เข้าสู่ระบบผ่าน

แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย นิยาย บท 272

ไปรับตำแหน่งขุนนางในเมืองหลวง เฉียวม่อไม่รู้สึกยินดีแม้แต่น้อย นางมองไปยังเฟิ่งจิ่วเหยียนที่อยู่ข้างกายฮ่องเต้โดยสัญชาติญาณ

นี่เป็นความคิดของศิษย์พี่หรือ?

ไม่ เป็นไปไม่ได้

ฝ่าบาทคงไม่ถึงขนาดฟังคำพูดของสตรีผู้หนึ่งหรอก ทรงจะแต่งตั้งให้นางเป็นองครักษ์อารักขาประตูอะไรนั่น

นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!

เฉียวม่อกระวนกระวายใจยิ่ง

ที่จริงแล้วเฟิ่งจิ่วเหยียนเองก็คาดไม่ถึงเช่นกันที่จู่ ๆ เซียวอวี้ตัดสินใจทำเช่นนี้ ทั้ง ๆ ที่เมื่อคืนวานเขายังซักถามวัตถุประสงค์ของนางด้วยความสงสัยอยู่เลย

ยามที่นางมองไปที่เขา เขาเองก็หันมามองนางเช่นกัน แววตาเฉยชานั้นกลับพูดสิ่งที่มีเพียงนางเท่านั้นที่เข้าใจ “เช่นนี้ เจ้าพอใจหรือไม่?”

เมื่อฮ่องเต้ต้องการให้เจ้าทำอะไร เจ้าย่อมไร้หนทางในการปฏิเสธ

จากนั้นเซียวอวี้ก็ออกคำสั่งเฉียวม่อต่อทันที

“การรับตำแหน่งเป็นเรื่องเร่งด่วน เจ้าต้องออกเดินทางภายในสามวัน”

“ฝ่าบาท...” เฉียวม่อยังคงพยายามกอบกู้สถานการณ์

แม่ทัพเมิ่งก้าวขึ้นมาด้านหน้า “กระหม่อมขอขอบพระทัยในพระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทแทนบุตรสาวพ่ะย่ะค่ะ!”

จากนั้นก็ส่งสายตาให้เฉียวม่อทูลขอบพระทัย

เฉียวม่อที่ไม่ยินยอมพร้อมใจ มีสีหน้าราวกับกินมะระเข้าไปก็ไม่ปาน

“ขอบ...พระทัยฝ่าบาทเพคะ!”

ทุกคนต่างน้อมส่งเสด็จฝ่าบาท

เพิ่งขึ้นรถม้าได้ไม่นานหิมะก็ตก

เฟิ่งจิ่วเหยียนเปิดหน้าต่างออกแล้วมองทิวทัศน์ที่มีหิมะด้านนอก

ภาพของม่านหิมะอันบางเบาเบื้องหน้าล้วนขาวโพลนสุดลูกหูลูกตา

นางเชื่อว่าหลังจากผ่านหิมะตกครั้งนี้ไป ชายแดนเหนือแห่งนี้จะต้องสะอาดขึ้นมากเป็นแน่

มือข้างหนึ่งยื่นออกมากุมมือของนาง แล้วดึงมือกลับเข้าไป

ผ้าม่านปิดลง

เมื่อนางหันกลับมาก็สบตาเข้ากับดวงตาที่ไม่อาจต้านทานได้คู่นั้น

“หิมะปลิวเข้ามาแล้ว”

เฟิ่งจิ่วเหยียนลองดึงมือตนออก ทว่าเขากลับจับเอาไว้แน่นมาก

นางรู้สึกได้ว่าอารมณ์ของเขาผิดปกติ

ราวกับหวนนึกถึงความทรงจำที่เลวร้าย ร่างกายเกร็งขมึง

ดูเหมือนเขาจะไม่ชอบหิมะตก พูดให้ถูกก็คือเป็นสิ่งที่เขากลัว

สภาวะเช่นนี้เหล่าทหารที่เคยผ่านศึกในวันที่หิมะตกก็มีอาการได้เช่นกัน

พวกเขาถูกขังอยู่ในหิมะจนเกือบตาย มองสหายร่วมรบที่อยู่ข้างกายตายจากไปทีละคน ไม่มีอะไรน่ากลัวไปกว่าการอยู่กับความหวาดกลัวเพียงลำพังอีกแล้ว เหมือนหิมะตกหนักนั่นที่ทำให้พวกเขารู้สึกราวกับจมน้ำก็ไม่ปาน

เหมือนกับที่คนมากมายหวาดกลัวทะเลลึก

เหล่าทหารจะหวาดกลัวหิมะที่ตกหนัก

เฟิ่งจิ่วเหยียนแสร้งทำเป็นไม่รับรู้ถึงความหวาดกลัวของเซียวอวี้ ทั้งยังไม่มีความคิดจะเยาะเย้ยเขาเพราะเรื่องนี้ ปล่อยให้เขาจับมือของตนไป

ถ้าเป็นแบบนี้บางทีเขาอาจจะดีขึ้นหน่อย

สาเหตุอาการกลัวหิมะของเขานั้นเกิดขึ้นสมัยที่เขายังเด็กอยู่มาก ๆ

เมืองหลวงอยู่ค่อนไปทางใต้ ฤดูหนาวจึงยากที่จะมีหิมะตก

ทว่าเมื่อปีนั้นหิมะตกหนัก ทั้งยังหนามากกว่าทุกปี

พระราชวังทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ เพียงก้าวเดียวก็ยังเดินลำบาก

เสด็จแม่กระโดดลงมาจากที่สูง และเสียชีวิตอยู่ในกองหิมะ สีแดงสดของเลือดผสมผสานปะปนอยู่ท่ามกลางหิมะสีขาวโพลน

เขากอดร่างที่เย็นชืดของเสด็จแม่ คุกเข่าร้องไห้เสียงดังอยู่บนพื้นที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ เขาร้องอยู่นานมาก แต่ก็ไม่มีใครมาดูเลยซักคน

เวลานั้นคล้ายกับเขาหลุดไปอยู่ในอีกโลกหนึ่งที่มีเพียงเขาและเสด็จแม่ที่ตายจากไปแล้วเท่านั้น รอบด้านเงียบสงัดไร้เสียง...

เมื่อกุมมือที่อบอุ่นของเฟิ่งจิ่วเหยียน ความรู้สึกไม่สบายใจของเซียวอวี้ก็หายไปอย่างรวดเร็ว

เขาปล่อยมือของนาง แล้วแสร้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“วันนี้ข้าไปหาท่านพ่อท่านแม่คารวะยามเช้า ท่านพ่อตาสีหน้าเศร้าหมอง ท่านยังบอกอีกว่า...ยังบอกอีกว่าให้ข้ากลับไปอยู่ที่บ้านมารดาซักหลายวัน ทว่าพวกเราเพิ่งแต่งงานกันเองนะ”

เฟิ่งเหยียนเฉินเองก็รู้สึกว่าผิดปกติ

เขาปลอบใจภรรยาว่า

“เจ้าอย่าคิดมากไปเลย พรุ่งนี้ข้าจะไปถามท่านพ่อดู คงไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าหรอก บางทีท่านพ่ออาจจะมีเรื่องในใจ”

สะใภ้คนใหม่พยักหน้าอย่างว่าง่าย

“มีท่านพี่อยู่ด้วย ช่างดีจริง ๆ”

นางถือโอกาสอิงแอบในอ้อมแขนของเขา

เฟิ่งเหยียนเฉินโอบกอดนางแล้วจูบหน้าผากนางอย่างเป็นธรรมชาติ

“ข้ายังมีงานค้างไว้ เจ้าไปนอนก่อนเถอะ”

“เจ้าค่ะ”

สิ้นปีใกล้เข้ามาแล้ว งานทั้งในและนอกวังมีมากมายทั้งยังยุ่งเหยิง

ณ ตำหนักฉือหนิง

ไทเฮากล่าวถาม “ฝ่าบาทยังไม่เสด็จกลับมาหรือ?”

กุ้ยหมัวมัวที่กำลังเพิ่มถ่านตอบ

“ได้ยินว่าทรงเสด็จอ้อมไปทางวิหารบรรพบุรุษ เพื่อรับฮองเฮากลับมาเพคะ น่าจะต้องใช้เวลาอีกสามถึงห้าวันเพคะ”

เมื่ออากาศหนาวไทเฮามักจะไอได้ง่าย ๆ พระนางจับผ้าเช็ดหน้าปิดริมฝีปากไอเบา ๆ หลายครั้ง

“ไปวิหารบรรพบุรุษรับฮองเฮารึ? เช่นนี้แล้วที่นางสนมเจียพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องโกหกรึ? ”

กุ้ยหมัวมัวพยักหน้า

“โปรดอภัยที่บ่าวพูดอย่างไร้ความเคารพซักประโยค นางสนมเจียผู้นั้นทำอะไรมุทะลุ ขาดการคิดไตร่ตรอง ไม่ว่าจะคิดอย่างไรฝ่าบาทก็ไม่มีทางทำร้ายฮองเฮาเพคะ โชคดีที่ไทเฮาไม่ได้ทรงไปร่วมมือกับนางสนมเจียด้วย”

เมื่อพูดถึงจุดนี้นางก็รู้ตัวว่าได้พลั้งปากในสิ่งที่ไม่ควร จึงรีบก้มหัวน้อมรับโทษ

แววตาไทเฮาสะท้อนความเฉลียวฉลาด

“ข้ากลับรู้สึกว่า บางทีเรื่องนี้อาจมีลับลมคมใน เจ้าไปเรียกนาสนมเจียเข้ามา”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย