เข้าสู่ระบบผ่าน

แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย นิยาย บท 252

แม้ว่าไทฮองไทเฮาอาศัยอยู่ที่ภูเขาอวี้หยางเป็นเวลานาน ทว่ายังมีหูตาของนางอยู่ในพระราชวังมากมาย

นางกล่าว

“ในงานเลี้ยงวันไหว้พระจันทร์ ฮองเฮาเอาตัวมาขวางลูกธนูแทนฝ่าบาท ยังมิได้รับรางวัลใด ๆ เลย เนื่องจากฝ่าบาทรับสั่งว่า ขอเพียงฮองเฮาเอ่ยปาก สิ่งใดก็สามารถให้ได้ แม้กระทั่งพระราชทานบรรดาศักดิ์โหวศักดินาหนึ่งหมื่นครัวเรือนให้พี่ชายของนาง ฝ่าบาทสามารถรับปากอย่างง่ายดาย

“ทว่า จวบจนบัดนี้ฮองเฮายังมิได้ขอสิ่งใด”

ไทฮองไทเฮาแนะนำเพียงผิวเผิน มู่หรงฉานก็เข้าใจทันที

ฮ่องเต้ตรัสแล้วไม่คืนคำ

หากฮองเฮาออกหน้าขอร้องแทนตระกูลมู่หรง ฝ่าบาทมีแนวโน้มจะตกลงอย่างมาก

มู่หรงฉานขอบคุณและขอตัวลา เมื่อออกจากตำหนักวั่นโซ่ว ก็ตรงไปที่ตำหนักหย่งเหอ

……

ภายในตำหนักหย่งเหอ

มู่หรงฉานคุกเข่าเป็นเวลานาน

เฟิ่งจิ่วเหยียนนั่งอยู่บนเก้าอี้ ค่อย ๆ ดื่มยาอย่างไม่ช้าไม่เร็ว

นางมีสายตาเงียบสงบ ไร้ร่องรอยของระลอกคลื่นบนใบหน้า

“แม้ว่าเจ้าคุกเข่าจนพิการ ข้าก็สุดวิสัยที่จะช่วยได้”

คนเช่นมู่หรงเจี๋ย ไม่มีค่าพอให้นางช่วย

เขายักยอกเบี้ยหวัดทหาร มิใช่เพียงแค่เงินทอง ยังมีเสื้อนวมสำหรับฤดูหนาวของเหล่าทหาร และเสบียงอาหารให้อิ่มท้อง

นางชิงชังสุดหัวใจ ก็คือกากเดนมนุษย์ประเภทนี้

มู่หรงฉานน้ำตาคลอหน่วย

“ฮองเฮาเพคะ หากสามารถช่วยชีวิตท่านพี่ได้ หม่อมฉันเต็มใจทำทุกอย่าง ขอเพียงท่านโปรดออมมือ...”

เฟิ่งจิ่วเหยียนอดแค่นเสียงเย็นชามิได้

“โปรดออมมืออย่างไร หรือจิ้งกุ้ยเหรินกำลังคิดว่า เป็นข้าที่ต้องการทำร้ายพี่ชายของเจ้า และทำร้ายตระกูลมู่หรงของเจ้า”

มู่หรงฉานอ้าปากจะพูด สุดท้ายไร้ข้อแก้ตัว ได้แต่โค้งคำนับอย่างน่าสมเพช

ในเวลานี้ ภายนอกมีเสียงดังขึ้น “ฮ่องเต้เสด็จ——”

เฟิ่งจิ่วเหยียนวางถ้วยยาลง เงยหน้าขึ้นมองไปทางประตูตำหนัก

ฮ่องเต้หนุ่มในฉลองพระองค์มังกรมีฝีเท้าสุขุมเยือกเย็น ชายอาภรณ์พลิ้วไหวไปตามย่างก้าวของเขา รัศมีน่าเกรงขาม

“ถวายบังคมฝ่าบาท” ทุกคนในตำหนักทำความเคารพ รวมถึงมู่หรงฉานผู้คุกเข่าบนพื้น สีหน้าแววตาอ่อนแอโรยราราวกับถูกปฏิบัติอย่างโหดร้าย

เซียวอวี้ยกชายฉลองพระองค์ขึ้นนั่งด้านบน มองไปที่มู่หรงฉานอย่างเย็นชา

“กำลังทำอันใดอยู่”

เฟิ่งจิ่วเหยียนกำลังจะพูด เขาตวัดสายตาคมกริบใส่ “เราไม่ได้ถามเจ้า”

มู่หรงฉานกัดเนื้อนุ่มในริมฝีปาก เงยหน้าขึ้น น้ำตาร่วงเผาะ

“ฝ่าบาท ไม่เกี่ยวกับฮองเฮาหรอกเพคะ เป็นหม่อมฉันที่มาขอร้องฮองเฮา…”

เซียวอวี้ยิ้มเยาะ

“นี่คือท่าทีเวลาขอร้องผู้อื่นหรือ”

ทันใดนั้น เขาสั่งให้มู่หรงฉานลุกขึ้น จากนั้นหันกลับมาถามเฟิ่งจิ่วเหยียน

“ฮองเฮา เจ้าอยากขอร้องเราเรื่องมู่หรงเจี๋ยหรือไม่”

มู่หรงฉานมองไปที่เฟิ่งจิ่วเหยียนอย่างคาดหวังมาก ๆ ทันที

เฟิ่งจิ่วเหยียนมิได้มองนาง ตอบอย่างเฉยชา

“หม่อมฉันจำได้ดี วังหลังห้ามแทรกแซงเรื่องในราชสำนักเพคะ”

ระหว่างคิ้วและดวงตาที่เย็นชาของเซียวอวี้ มีรอยยิ้มที่ยากจะอธิบาย

คล้ายว่าไม่ว่าเขาจะทำอันใด นางก็มักจะเฉยเมยทั้งสิ้น ไร้คลื่นทางอารมณ์

เฟิ่งจิ่วเหยียนเปิดปากแผ่วเบา โทนเสียงเรียบเรื่อย สงบนิ่ง

“ย่อมดีใจเพคะ”

สายตาที่แคบลงของเซียวอวี้จับจ้องมองนาง “แล้วเหตุใดจึงไม่ยิ้ม?”

ในความทรงจำ นางแทบจะไม่เคยยิ้มให้เขาเลย

ครั้งสุดท้ายที่เห็นนางยิ้ม คือตอนที่เมิ่งเฉียวม่อมาน้อมคารวะที่ตำหนักหย่งเหอ

ยามนั้นเองที่เขาได้รู้ว่า ใบหน้านี้ของนาง ยามแย้มยิ้มก็สดใสมากเช่นกัน

หว่างคิ้วของเฟิ่งจิ่วเหยียนเริ่มตึงเครียด

ยากที่จะยิ้ม

โดยเฉพาะการยิ้มจอมปลอมให้เขา

ไม่อาจรู้ได้เลย เหตุใดจู่ ๆ เขามีคำขอที่แปลกประหลาดเช่นนี้

ในเวลานี้ ด้านนอกตำหนักมีเสียงองครักษ์รายงาน

“ฝ่าบาท ศาลต้าหลี่มารายงาน มีการค้นพบเรื่องใหม่ในคดีของมู่หรงเจี๋ยพ่ะย่ะค่ะ!”

เซียวอวี้จึงยอมปล่อยเฟิ่งจิ่วเหยียน

เขากำลังจะไปแล้ว

เฟิ่งจิ่วเหยียนกำลังจะผ่อนคลายลง กลับได้ยินประโยคที่เขาทิ้งไว้

“คืนนี้เราจะมาร่วมโต๊ะอาหารเย็นที่ตำหนักหย่งเหอ”

----------------------------------------------

[1] เก้ามิ่ง คือ บรรดาศักดิ์ที่มอบให้ภรรยาหรือมารดาของขุนนาง ขั้น 1-5 เรียกว่า เก้ามิ่ง ขั้น 6-9 เรียกว่า ชื่อมิ่ง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย