เข้าสู่ระบบผ่าน

แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย นิยาย บท 273

ไม่ว่าไทเฮาจะถามอะไร นางสนมเจียล้วนตอบทั้งหมด

“หม่อมฉันให้คนไปสืบที่วิหารบรรพบุรุษมา กลับไม่พบแม้แต่เงาของฮองเฮา หม่อมฉันจึงได้ข้อสรุปว่าเกิดเรื่องขึ้นกับฮองเฮาเพคะ”

สีหน้าไทเฮาเคร่งขรึมขึ้น

“นางสนมเจีย เจ้ารู้หรือไม่ว่าการพูดเหลวไหล แต่งเรื่องโกหก จะต้องถูกลงโทษสถานหนัก ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง เจ้ากล้ารับประกันหรือไม่ว่าฮองเฮาไม่อยู่ที่วิหารบรรพบุรุษ?”

นางสนมเจียพยักหน้า

“เป็นเรื่องจริงเพคะไทเฮา! หม่อมฉันกล้าใช้ชีวิตรับประกันเพคะ”

ไทเฮายังคงรู้สึกกังขาในเรื่องนี้

นี่ช่างแปลกเสียจริง

หากฮองเฮาไม่อยู่ที่วิหารบรรพบุรุษ เช่นนั้นช่วงที่ผ่านมานางไปที่ไหนกัน?

เรื่องของฮ่องเต้ นางย่อมไม่อาจสืบเสาะได้

ทว่านางไม่จำเป็นต้องหาเรื่องทำให้ตัวเองตกที่นั่งลำบาก

นางสั่งนางสนมเจียว่า

“ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อเจ้าหรอกนะ

“ทว่าเท่าที่ข้าสืบความมาได้ ฮองเฮาไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายอะไร นางใกล้จะกลับมาแล้ว หากเจ้าอยากไขข้อสงสัยให้กระจ่างก็ไปถามนางเป็นการส่วนตัวได้”

นางสนมเจียแสดงสีหน้าดีอกดีใจ

“จริงหรือเพคะ!”

ไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับฮองเฮาก็ดีแล้ว!

ไทเฮากำชับอย่างเป็นห่วง

“หากครั้งต่อไปมีเรื่องอะไรก็รีบมาหาข้า”

“เพคะ ไทเฮา!”

วันที่สิบแปด เดือนสิบสอง

คณะเดินทางของเซียวอวี้เดินทางมาถึงเมืองอี้ที่อยู่ติดกับเมืองหลวงเพื่อหาที่พักค้างแรม

ตลอดทางมานี้เซียวอวี้และเฟิ่งจิ่วเหยียนแยกห้องนอนกันมาตลอด

ทว่าที่พักแห่งนี้มีห้องน้อยมาก

ทั้งสองคนจึงถูกจัดให้อยู่ห้องเดียวกัน

องครักษ์หลายคนทำได้เพียงอัดกันอยู่ในห้องเก็บฟืนหนึ่งห้อง

เหมันตฤดูนั้นหนาวเหน็บ เฟิ่งจิ่วเหยียนเองก็ไม่อยากให้ตัวเองต้องลำบากนอนที่พื้น

โชคดีที่มีฟูกนอนมากเพียงพอ สองคนจึงแยกกันนอนคนละฟูกบนเตียงเดียวเหมือนยามที่อยู่เมืองอวิ๋นก่อนหน้านี้ โดยเนื้อตัวไม่ต้องสัมผัสกัน

โรงเตี๊ยมนี้ไม่พร้อมพรั่งเท่าใดนัก ไม่มีตัวยาไส้เดือนดิน ไม่มีเตียงเตา

ข้างเตียงมีเตาผิงอยู่เตาหนึ่ง ทว่ากลับไม่เพียงพอที่จะทำให้ทั่วทั้งห้องอบอุ่นได้

เฟิ่งจิ่วเหยียนเป็นคนที่มีร่างกายธาตุเย็น นางเพิ่มผ้านวมให้ตัวเองอีกหนึ่งผืน

ทว่ายังคงรู้สึกหนาวเหน็บ

เหมันตฤดูของทางใต้อากาศหนาวชื้น จนทำให้ผ้านวมชื้นไปด้วย

มือเท้าของนางเย็นเป็นน้ำแข็ง ไม่ว่าจะทำอย่างไรร่างกายก็ไม่อบอุ่นขึ้นเลย

นางนอนขดตัวตะแคงข้าง อยากจะเอาศีรษะมุดเข้าไปในผ้านวมด้วยใจจะขาด

ตั้งแต่เด็กจนโต นางแทบไม่เคยใช้ชีวิตผ่านช่วงหน้าหนาวในพื้นที่ทางใต้มาก่อน

โดยเฉพาะการอยู่ในที่พักที่โกโรโกโสถึงเพียงนี้

นางนอนหลับไม่ลงจริง ๆ

ศีรษะถูกความชื้นทำเอาเปียกไปหมด ร่างกายสั่นเทาไปทั้งร่าง ฟันกระทบกันอย่างควบคุมไม่อยู่

เหตุใดจึงหนาวถึงเพียงนี้?!

ยามที่นางกำลังจะหลับไปด้วยความหนาวเหน็บอย่างที่สุดนี้เอง มือข้างนึงก็สอดเข้ามาในผ้านวมของนาง

นางตื่นตัวทันที

ทว่าไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใดที่มันเริ่มไปเกินกว่าที่เขาจะควบคุมได้

หรือบางที เขาอาจจะแค่ไล่ตามความปรารถนาในเนื้อหนังมังสาก็เท่านั้น...

ให้เขาคิดเพ้อถึงริมฝีปากของนาง แม้กระทั่งอะไรที่มากกว่านั้น

ก็อย่างเช่นตอนนี้ ที่เขาควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ คิดอยากจะเห็นสีหน้าของนางเปลี่ยนจากนิ่งสงบเป็นลุ่มหลงในตัวเขา

เขาอยากใกล้ชิดกับนาง อยากจะรังแกนาง

......

ยามที่เฟิ่งจิ่วเหยียนตื่นขึ้น ก็เห็นเซียวอวี้ที่ล้างหน้าบ้วนปากเรียบร้อยแล้วนั่งอยู่ข้างโต๊ะ กำลังจดจ่ออยู่กับการอ่านจดหมาย

เมื่อนางลุกขึ้นนั่ง เส้นผมที่ดำขลับอ่อนนุ่มก็พลิ้วตกลงมาบนหัวไหล่ ผ่านไปครู่หนึ่งนางถึงได้สติกลับมา

เมื่อคืนวานดูเหมือนนางจะนอนหลับสบายไม่เลวเลย

เซียวอวี้หันมามองนาง แววตาเย็นชาดังเดิม

“ในเมื่อตื่นแล้วก็ล้างหน้าบ้วนปากให้เรียบร้อย จะได้เดินทางต่อ”

“เพคะ”

ยามที่ออกจากห้อง นางบังเอิญพบกับคนงานของโรงเตี๊ยมเข้า

เขาถามด้วยความเป็นห่วงว่า

“คุณชาย ร่างกายท่านเป็นอะไรหรือเปล่าขอรับ?”

เฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

จากนั้นก็ได้ยินคนงานผู้นั้นพูดว่า “อาบน้ำด้วยน้ำเย็นตั้งแต่เช้าตรู่เช่นนี้ ร่างกายจะทนไหวได้อย่างไรขอรับ!”

ระหว่างที่พูดยังมองไปที่เฟิ่งจิ่วเหยียนด้วยสายตาที่มีความหมายลึกซึ้งอีกด้วย

----------------------------------------------

[1] ประเพณีที่ปฏิบัติในงานสมรสสมัยโบราณ มีความหมายถึงการครองคู่กันตลอดไป

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย