เข้าสู่ระบบผ่าน

แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย นิยาย บท 256

แรงกระแทกของก้อนหินยักษ์เช่นนั้น สามารถทำให้รถม้าพังทลายได้อย่างแน่นอน

เสียงตะโกนของเฉินจี๋ฟังเสมือนลำคอถูกฉีกขาดไป ดังสะท้อนก้องอยู่ในหุบเขาที่เงียบงัน

ในช่วงเวลาวิกฤต เซียวอวี้กำลังมีความคิดจักลงจากรถม้า ทว่าสตรีที่อยู่ข้างกายได้ก้าวนำหน้าเขาไปหนึ่งก้าว คว้าจับมือเขาไว้ และพาเขากระโดดออกไปข้างนอกรถม้าด้วยกัน

ปฏิกิริยาว่องไวเช่นนี้ ย่อมแสดงให้เห็นว่านางได้คาดการณ์ถึงอันตรายของก้อนหินยักษ์ที่กำลังกลิ้งตกลงมา ก่อนที่เฉินจี๋จะรับรู้ได้

เกือบจะเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับพวกเขากระโดดลงจากรถม้า รถม้าก็พลันถูกทำลายจนแตกกระจาย!

ม้าเองก็ตื่นตระหนก หลังหลุดจากเชือกบังเหียน ก็วิ่งเตลิดจนพลัดตกจากหน้าผาไป

มีเพียงคนทั้งสามที่ติดอยู่ระหว่างหินยักษ์สองก้อน เดินหน้าต่อไปมิได้ ถอยหลังยิ่งไร้หนทาง

เฉินจี๋กำกระบี่ยาวไว้แน่น คุ้มครองอยู่เบื้องหน้าของเซียวอวี้ สายตากวาดมองไปรอบ ๆ อย่างระแวดระวัง

“นายท่าน ต้องมีคนซุ่มโจมตีอยู่ในที่ลับเป็นแน่ขอรับ!”

เซียวอวี้ลดสายตามองลงไป——พบว่าฮองเฮายังคงจับมือของเขาไว้ ท่วงท่าเฉกเช่นเดียวกับเฉินจี๋ ใช้สายตาที่เฉียบคมกวาดมองไปโดยรอบ

ความแตกต่างก็คือ เฉินจี๋เฝ้าพิทักษ์ คอยปกป้องฮ่องเต้ ส่วนเฟิ่งจิ่วเหยียนกำลังมองหาทางออก

เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่คิดจะเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่

นางคาดเดาไว้อยู่แล้วว่า เมื่อหินยักษ์สองก้อนนั้นกลิ้งลงมา จักต้องมีหินยักษ์ก้อนที่สามตามมาด้วย จนกว่าจะทำให้พวกตนจักตายตกอยู่ ณ ที่แห่งนี้

ดังนั้นพวกเขาต้องหนีออกจากสถานที่อันตรายนี้โดยเร็วที่สุด

ทว่า บนเส้นทางภูเขาที่คับแคบด้านข้างคือหน้าผา หนทางเบื้องหน้าและหลังถูกปิดกั้นด้วยหินยักษ์ เช่นนี้ยังจะสามารถหนีไปทางใดได้อีก?

ทันใดนั้น เฟิ่งจิ่วเหยียนพลันก้าวเดินไปทางริมหน้าผา

เฉินจี๋เห็นเช่นนี้ รีบร้องเตือน “อันตราย!”

เขาเกือบหลุดปากโพล่งคำว่า “ฮองเฮา” ออกมาแล้วเชียว

เฟิ่งจิ่วเหยียนมิได้หยุดตามเสียงตะโกนห้ามของเขา เพียงชะโงกหน้ามองลงไป

ทันใดนั้นเอง นางเอื้อนเอ่ยพร้อมสายตาที่แน่วแน่

“กระโดดลงไป!”

เฉินจี๋ตกตะลึงงัน

นี่มิใช่รนหาที่ตายหรอกหรือ?

เฟิ่งจิ่วเหยียนชี้ไปที่ใต้หน้าผาแล้วอธิบายว่า “เถาวัลย์เหล่านั้นยึดเกาะกับกำแพงหินผา ถูกเรียกว่า ‘หนามหญิงงาม’ พวกมันหยั่งรากลึกเข้าไปในชั้นกำแพงหินผา เถาวัลย์มีความเหนียวมิเปราะขาดโดยง่าย เมื่อกระโดดลงไป ให้คว้าจับพวกมันเอาไว้...”

เพียงสิ้นเสียง นางพลันกระโดดลงไปพร้อมกับเซียวอวี้ทันที

เฉินจี๋ : !!!

ฝ่าบาท——

เฉินจี๋ไม่มีเวลาให้ตกใจมากนัก เนื่องด้วย หินยักษ์ก้อนที่สามกำลังกลิ้งตกลงมา

มีเสียงดัง “ครืน” เสมือนว่ามีมนุษย์กำลังเฉือนตัดงัดแงะก้อนหินออกจากภูเขา

ก้อนหินยักษ์ก็ถูก “พ่น” ออกมา

โครม!

เฉินจี๋ขว้างกระบี่ทิ้ง ก่อนจะเลียนแบบท่าทางของฮองเฮาที่ทำอยู่ ก้าวเท้ากระโดดลงไป...

หนามหญิงงาม นามเชื่อมโยงสื่อถึงความหมาย เนื่องจากเถาวัลย์มีหนามแหลมคมปกคลุมอยู่ด้านนอก

เมื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนคว้าเถาวัลย์ได้ ฝ่ามือจึงถูกหนามขีดขวดจนเลือดซิบ

โลหิตคล้ายโอสถบำรุงหนามหญิงงาม ภายใต้แสงตะวันจ้าทำให้สีเขียวมรกตของพวกมันเด่นชัดยิ่งขึ้น เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา

เฟิ่งจิ่วเหยียนออกแรงจับยึดเถาวัลย์ไว้แน่น ทันใดนั้น นัยน์ตาของนางมีเงาลูกศรสะท้อนอยู่

อีกด้านหนึ่งมีคนลอบยิงลูกศร!

ลูกศรพุ่งมาราวกับห่าฝน จุดประสงค์เพื่อเอาชีวิตของพวกนาง

ทันใดนั้น พลันมีร่างสูงร่างหนึ่งโอบรัดกายนางไว้ในอ้อมแขน คอยปกป้องนางไว้จากทางด้านหลัง

นั่นคือเซียวอวี้

นางหันกลับไปมอง พลันได้เผชิญกับสายตาเย็นชาของเขา

เขาเป็นถึงจักรพรรดิของแว่นแคว้น ชีวิตของเขา ย่อมสำคัญกว่าชีวิตของนาง

ทว่าเขากลับปกป้องนาง

นี่ทำให้นางไม่อยากจะเชื่อ

ทว่านางใช้พลังที่แข็งแรงกว่า กดมือนั้นลงกับพื้น

ไม่นานนัก เลือดพิษก็ถูกบ้วนทิ้งออกจนหมด

เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงยอมปล่อยเขาเป็นอิสระ นางลุกขึ้นยืน พลางยกมือขึ้นเพื่อเช็ดเลือดออกจากมุมปาก แสงตะวันอาบไล้ตัวนาง สะท้อนอยู่ในดวงตาของเซียวอวี้ ใบหน้านั้นเปล่งแสงอันนุ่มนวลที่น่ามองเหลือเกิน

ถึงเวลาที่เฟิ่งจิ่วเหยียนควรจากไปได้แล้ว

ถึงอย่างไร นับตั้งแต่นางออกจากพระราชวัง นางเฝ้ารอคอยเพียงแค่โอกาสนี้ตลอด

ทว่ายามนี้ หากทิ้งเซียวอวี้ไว้ที่นี่ตามลำพัง เกรงว่านักฆ่าเหล่านั้นจะไล่ตามมาทัน และมีโอกาสสูงที่จักสังหารเขาสำเร็จ

เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงตัดสินใจว่า รอให้ส่งเขาไปถึงสถานที่ปลอดภัยก่อน นางค่อยจากไป

เมื่อคิดได้เช่นนั้น นางจึงช่วยประคองเขาขึ้นมา

นางยกแขนของเขามาวางพาดบนไหล่ของตนเอง แล้วช่วยพยุงเขาให้ก้าวเดินไปข้างหน้าพร้อมกัน

การเดินเท้าครานี้กินเวลานานนัก จวบจนตะวันลับขอบฟ้า ราตรีกาลเข้ามาแทนที่ ในที่สุดนางก็ได้เห็นบ้านคนสองสามหลังตั้งเรียงราย

ในยามนี้เซียวอวี้รู้สึกว่าสติเริ่มพร่าเลือน ยากจักแยกแยะทิศทางได้ดี

“เจ้า...จะพาเรา ไปที่ใด...”

เฟิ่งจิ่วเหยียนมิได้ตอบคำถามนั้น เพียงแค่ช่วยประคองเขาให้ก้าวเดินไปทางบ้านที่ค่อนข้างสันโดษหลังหนึ่ง เคาะประตูสองสามที

ในบ้านหลังนี้มีคู่สามีภรรยาชราอาศัยอยู่ ยังมีหลานชายอายุมิเกินสิบขวบของพวกเขาอยู่ด้วย

พวกเขามีจิตใจดีมาก เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนดูเรียบร้อย ไม่เหมือนคนชั่วช้าเหล่านั้น จึงต้อนรับขับสู้เข้าประตูบ้าน และจัดให้ทั้งสองพักค้างแรมชั่วคราวในห้องว่างทางปีกตะวันตก

เฟิ่งจิ่วเหยียนช่วยพยุงเซียวอวี้ไปที่เตียง พลางอธิบายให้คู่สามีภรรยาชราฟัง

“ข้ากับสามีโชคร้ายเจอโจรภูเขา จึงได้รับบาดเจ็บ พวกเราจึงอยากขออาศัยอยู่กับท่านสักสองสามวัน แน่นอนว่า ข้าจักไปนำเงินมาเป็นค่าตอบแทนด้วย”

คู่สามีภรรยาชรากอดหลานชายไว้ใกล้ตัว แม้ว่าให้การต้อนรับพวกเขาด้วยความกรุณา ทว่ายังมิวางใจเต็มร้อย โดยเฉพาะชายหนุ่มที่ดูเหมือนใกล้ตายคนนั้น

ชายชราหันไปมองหน้าภรรยา ส่งสัญญาณให้นางออกไปพูดคุยข้างนอก

หลังจากที่พวกเขาเดินออกไปแล้ว เฟิ่งจิ่วเหยียนตรวจดูอาการบาดเจ็บของเซียวอวี้อีกครั้ง และแน่ใจว่าไม่มีปัญหาใหญ่

ทว่าเมื่อนางหันหลังเตรียมจากไป เซียวอวี้ที่กึ่งหลับกึ่งตื่นพลันคว้าจับมือนางไว้แน่น ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย เอ่ยถาม

“จะไปไหน”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย