ไปรับตำแหน่งขุนนางในเมืองหลวง เฉียวม่อไม่รู้สึกยินดีแม้แต่น้อย นางมองไปยังเฟิ่งจิ่วเหยียนที่อยู่ข้างกายฮ่องเต้โดยสัญชาติญาณ
นี่เป็นความคิดของศิษย์พี่หรือ?
ไม่ เป็นไปไม่ได้
ฝ่าบาทคงไม่ถึงขนาดฟังคำพูดของสตรีผู้หนึ่งหรอก ทรงจะแต่งตั้งให้นางเป็นองครักษ์อารักขาประตูอะไรนั่น
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!
เฉียวม่อกระวนกระวายใจยิ่ง
ที่จริงแล้วเฟิ่งจิ่วเหยียนเองก็คาดไม่ถึงเช่นกันที่จู่ ๆ เซียวอวี้ตัดสินใจทำเช่นนี้ ทั้ง ๆ ที่เมื่อคืนวานเขายังซักถามวัตถุประสงค์ของนางด้วยความสงสัยอยู่เลย
ยามที่นางมองไปที่เขา เขาเองก็หันมามองนางเช่นกัน แววตาเฉยชานั้นกลับพูดสิ่งที่มีเพียงนางเท่านั้นที่เข้าใจ “เช่นนี้ เจ้าพอใจหรือไม่?”
เมื่อฮ่องเต้ต้องการให้เจ้าทำอะไร เจ้าย่อมไร้หนทางในการปฏิเสธ
จากนั้นเซียวอวี้ก็ออกคำสั่งเฉียวม่อต่อทันที
“การรับตำแหน่งเป็นเรื่องเร่งด่วน เจ้าต้องออกเดินทางภายในสามวัน”
“ฝ่าบาท...” เฉียวม่อยังคงพยายามกอบกู้สถานการณ์
แม่ทัพเมิ่งก้าวขึ้นมาด้านหน้า “กระหม่อมขอขอบพระทัยในพระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทแทนบุตรสาวพ่ะย่ะค่ะ!”
จากนั้นก็ส่งสายตาให้เฉียวม่อทูลขอบพระทัย
เฉียวม่อที่ไม่ยินยอมพร้อมใจ มีสีหน้าราวกับกินมะระเข้าไปก็ไม่ปาน
“ขอบ...พระทัยฝ่าบาทเพคะ!”
ทุกคนต่างน้อมส่งเสด็จฝ่าบาท
เพิ่งขึ้นรถม้าได้ไม่นานหิมะก็ตก
เฟิ่งจิ่วเหยียนเปิดหน้าต่างออกแล้วมองทิวทัศน์ที่มีหิมะด้านนอก
ภาพของม่านหิมะอันบางเบาเบื้องหน้าล้วนขาวโพลนสุดลูกหูลูกตา
นางเชื่อว่าหลังจากผ่านหิมะตกครั้งนี้ไป ชายแดนเหนือแห่งนี้จะต้องสะอาดขึ้นมากเป็นแน่
มือข้างหนึ่งยื่นออกมากุมมือของนาง แล้วดึงมือกลับเข้าไป
ผ้าม่านปิดลง
เมื่อนางหันกลับมาก็สบตาเข้ากับดวงตาที่ไม่อาจต้านทานได้คู่นั้น
“หิมะปลิวเข้ามาแล้ว”
เฟิ่งจิ่วเหยียนลองดึงมือตนออก ทว่าเขากลับจับเอาไว้แน่นมาก
นางรู้สึกได้ว่าอารมณ์ของเขาผิดปกติ
ราวกับหวนนึกถึงความทรงจำที่เลวร้าย ร่างกายเกร็งขมึง
ดูเหมือนเขาจะไม่ชอบหิมะตก พูดให้ถูกก็คือเป็นสิ่งที่เขากลัว
สภาวะเช่นนี้เหล่าทหารที่เคยผ่านศึกในวันที่หิมะตกก็มีอาการได้เช่นกัน
พวกเขาถูกขังอยู่ในหิมะจนเกือบตาย มองสหายร่วมรบที่อยู่ข้างกายตายจากไปทีละคน ไม่มีอะไรน่ากลัวไปกว่าการอยู่กับความหวาดกลัวเพียงลำพังอีกแล้ว เหมือนหิมะตกหนักนั่นที่ทำให้พวกเขารู้สึกราวกับจมน้ำก็ไม่ปาน
เหมือนกับที่คนมากมายหวาดกลัวทะเลลึก
เหล่าทหารจะหวาดกลัวหิมะที่ตกหนัก
เฟิ่งจิ่วเหยียนแสร้งทำเป็นไม่รับรู้ถึงความหวาดกลัวของเซียวอวี้ ทั้งยังไม่มีความคิดจะเยาะเย้ยเขาเพราะเรื่องนี้ ปล่อยให้เขาจับมือของตนไป
ถ้าเป็นแบบนี้บางทีเขาอาจจะดีขึ้นหน่อย
สาเหตุอาการกลัวหิมะของเขานั้นเกิดขึ้นสมัยที่เขายังเด็กอยู่มาก ๆ
เมืองหลวงอยู่ค่อนไปทางใต้ ฤดูหนาวจึงยากที่จะมีหิมะตก
ทว่าเมื่อปีนั้นหิมะตกหนัก ทั้งยังหนามากกว่าทุกปี
พระราชวังทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ เพียงก้าวเดียวก็ยังเดินลำบาก
เสด็จแม่กระโดดลงมาจากที่สูง และเสียชีวิตอยู่ในกองหิมะ สีแดงสดของเลือดผสมผสานปะปนอยู่ท่ามกลางหิมะสีขาวโพลน
เขากอดร่างที่เย็นชืดของเสด็จแม่ คุกเข่าร้องไห้เสียงดังอยู่บนพื้นที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ เขาร้องอยู่นานมาก แต่ก็ไม่มีใครมาดูเลยซักคน
เวลานั้นคล้ายกับเขาหลุดไปอยู่ในอีกโลกหนึ่งที่มีเพียงเขาและเสด็จแม่ที่ตายจากไปแล้วเท่านั้น รอบด้านเงียบสงัดไร้เสียง...
เมื่อกุมมือที่อบอุ่นของเฟิ่งจิ่วเหยียน ความรู้สึกไม่สบายใจของเซียวอวี้ก็หายไปอย่างรวดเร็ว
เขาปล่อยมือของนาง แล้วแสร้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“วันนี้ข้าไปหาท่านพ่อท่านแม่คารวะยามเช้า ท่านพ่อตาสีหน้าเศร้าหมอง ท่านยังบอกอีกว่า...ยังบอกอีกว่าให้ข้ากลับไปอยู่ที่บ้านมารดาซักหลายวัน ทว่าพวกเราเพิ่งแต่งงานกันเองนะ”
เฟิ่งเหยียนเฉินเองก็รู้สึกว่าผิดปกติ
เขาปลอบใจภรรยาว่า
“เจ้าอย่าคิดมากไปเลย พรุ่งนี้ข้าจะไปถามท่านพ่อดู คงไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าหรอก บางทีท่านพ่ออาจจะมีเรื่องในใจ”
สะใภ้คนใหม่พยักหน้าอย่างว่าง่าย
“มีท่านพี่อยู่ด้วย ช่างดีจริง ๆ”
นางถือโอกาสอิงแอบในอ้อมแขนของเขา
เฟิ่งเหยียนเฉินโอบกอดนางแล้วจูบหน้าผากนางอย่างเป็นธรรมชาติ
“ข้ายังมีงานค้างไว้ เจ้าไปนอนก่อนเถอะ”
“เจ้าค่ะ”
สิ้นปีใกล้เข้ามาแล้ว งานทั้งในและนอกวังมีมากมายทั้งยังยุ่งเหยิง
ณ ตำหนักฉือหนิง
ไทเฮากล่าวถาม “ฝ่าบาทยังไม่เสด็จกลับมาหรือ?”
กุ้ยหมัวมัวที่กำลังเพิ่มถ่านตอบ
“ได้ยินว่าทรงเสด็จอ้อมไปทางวิหารบรรพบุรุษ เพื่อรับฮองเฮากลับมาเพคะ น่าจะต้องใช้เวลาอีกสามถึงห้าวันเพคะ”
เมื่ออากาศหนาวไทเฮามักจะไอได้ง่าย ๆ พระนางจับผ้าเช็ดหน้าปิดริมฝีปากไอเบา ๆ หลายครั้ง
“ไปวิหารบรรพบุรุษรับฮองเฮารึ? เช่นนี้แล้วที่นางสนมเจียพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องโกหกรึ? ”
กุ้ยหมัวมัวพยักหน้า
“โปรดอภัยที่บ่าวพูดอย่างไร้ความเคารพซักประโยค นางสนมเจียผู้นั้นทำอะไรมุทะลุ ขาดการคิดไตร่ตรอง ไม่ว่าจะคิดอย่างไรฝ่าบาทก็ไม่มีทางทำร้ายฮองเฮาเพคะ โชคดีที่ไทเฮาไม่ได้ทรงไปร่วมมือกับนางสนมเจียด้วย”
เมื่อพูดถึงจุดนี้นางก็รู้ตัวว่าได้พลั้งปากในสิ่งที่ไม่ควร จึงรีบก้มหัวน้อมรับโทษ
แววตาไทเฮาสะท้อนความเฉลียวฉลาด
“ข้ากลับรู้สึกว่า บางทีเรื่องนี้อาจมีลับลมคมใน เจ้าไปเรียกนาสนมเจียเข้ามา”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย
ในกระเป๋ายังมีเหรียญเหลิออยู่ 220 เหรียญแต่ทำไมปลดล็อกไม่ได้คะ แก้ไขให้หน่อยค่ะ...
ในกระเป๋ายังมีเหรียญเหลืออยู่ 220 เหรียญแต่ปลดล็อกไม่ได้ แก้ไขให้หน่อยค่ะ...
เติมเหรียญไปแล้ว แต่ปลดล็อกไม่ได้ มีข้อความว่าเกิดข้อผิดพลาด กรุณาลองใหม่อีกครั้ง...
เติมเหรีญญไป 500 เหรียญ เริ่มกดซื่อตอน จาก 223 มาถึงตอน 227 = 5 ตอน 40 เหรัยญ แต่ตอนนี้มีเหรียญคงเหลือ 444 เหรียญ และเปิดอ่านย้อนหลังไม่ได้ ช่วยแก้ไขด้วยค่ะ...
สนุกดี แต่ใช้บัตร์เติมเงินเอไอเอสไม่ได้ ขอบคุที่ให้อ่าน...