เข้าสู่ระบบผ่าน

แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย นิยาย บท 249

ภายในห้องทรงพระอักษรนั้น กลิ่นอายขององค์จักรพรรดิที่แผ่กระจายออกมา ย่อมทำให้ข้าราชบริพารใต้ล่างต้องยอมจำนน

มู่หรงฉานยังคงท่วงท่าสง่างามของตนเองเอาไว้ ก่อนจะก้มหน้าลงหลุบสายตาลงไปมองบนพื้น

ภายในห้องโถงที่เต็มไปด้วยความเงียบสงบ คล้ายกับว่าจะได้ยินเสียงหัวใจของตนเองที่เต้นรัวออกมา

บุรุษที่นั่งอยู่บนบัลลังก์พลางเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก

“พี่ชายของเจ้ายักยอกเงินจากค่ายทหาร ทั้งยังกระทำการแย่งชิงเกียรติยศของพลทหารคนอื่น ใช้การรุมประชาทัณฑ์เพื่อกำจัดคนที่รู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทั้งยังส่งคนไปไล่ล่าจนมาถึงเมืองหลวง เจ้าเคยได้ยินเรื่องนี้มาบ้างหรือไม่?”

มู่หรงฉานขบกัดริมฝีปากล่างของตนเองเบา ๆ

“แต่แรกจนโตหม่อมฉันเติบโตขึ้นภายในอารามเพคะ ในความทรงจำของหม่อมฉัน พี่ชายเป็นบุคคลที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาจิตใจดี หม่อมฉันรู้ว่าเขา...”

“งานเลี้ยงวันเทศกาลไหว้พระจันทร์ของขวัญ”

เซียวอวี้กลับเอ่ยตัดบทสนทนา ทำเอามู่หรงฉานตื่นตระหนกไปในทันที

เขาค่อย ๆ เปิดฎีกาขึ้นมาช้า ๆ พลางมองเนื้อหาในฎีกาไปด้วย ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมาด้วยท่าทีไม่รีบไม่ร้อน

“มิเกี่ยวอันใดกับเจ้าเลยหรือ?”

มู่หรงฉานไม่คาดคิดเลยว่า งานเลี้ยงวันไหว้พระจันทร์ที่ผ่านไปนานกว่าครึ่งเดือนแล้ว ฝ่าบาทเพิ่งมาสงสัยในตัวนาง

“หม่อมฉันหาได้มีจิตใจคิดร้ายต่อผู้ใดไม่เพคะ ฝ่าบาททรงทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดี”

ริมฝีปากบางของเซียวอวี้ยกยิ้มออกมาเล็กน้อย

“ผู้คนต่างกล่าวว่าคนตายย่อมไร้หลักฐาน หารู้ไม่ว่า บนร่างของคนตายก็สามารถสืบหาความจริงได้เช่นกัน”

ลมหายใจของมู่หรงฉานพลันหยุดชะงักไปในทันที

เมื่อเซียวอวี้เอ่ยออกมาเช่นนี้ เขาจึงเงยหน้าขึ้นมองมู่หรงฉาน ใบหน้าของนางมีหลายส่วนที่คล้ายคลึงกับหรงเฟยยิ่งนัก

“เห็นแก่หน้าตาหรงเฟย ข้าจักให้โอกาสเจ้าสารภาพออกมาด้วยตนเองเสีย”

“เพี๊ยะ” ฎีกาถูกฟาดลงบนโต๊ะทรงงานในทันที

หัวใจของมู่หรงฉานราวกับตกลงไปอยู่บนตาตุ่ม

ในวังหลังนั้น ย่อมมิเกี่ยงวิธีที่จะใช้แย่งชิงความโปรดปราน ทว่า มิอาจมองฝ่าบาทเป็นเพียงคนโง่เง่าไปได้

ยามที่มู่หรงฉานเงยหน้าขึ้นมานั้น ดวงตาคู่นั้นพลันเจือไปด้วยหยาดน้ำตาใสกระจ่างประหนึ่งไข่มุกสีใส

“ฝ่าบาทเพคะ เป็นคำสั่งของหม่อมฉันเองเพคะ หม่อมฉัน...หม่อมฉันเพียงแค่ต้องการระบายความโกรธแทนพี่หญิงของหม่อมฉันเท่านั้น”

สายตาเซียวอวี้ที่เต็มไปด้วยความเย็นชา กลับมีคลื่นอารมณ์แปลก ๆ เข้ามาในทันที

เมื่อมู่หรงฉานเห็นการเปลี่ยนแปลงของเซียวอวี้แล้วนั้น ภายในใจของนางมิได้มีท่าทีหวาดกลัวดังเดิม

ที่แท้ ฝ่าบาทยังคงมีบ่วงอยู่

ถึงแม้ว่าวังหลังจักมีสาวงามมากถึงสามพันนาง แต่ผู้ที่อยู่ในใจของฝ่าบาทมีเพียงพี่หญิงของนางคนเดียวเท่านั้น

มู่หรงฉานจึงเอ่ยขึ้นมาอีกว่า

“บางทีฝ่าบาทอาจจะจำไม่ได้

“ยามที่ฝ่าบาทมาสู่ขอพี่หญิงของหม่อมฉันก่อนจะขึ้นครองราชย์นั้น หม่อมฉันก็อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกันเพคะ ทั้งยังได้ยินที่ท่านเอ่ยให้สัตย์ปฏิญาณตนท่านลุงอีกว่า ภรรยาของท่านจักมีเพียงพี่หญิงของข้าเท่านั้น”

“ต่อมา เมื่อพี่หญิงของข้าเข้าวังไปเป็นพระสนมของท่านแล้ว ท่านยังให้สัญญาแก่นางว่า รอเพียงนางประสูติพระโอรสจะแต่งตั้งนางขึ้นเป็นฮองเฮา…”

เซียวอวี้ยังคงจำเหตุการณ์ในอดีตได้เป็นอย่างดี

ทว่า หรงเฟยจากไปแล้ว

ยิ่งมู่หรงฉานพูดถึงเรื่องนี้มากขึ้นเท่าไร ราวกับว่าในฐานะที่นางเป็นหนึ่งในตระกูลของหรงเฟยนั้น นางมิพอใจต่อการผิดคำสัญญาของฝ่าบาทยิ่งนัก

อย่างแรกมู่หรงฉานต้องการต่อกรกับฮองเฮา ย่อมมิมีเหตุผลที่ต้องสอดมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับของขวัญของผู้อื่น

อย่างที่สอง หนังสือร้องเรียนหาได้เป็นของขวัญที่กำหนดไม่ ย่อมเป็นคนนอกที่นำเรื่องนี้เข้ามาอย่างแน่นอนเพื่อเป็นการสับเปลี่ยน ฉะนั้นแล้วย่อมเป็นไปไม่ได้เลยที่นางและคนของมู่หรงฉานจักเป็นคนทำ

หลังจากนั้นมู่หรงฉานเอ่ยออกมาต่ออย่างใจกล้า

“ฝ่าบาทเพคะ ถึงแม้วิธีการของหม่อมฉันจักมิได้ซับซ้อน ทั้งยังดูออกได้ง่ายดาย เกรงว่า...ฮองเฮาคงจะคาดเดาเรื่องนี้ได้นานแล้วเพคะ”

ใบหน้าของเซียวอวี้พลันฉายแววเยือกเย็นออกมาในทันที

“ในเมื่อเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะเจ้า เช่นนั้นก็ให้มันจบแค่ตรงนี้เสีย”

มู่หรงฉานมิได้แก้ต่างให้กับตนเองอีก พร้อมทั้งโค้งกายคำนับขอความเมตตาและจากไป

ฝ่าบาทมิได้ลงโทษนาง ทั้งยังดูเหมือนจะระแวดระวังในตัวฮองเฮาอีกด้วย

เกรงว่าการแก่งแย่งภายในวังหลังนั้น มีเพียงฝ่าบาทเท่านั้นที่ได้ประโยชน์ในเรื่องนี้

มองดูเหล่าสาวงามโจมตีเพื่อเขาจนเลือดเนื้อไหลนองเช่นนี้ ย่อมมีความสุขมิใช่หรือ

ทว่า เมื่อสัมผัสได้ถึงอำนาจขององค์จักรพรรดิแล้วนั้น เช่นการยื่นมือเข้าไปยุ่งกับราชวงศ์ก่อนหน้า ความพยายามแทรกแซงการเมือง นับว่าเป็นอาชญากรรมร้ายแรง ฝ่าบาทย่อมมิอาจทนได้

มู่หรงฉานหันกายเดินออกจากห้องทรงพระอักษรในทันที ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มของผู้ได้ชัย

ตำหนักใน

เซียวอวี้ขมวดคิ้วเป็นปม สายตาของเขายังเจือไปด้วยความเย็นชา

“เรียกฮองเฮา...”

เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ จู่ ๆ เขาก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ พร้อมเปลี่ยนมาพูดว่า “ไม่ จัดเกี้ยวไปที่ตำหนักหย่งเหอ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย