เข้าสู่ระบบผ่าน

แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย นิยาย บท 274

คนงานผู้นั้นยังอยากพูดอะไรอีกซักหน่อย ทว่าเมื่อเซียวอวี้ส่งสายตาดุดันมา เขาก็ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวและหุบปากอย่างว่าง่ายในทันที

เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้คิดอะไรมากนัก เพียงคิดว่าเซียวอวี้มีความเคยชินที่แปลกดี

ถึงอย่างไรในค่ายทหารก็มีคนชอบว่ายน้ำในฤดูหนาว บอกว่าทำเช่นนี้จะทำให้ร่างกายแข็งแรง

สามวันจากนั้นก็เดินทางถึงเมืองหลวง ก่อนที่จะเข้าไปในวัง เหลียนซวงถูกส่งมาอยู่ข้างกายนาง

เหลียนซวงรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก

“ฮองเฮา!”

เมื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนถามถึงได้รู้ว่าหลังจากที่นาง ‘ตาย’ เซียวอวี้สร้างเรื่องโกหกว่านางอยู่ที่วิหารบรรพบุรุษมาโดยตลอด และเพื่อกลบเกลื่อนให้แนบเนียน ยังได้ส่งเหลียนซวงไปอยู่ที่นั่น

หลังจากกลับวัง เซียวอวี้ก็เริ่มสะสางราชกิจ

เฟิ่งจิ่วเหยียนก็อาศัยอยู่ที่ตำหนักหย่งเหอ ดำรงตำแหน่งฮองเฮาของนางต่อไป

ทุกอย่างดูสงบสุขดี ทว่าความจริงแล้วคลื่นใต้น้ำกำลังเชี่ยวกราก

เมื่อรอบด้านไม่มีใครอยู่ เหลียนซวงถึงกล้าเอ่ยปากถาม

“ฮองเฮาเพคะ ฝ่าบาทหาตัวท่านเจอหรือเพคะ?”

เฟิ่งจิ่วเหยียนส่ายหน้า

“ไม่ใช่”

หากนางไม่ยินดีปรากฏตัว เซียวอวี้ย่อมหานางไม่เจอ

ยามนี้กักเฉียวม่อไว้ในเมืองหลวงแล้ว พวกท่านอาจารย์และอาจารย์หญิงจะได้ตรวจสอบคดีกองทัพมังกรพยัคฆ์ได้อย่างสบายใจ นางเองก็จะสืบสวนเฉียวม่อได้ด้วย

ส่วนเวยเฉียงให้อยู่ที่ชายแดนเหนือ ย่อมใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขกว่า

จากนั้นนางก็เก็บยาแกล้งตายที่อู๋ไป๋ทำไว้อย่างดี เผื่อว่าอนาคตจะต้องใช้

ยามบ่าย

นางสนมเจียและสนมเจียงมาเยือนที่ตำหนักหย่งเหอทั้งคู่

นางสนมเจียถามอย่างสงสัย

“ฮองเฮาเพคะ ท่านทรงเสด็จไปที่วิหารบรรพบุรุษจริง ๆ หรือเพคะ? ทว่าคนที่หม่อมฉันส่งไปสืบความบอกว่าพระองค์ไม่ได้อยู่ที่นั่นนี่เพคะ! เรื่องนี้เป็นมายังไงกันแน่เพคะ?”

เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่คิดจะบอกอะไรมากนัก

นางจึงตอบเพียงว่า

“คนที่เจ้าส่งไป อาจจะเชื่อถือไม่ได้ก็เป็นได้”

นางสนมเจียยังคิดถามต่อ ทว่าสนมเจียงพูดขัดได้อย่างถูกจังหวะ นางเปลี่ยนหัวข้อพูดคุย

“ฮองเฮาเพคะ เดี๋ยวก็จะถึงวันส่งท้ายปีเก่าแล้ว วังหลังมีงานที่ต้องจัดการมากมายนัก พระนางมีอะไรอยากให้พวกหม่อมฉันช่วยหรือไม่เพคะ?”

งานใหญ่ที่ฮองเฮาต้องทำนั้นมีไม่มาก มีเพียงแค่งานเลี้ยงไม่กี่งานเท่านั้น

หลังจากงานเลี้ยงเทศกาลไหว้พระจันทร์ ก็คืองานเลี้ยงส่งท้ายปีเก่า

เมื่อเทียบกันแล้ว งานเลี้ยงส่งท้ายปีเก่านั้นเป็นงานใหญ่ ต้องเชิญเหล่าขุนนางมาด้วย

มีงานให้เฟิ่งจิ่วเหยียนทำอีกแล้ว

ณ จวนตระกูลเฟิ่ง

เมื่อนายท่านเฟิ่งได้ยินข่าวว่าฮองเฮากลับวังแล้ว หัวใจที่แตกสลายก็กลับมามีชีวิตอีกครั้ง

เขาแทบจะร้องไห้ด้วยความดีใจ เขาคว้ามือของพ่อบ้านพลางถาม

“เป็นเรื่องจริงหรือ? ฮองเฮา...ฮองเฮานางกลับมาแล้วจริง ๆ หรือ?!”

