คนงานผู้นั้นยังอยากพูดอะไรอีกซักหน่อย ทว่าเมื่อเซียวอวี้ส่งสายตาดุดันมา เขาก็ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวและหุบปากอย่างว่าง่ายในทันที
เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้คิดอะไรมากนัก เพียงคิดว่าเซียวอวี้มีความเคยชินที่แปลกดี
ถึงอย่างไรในค่ายทหารก็มีคนชอบว่ายน้ำในฤดูหนาว บอกว่าทำเช่นนี้จะทำให้ร่างกายแข็งแรง
สามวันจากนั้นก็เดินทางถึงเมืองหลวง ก่อนที่จะเข้าไปในวัง เหลียนซวงถูกส่งมาอยู่ข้างกายนาง
เหลียนซวงรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก
“ฮองเฮา!”
เมื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนถามถึงได้รู้ว่าหลังจากที่นาง ‘ตาย’ เซียวอวี้สร้างเรื่องโกหกว่านางอยู่ที่วิหารบรรพบุรุษมาโดยตลอด และเพื่อกลบเกลื่อนให้แนบเนียน ยังได้ส่งเหลียนซวงไปอยู่ที่นั่น
หลังจากกลับวัง เซียวอวี้ก็เริ่มสะสางราชกิจ
เฟิ่งจิ่วเหยียนก็อาศัยอยู่ที่ตำหนักหย่งเหอ ดำรงตำแหน่งฮองเฮาของนางต่อไป
ทุกอย่างดูสงบสุขดี ทว่าความจริงแล้วคลื่นใต้น้ำกำลังเชี่ยวกราก
เมื่อรอบด้านไม่มีใครอยู่ เหลียนซวงถึงกล้าเอ่ยปากถาม
“ฮองเฮาเพคะ ฝ่าบาทหาตัวท่านเจอหรือเพคะ?”
เฟิ่งจิ่วเหยียนส่ายหน้า
“ไม่ใช่”
หากนางไม่ยินดีปรากฏตัว เซียวอวี้ย่อมหานางไม่เจอ
ยามนี้กักเฉียวม่อไว้ในเมืองหลวงแล้ว พวกท่านอาจารย์และอาจารย์หญิงจะได้ตรวจสอบคดีกองทัพมังกรพยัคฆ์ได้อย่างสบายใจ นางเองก็จะสืบสวนเฉียวม่อได้ด้วย
ส่วนเวยเฉียงให้อยู่ที่ชายแดนเหนือ ย่อมใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขกว่า
จากนั้นนางก็เก็บยาแกล้งตายที่อู๋ไป๋ทำไว้อย่างดี เผื่อว่าอนาคตจะต้องใช้
ยามบ่าย
นางสนมเจียและสนมเจียงมาเยือนที่ตำหนักหย่งเหอทั้งคู่
นางสนมเจียถามอย่างสงสัย
“ฮองเฮาเพคะ ท่านทรงเสด็จไปที่วิหารบรรพบุรุษจริง ๆ หรือเพคะ? ทว่าคนที่หม่อมฉันส่งไปสืบความบอกว่าพระองค์ไม่ได้อยู่ที่นั่นนี่เพคะ! เรื่องนี้เป็นมายังไงกันแน่เพคะ?”
เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่คิดจะบอกอะไรมากนัก
นางจึงตอบเพียงว่า
“คนที่เจ้าส่งไป อาจจะเชื่อถือไม่ได้ก็เป็นได้”
นางสนมเจียยังคิดถามต่อ ทว่าสนมเจียงพูดขัดได้อย่างถูกจังหวะ นางเปลี่ยนหัวข้อพูดคุย
“ฮองเฮาเพคะ เดี๋ยวก็จะถึงวันส่งท้ายปีเก่าแล้ว วังหลังมีงานที่ต้องจัดการมากมายนัก พระนางมีอะไรอยากให้พวกหม่อมฉันช่วยหรือไม่เพคะ?”
งานใหญ่ที่ฮองเฮาต้องทำนั้นมีไม่มาก มีเพียงแค่งานเลี้ยงไม่กี่งานเท่านั้น
หลังจากงานเลี้ยงเทศกาลไหว้พระจันทร์ ก็คืองานเลี้ยงส่งท้ายปีเก่า
เมื่อเทียบกันแล้ว งานเลี้ยงส่งท้ายปีเก่านั้นเป็นงานใหญ่ ต้องเชิญเหล่าขุนนางมาด้วย
มีงานให้เฟิ่งจิ่วเหยียนทำอีกแล้ว
ณ จวนตระกูลเฟิ่ง
เมื่อนายท่านเฟิ่งได้ยินข่าวว่าฮองเฮากลับวังแล้ว หัวใจที่แตกสลายก็กลับมามีชีวิตอีกครั้ง
เขาแทบจะร้องไห้ด้วยความดีใจ เขาคว้ามือของพ่อบ้านพลางถาม
“เป็นเรื่องจริงหรือ? ฮองเฮา...ฮองเฮานางกลับมาแล้วจริง ๆ หรือ?!”
ไม่ใช่ว่าไปแล้วหรอกหรือ?
ไม่ใช่ว่าไม่สนใจตระกูลเฟิ่งแล้วหรอกหรือ!
พ่อบ้านมั่นใจเป็นอย่างมาก
“เป็นเรื่องจริงขอรับ! นายท่าน มีหลายคนเห็นด้วยตาตนเอง ไม่เป็นไรแล้วนะขอรับ ตระกูลเฟิ่งรอดแล้ว!”
ช่วงหลายวันมานี้พ่อบ้านเองก็วิตกกังวลเป็นอย่างมาก
ในที่สุดก็วางใจได้เสียที
นายท่านเฟิ่งหัวเราะทั้งน้ำตา
“นางจะต้องกลับมาเพราะตัดใจทิ้งพวกเราไปไม่ได้แน่ ๆ ”
สองวันต่อมา
ฮูหยินเฟิ่งเข้าวังเพื่อเข้าเฝ้า
เมื่อนางพบเฟิ่งจิ่วเหยียน ใบหน้าเต็มไปด้วยความเป็นห่วงกังวล
“ฮองเฮา หลายวันมานี้ทรงสบายดีหรือไม่เพคะ?”
เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้า ไม่ได้ตอบอย่างอ่อนโยนเท่าไหร่
“ข้าสบายดี ท่านไม่จำเป็นต้องกังวล”
ฮูหยินเฟิ่งฟังแล้วก็รู้สึกเศร้าใจทันที
สีหน้าเฟิ่งจิ่วเหยียนเรียบนิ่ง
“พระราชวังแห่งนี้ล้วนเป็นของพระองค์ทั้งหมดเพคะ”
“แล้วฮองเฮาเล่า? เจ้าก็เป็นของข้าหรือ?” เซียวอวี้มองไปที่นางแล้วถามกลับ
เฟิ่งจิ่วเหยียนถวายคำนับอีกครั้งด้วยสายตาเย็นชา
“เพคะ”
แววตาของเซียวอวี้อบอุ่นขึ้นเล็กน้อย เขาลุกขึ้นยืนแล้วใช้แรงบังคับเพื่อจูงมือนาง
“มือเย็นถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงไม่จุดไฟที่เตียงเตา”
คิ้วของเฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดน้อย ๆ จนคนอื่นไม่อาจสังเกตเห็นได้
“ไม่เป็นไรเพคะ ไม่หนาว”
ผู้ที่นำทัพทหารไปทำศึก จะติดสบายเกินไปไม่ได้
ยามที่นางอยู่ในกองทัพ ไม่ว่าจะหนาวแค่ไหนนางก็ผ่านมาหมดแล้ว
ถึงแม้ว่าความหนาวชื้นของทางใต้นี้จะทำให้นางปรับตัวไม่ได้ ทว่ายามเช้ายังนับว่าดีกว่ายามค่ำอยู่มาก
เซียวอวี้นึกว่านางต้องการประหยัด จึงสั่งให้คนไปจุดเตียงเตาทันที
จากนั้นก็ปล่อยมือนางแล้วกล่าวว่า
“ยามที่จัดงานสมรสของพี่ใหญ่เจ้า เรายุ่งอยู่กับเรื่องบ้านเมือง จึงลืมส่งของขวัญอวยพรให้ เจ้ากลับไปคิดดูว่าส่งอะไรไปจึงจะเหมาะสม ชดเชยให้เขาหน่อย”
ในความเป็นจริงแล้วยามนั้นเขาคิดแต่จะทำลายตระกูลเฟิ่ง เชิญท่านพ่อตามา ‘ดื่มชา’ อยู่หลายครั้งหลายครา จะไปมีใจคิดถึงเรื่องส่งของขวัญแต่งงานให้เฟิ่งเหยียนเฉินได้อย่างไร
เฟิ่งจิ่วเหยียนตอบอย่างเยือกเย็น
“เพคะ หม่อมฉันจะจัดการให้ดี”
เทียบกับเฉินจี๋แล้ว นางยังเหมือนองครักษ์เสียยิ่งกว่า หากเขาไม่พูด นางไม่มีทางเอ่ยปาก
เซียวอวี้มองนางด้วยสายตาเย็นชา
“หากเราบอกว่า คืนนี้ต้องการให้เจ้ามาปรนนิบัติเรา...”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนเงยหน้ามองเขาในทันที
ปรนนิบัติ?
เขาคิอะไรอยู่น่ะ!

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย
ในกระเป๋ายังมีเหรียญเหลิออยู่ 220 เหรียญแต่ทำไมปลดล็อกไม่ได้คะ แก้ไขให้หน่อยค่ะ...
ในกระเป๋ายังมีเหรียญเหลืออยู่ 220 เหรียญแต่ปลดล็อกไม่ได้ แก้ไขให้หน่อยค่ะ...
เติมเหรียญไปแล้ว แต่ปลดล็อกไม่ได้ มีข้อความว่าเกิดข้อผิดพลาด กรุณาลองใหม่อีกครั้ง...
เติมเหรีญญไป 500 เหรียญ เริ่มกดซื่อตอน จาก 223 มาถึงตอน 227 = 5 ตอน 40 เหรัยญ แต่ตอนนี้มีเหรียญคงเหลือ 444 เหรียญ และเปิดอ่านย้อนหลังไม่ได้ ช่วยแก้ไขด้วยค่ะ...
สนุกดี แต่ใช้บัตร์เติมเงินเอไอเอสไม่ได้ ขอบคุที่ให้อ่าน...