เฟิ่งจิ่วเหยียนเร่งรีบลุกขึ้นยืน ยกม่านขึ้นแล้วเดินออกไป พลางยกมือเช็ดมุมปากด้วยความรังเกียจ พยายามข่มกลั้นความโกรธในใจ ใบหน้าเย็นชายิ่งนัก
หากเขามิใช่จักรพรรดิ รับประกันได้ว่าจักต้องโดนต่อยสักหมัดเป็นแน่แท้
เซียวอวี้ก็ยกม่านขึ้นและเดินออกมา ท่ามกลางความมืดมิด สายตาจับจ้องมองไปที่นาง
จากนั้นคว้าจับแขนของนางไว้ บังคับให้นางหันมาเผชิญหน้ากับตัวเอง
“ในเมื่อวางแผนจนได้สมใจแล้ว ก็ทำให้มันจบ ๆ ไปเถอะ”
เฟิ่งจิ่วเหยียนยิ่งอยู่ยิ่งรำคาญ
นางควบคุมอารมณ์ที่ขุ่นมัว แล้วเปิดปากเอ่ยอย่างสงบ
“ท่านคงเข้าใจเรื่องใดผิดไปกระมัง ระหว่างข้าและท่าน มิเคยมีการวางแผนเพื่อให้ได้มา”
นัยน์ตาของเซียวอวี้หดเกร็ง
เผลอกระชับมือที่จับแขนของนางให้แน่นขึ้น จนกระทั่งกระดูกข้อนิ้วสีขาวปูดออกมา
เขายิ้มหยัน
“เพียงเพื่อช่วยเรา เจ้าสามารถยอมสละชีวิตได้
“ปากก็พร่ำพูดแต่ว่า อยากเป็นภรรยาของเรา...”
เฟิ่งจิ่วเหยียนทนฟังไม่ไหวอีกแล้ว พลันเอ่ยโต้แย้งโดยตรง
“ที่ช่วยท่าน ย่อมเห็นแก่ฐานะของท่าน มิต่างจากขุนนางช่วยเหลือฮ่องเต้ หรือว่ายามที่องครักษ์มาช่วยเหลือ ต้องมีความรู้สึกต่อท่านด้วยหรือ? สำหรับเรื่องที่อยากเป็นภรรยาของท่านนั้น เกรงว่าท่านจำผิดแล้วกระมัง ข้าเป็นฮองเฮาอยู่แล้ว ไม่มีทางพูดคำเช่นนั้นกับท่านเด็ดขาด”
ใบหน้าของเซียวอวี้ยิ่งอยู่ยิ่งน่าเกลียดขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อความจริงตรงกันข้ามกับสิ่งที่เขาคิดมาโดยตลอด จึงยากที่จะยอมรับได้
“เราจะให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย เจ้าคิดจริง...”
“ไม่” เฟิ่งจิ่วเหยียนรู้ว่าเขาต้องการถามอันใด จึงปฏิเสธตามตรงทันที
ก่อนหน้านี้นางก็เคยสงสัยว่าเขาเข้าใจผิดว่านางมีความรู้สึกต่อเขา ทว่าเขามิได้ทำให้ชัดเจน นางจึงหาโอกาสอธิบายมิได้
และในยามนี้ นางสุดที่จะทนแล้ว
ทว่าอย่างไรเขาก็เป็นกษัตริย์ของแว่นแคว้น และยังเป็นบุรุษ
หากว่าพูดมากเกินพอดี กลัวว่าเขาจักเสียหน้าจนยอมรับไม่ได้ ไม่รู้ว่าจักเกิดเรื่องราวเช่นไรตามมา
คิดได้เช่นนี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงค่อย ๆ สงบลง แล้วกล่าว
“ในวันอภิเษกครานั้น ท่านได้เตือนหม่อมฉันแล้วว่า จงอย่าได้คิดร้องขอความโปรดปราน หม่อมฉันได้จดจำไว้ขึ้นใจ ดังนั้น จึงมีเพียงความยำเกรงต่อท่าน ไร้ซึ่งอื่นใด...”
เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้ว เซียวอวี้พ่นลมหายใจผ่านจมูกอย่างเย็นชา
คล้ายว่าดูแคลนตนเอง ยังคล้ายกับคลื่นใต้น้ำก่อนเกิดคลื่นลูกใหญ่ หอบเอาอันตรายที่มิอาจหยั่งรู้ได้มาเยือน
“เป็นข้าที่เข้าใจผิดไปเองหรือ”
ทว่ามือของเขาที่จับแขนนางไว้มิคลายออกเลย มิหนำซ้ำยังรัดแน่นขึ้นเรื่อย ๆ
เฟิ่งจิ่วเหยียนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอันเป็นปรปักษ์ที่เปล่งออกมาจากอีกฝ่าย จึงพยายามดึงแขนออกมา
ในเวลานี้นางไม่อาจมองเห็น ดวงตาที่เต็มไปด้วยสีแดงคู่นั้นของเขา มิอาจมองเห็น ความหมองมัวที่ปกคลุมบนใบหน้าที่เย็นชาหล่อเหลาของเขา
โดยทันใดนั้น เขาสอดมือเดียวตรึงท้ายทอยของนางไว้ เปรียบเสมือนหมาป่าที่ดุร้ายป่าเถื่อน จู่โจมริมฝีปากของนาง และกัด...
เฟิ่งจิ่วเหยียนเม้มริมฝีปากแน่น กัดฟันให้แน่นขึ้นอีกด้วย
นางดันมือไว้บนแผงอกของเขา ทว่าผลักออกไม่ได้ จึงต้องใจแข็ง โดยคว้าจับไปที่บาดแผลตรงไหล่ซ้ายของเขา
กระนั้น ทำเขาเจ็บปวด เขายิ่งกลับกลายเป็นดุดันมากขึ้น
มือที่แต่เดิมจับแขนของนางไว้ เลื่อนมาคว้าเอวนางแทน และพันธนาการนางเอาไว้...
หัวใจของเฟิ่งจิ่วเหยียนลุกไหม้ด้วยไฟโทสะ ไอสังหารคุกรุ่น
เหตุผลที่หักห้ามแรงกระตุ้นของนางได้คือ——บุคคลที่อยู่ตรงหน้านี้ เป็นจักรพรรดิแห่งหนานฉี หากว่าเขาตาย หนานฉีจักตกอยู่ในความโกลาหล

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย
เติมเหรีญญไป 500 เหรียญ เริ่มกดซื่อตอน จาก 223 มาถึงตอน 227 = 5 ตอน 40 เหรัยญ แต่ตอนนี้มีเหรียญคงเหลือ 444 เหรียญ และเปิดอ่านย้อนหลังไม่ได้ ช่วยแก้ไขด้วยค่ะ...
สนุกดี แต่ใช้บัตร์เติมเงินเอไอเอสไม่ได้ ขอบคุที่ให้อ่าน...