเอาเรื่องนี้ไปทูลต่อฝ่าบาทได้”
เมื่อหนิงเฟยเห็นว่าเฟิ่งจิ่วเหยียนไม้อ่อนไม้แข็งไม่กินเช่นนี้ ทั้งยังราดเกลือราดน้ำมันลงไปไม่ได้อีก จึงนึกหงุดหงิดยิ่งนัก
“เรื่องที่ท่านแสร้งป่วยเพื่อให้ได้รับความโปรดปรานนั้น พวกเราทุกคนต่างก็รู้แก่ใจเป็นอย่างดี



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย
เติมเหรีญญไป 500 เหรียญ เริ่มกดซื่อตอน จาก 223 มาถึงตอน 227 = 5 ตอน 40 เหรัยญ แต่ตอนนี้มีเหรียญคงเหลือ 444 เหรียญ และเปิดอ่านย้อนหลังไม่ได้ ช่วยแก้ไขด้วยค่ะ...
สนุกดี แต่ใช้บัตร์เติมเงินเอไอเอสไม่ได้ ขอบคุที่ให้อ่าน...