ไม่ใช่ว่าไปแล้วหรอกหรือ?

ไม่ใช่ว่าไม่สนใจตระกูลเฟิ่งแล้วหรอกหรือ!

พ่อบ้านมั่นใจเป็นอย่างมาก

“เป็นเรื่องจริงขอรับ! นายท่าน มีหลายคนเห็นด้วยตาตนเอง ไม่เป็นไรแล้วนะขอรับ ตระกูลเฟิ่งรอดแล้ว!”

ช่วงหลายวันมานี้พ่อบ้านเองก็วิตกกังวลเป็นอย่างมาก

ในที่สุดก็วางใจได้เสียที

นายท่านเฟิ่งหัวเราะทั้งน้ำตา

“นางจะต้องกลับมาเพราะตัดใจทิ้งพวกเราไปไม่ได้แน่ ๆ ”

สองวันต่อมา

ฮูหยินเฟิ่งเข้าวังเพื่อเข้าเฝ้า

เมื่อนางพบเฟิ่งจิ่วเหยียน ใบหน้าเต็มไปด้วยความเป็นห่วงกังวล

“ฮองเฮา หลายวันมานี้ทรงสบายดีหรือไม่เพคะ?”

เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้า ไม่ได้ตอบอย่างอ่อนโยนเท่าไหร่

“ข้าสบายดี ท่านไม่จำเป็นต้องกังวล”

ฮูหยินเฟิ่งฟังแล้วก็รู้สึกเศร้าใจทันที

สีหน้าเฟิ่งจิ่วเหยียนเรียบนิ่ง

“พระราชวังแห่งนี้ล้วนเป็นของพระองค์ทั้งหมดเพคะ”

“แล้วฮองเฮาเล่า? เจ้าก็เป็นของข้าหรือ?” เซียวอวี้มองไปที่นางแล้วถามกลับ

เฟิ่งจิ่วเหยียนถวายคำนับอีกครั้งด้วยสายตาเย็นชา

“เพคะ”

แววตาของเซียวอวี้อบอุ่นขึ้นเล็กน้อย เขาลุกขึ้นยืนแล้วใช้แรงบังคับเพื่อจูงมือนาง

“มือเย็นถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงไม่จุดไฟที่เตียงเตา”

คิ้วของเฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดน้อย ๆ จนคนอื่นไม่อาจสังเกตเห็นได้

“ไม่เป็นไรเพคะ ไม่หนาว”

ผู้ที่นำทัพทหารไปทำศึก จะติดสบายเกินไปไม่ได้

ยามที่นางอยู่ในกองทัพ ไม่ว่าจะหนาวแค่ไหนนางก็ผ่านมาหมดแล้ว

ถึงแม้ว่าความหนาวชื้นของทางใต้นี้จะทำให้นางปรับตัวไม่ได้ ทว่ายามเช้ายังนับว่าดีกว่ายามค่ำอยู่มาก

เซียวอวี้นึกว่านางต้องการประหยัด จึงสั่งให้คนไปจุดเตียงเตาทันที

จากนั้นก็ปล่อยมือนางแล้วกล่าวว่า

“ยามที่จัดงานสมรสของพี่ใหญ่เจ้า เรายุ่งอยู่กับเรื่องบ้านเมือง จึงลืมส่งของขวัญอวยพรให้ เจ้ากลับไปคิดดูว่าส่งอะไรไปจึงจะเหมาะสม ชดเชยให้เขาหน่อย”

ในความเป็นจริงแล้วยามนั้นเขาคิดแต่จะทำลายตระกูลเฟิ่ง เชิญท่านพ่อตามา ‘ดื่มชา’ อยู่หลายครั้งหลายครา จะไปมีใจคิดถึงเรื่องส่งของขวัญแต่งงานให้เฟิ่งเหยียนเฉินได้อย่างไร

เฟิ่งจิ่วเหยียนตอบอย่างเยือกเย็น

“เพคะ หม่อมฉันจะจัดการให้ดี”

เทียบกับเฉินจี๋แล้ว นางยังเหมือนองครักษ์เสียยิ่งกว่า หากเขาไม่พูด นางไม่มีทางเอ่ยปาก

เซียวอวี้มองนางด้วยสายตาเย็นชา

“หากเราบอกว่า คืนนี้ต้องการให้เจ้ามาปรนนิบัติเรา...”

เมื่อได้ยินประโยคนี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนเงยหน้ามองเขาในทันที

ปรนนิบัติ?

เขาคิอะไรอยู่น่ะ!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย