เข้าสู่ระบบผ่าน

แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย นิยาย บท 275

เมื่อพูดถึงการปรนนิบัติ เซียวอวี้ถึงได้เห็นว่าสีหน้าของนางมีการเปลี่ยนแปลง

ถึงแม้ว่าความเปลี่ยนนั้นจะเล็กน้อยมาก ก็ยังไม่อาจรอดพ้นสายตาเขาไปได้

นั่นเป็นสีหน้าของความตื่นตระหนก ขัดแย้ง และต่อต้านขัดขืน

เซียวอวี้โกรธจนหัวเราะ

“ไม่ใช่ว่าเจ้าพูดได้เพียง ‘เพคะ’ หรอกรึ”

แววตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนดูลำบากใจอยู่บ้าง

นางอ้าปาก ทว่าก็ไม่ได้พูดอะไร

ยามนี้พูดให้น้อยจึงจะดี

โชคดีที่เซียวอวี้ทนการปฏิบัติอย่างเย็นชาของนางไม่ไหว ไม่นานก็จากไป

สองวันต่อมา

เฉียวม่อก็มาถึงเมืองหลวงและรับตำแหน่งเป็นองครักษ์อารักขาประตู

นางเข้าวังเพื่อแสดงความขอบคุณเป็นสิ่งแรก

ความรู้สึกที่เซียวอวี้มีต่อนางนั้นย้อนแย้งเป็นอย่างมาก

ด้านหนึ่ง หากไม่ใช่นางเปิดเผยข้อมูลออกมา เขาไม่มีทางหาฮองเฮาพบได้เร็วขนาดนี้

ทว่าอีกด้านหนึ่ง ผู้ที่หักหลังคนอื่นย่อมไม่ใช่คนดี

เขาไม่เคยโอ้อวดว่าตนเป็นสุภาพบุรุษผู้มีคุณธรรม ทว่าเขาดูถูกคนที่มีพฤติกรรมเช่นนี้

ก่อนที่เฉียวม่อจะออกจากวัง คนของตำหนักหย่งเหอก็ส่งคนมารับนาง

นางเดาไว้แต่แรกแล้ว

เมื่อเข้ามาในตำหนักหย่งเหอก็พบเพียงศิษย์พี่ผู้เดียวเท่านั้น

นางยังคงถวายคำนับอย่างเคารพนบนอบ

“ถวายบังคมฮองเฮาเพคะ!”

บรรยากาศที่กดดันของพระราชวัง กำแพงที่สูงใหญ่ หน้าต่างที่เปิดไว้เพียงเล็กน้อย ต่อให้เป็นยามเช้า หากไม่จุดโคมภายในตำหนักย่อมมืดสลัว

เฟิ่งจิ่วเหยียนนั่งอยู่ตรงนั้น ใบหน้าที่งดงามทั้งยังแฝงความองอาจ มืดครึ่งสว่างครึ่ง

“ฝ่าบาททรงให้ความสำคัญกับเจ้ามาก”

เฉียวม่อหัวเราะอย่างเจ็บปวด

“ศิษย์พี่ ท่านเองก็รู้ ข้าเพียงอยากอยู่ปรนนิบัติท่านอาจารย์และอาจารย์หญิงที่ชายแดนเหนือเท่านั้น ไม่รู้เหตุใดอยู่ ๆ ฝ่าบาทถึงได้ต้องการให้ข้ามารับตำแหน่งที่เมืองหลวง”

เฟิ่งจิ่วเหยียนรู้ดียิ่งกว่าใครทั้งนั้น เพราะเหตุใดน่ะหรือ

“องครักษ์อารักขาประตูดูแลประตูวังแต่ละประตูเป็นส่วนหนึ่งของทหารรักษาพระองค์ ต่อไปเข้าออกวังได้บ่อย ๆ มาอยู่เป็นเพื่อนข้า ไม่ดีหรือ?”

เฉียวม่อเผยรอยยิ้มออกมา

“ข้อดีก็มีเพียงเรื่องนี้แล้ว ไม่เช่นนั้นไม่ว่าอย่างไรข้าก็จะไม่ยอมรับตำแหน่งนี่เด็ดขาด!”

มุมปากเฟิ่งจิ่วเหยียนยกขึ้นเล็กน้อย

“ศิษย์น้อง พระบัญชาไม่อาจขัดขืนได้”

เฉียวม่อพยักหน้าอย่างว่าง่าย

จากนั้นนางก็เริ่มถามอย่างสงสัยอีกครั้ง “ศิษย์พี่ ฝ่าบาทดีกับท่านหรือไม่?”

“ดีกับไม่ดี เจ้าใช้อะไรเป็นเกณฑ์ตัดสิน?” เฟิ่งจิ่วเหยียนถามกลับ

เฉียวม่อทำเป็นไร้เดียงสา “ถ้าเป็นอย่างพี่ใหญ่ต้วนย่อมดีที่สุดแล้ว”

คนที่คุ้นเคยกับเจ้าที่สุด ย่อมรู้ดีว่าทำอย่างไรจึงจะทำให้เจ้าเจ็บปวดอย่างที่สุด

ใจของเฟิ่งจิ่วเหยียนราวกับเกิดรอยฉีกขาด เลือดข้างในไหลรินออกมาเป็นสายจนเกิดความเจ็บปวด

ทว่าภายนอกนางกลับไม่เปลี่ยนสีหน้าเลยแม้แต่น้อย นางแสร้งพูดอย่างสงบนิ่ง

พวกเขาทั้งสอง...พวกเขาทั้งสองใจตรงกัน! นางกลับจับพลัดจับผลูช่วยให้พวกเขาคืนดีกัน!

เฟิ่งจิ่วเหยียนยินยอมเป็นคนเลวทรามต่ำช้า

เพื่อที่จะชักจูงเฉียวม่อ นางจึงพูดโกหก ทั้งยังเอาเซียวอวี้เข้ามาพัวพันด้วย

ทว่านางจำเป็นต้องทำแบบนี้เท่านั้น ถึงจะสามารถสืบสาวถึงเจตจำนงที่ทำให้เฉียวม่อทำเรื่องทั้งหมดนี่ได้

ก่อนหน้านี้นางคิดว่าที่เฉียวม่อลอบกัด เป็นเพราะต้องการตำแหน่งของแม่ทัพน้อยเมิ่ง

ทว่าแม้นางจะใช้ตัวตนของ ‘ซูฮ่วน’ ใช้ชีวิตอยู่ที่ชายแดนเหนืออย่างเปิดเผย ซึ่งไม่มีทางสร้างการคุกคามต่อเฉียวม่อได้ ทว่าเฉียวม่อก็ยังเปิดเผยเรื่องนางออกไป ต้องการผลักดันให้นางกลับวังหลวงให้ได้

รวมกับเรื่องที่อาจารย์หญิงเคยบอกว่าเฉียวม่อคิดจะเผาจดหมายเหล่านั้นที่อยู่ในห้องของนางทิ้ง

จะเห็นได้ว่าที่เฉียวม่อทำเรื่องเหล่านี้ไป ไม่เพียงต้องการตำแหน่งแม่ทัพน้อยเท่านั้น มองลึกเข้าไปคือการพุ่งเป้ามานางผู้เป็นศิษย์พี่

เฉียวม่อเกลียดนาง

ดังนั้นจึงบีบคั้นและทำร้ายเวยเฉียง ยึดเอาเวยเฉียงเป็นนาง ทั้งพูดประโยคอย่างต้องการให้นาง ‘ถูกขังอยู่ในวังหลวงและต้องเกาะอยู่กับบุรุษที่ตนไม่ชอบตลอดไป’

หากการคาดเดาของนางไม่ผิดล่ะก็ เมื่อได้รับรู้ว่านางกับฝ่าบาทต่างรักกันดี ทั้งยังใช้ชีวิตอยู่ในวังหลวงอย่างมีความสุข เฉียวม่อย่อมทนไม่ไหวจนต้องลงมือ

จากการจับตาดูของเฟิ่งจิ่วเหยียน รอยยิ้มบนใบหน้าของเฉียวม่อนั้น ดูราวกับออกมาจากใจ

“แน่นอนอยู่แล้ว ข้าดีใจแทนศิษย์พี่จริง ๆ”

ใจคนช่างยากหยั่งถึงเสียจริง

ทว่า ศิษย์พี่ เหมือนอย่างที่ท่านกล่าวนั่นแหละ คนย่อมเปลี่ยนกันได้ ยามนี้ฝ่าบาททรงชอบท่าน แต่หลังจากนี้ก็ไม่แน่...

ยามเย็นในวันนี้เอง

ณ ตำหนักฟางเฟย

มู่หรงฉานได้รับจดหมายลับฉบับหนึ่ง ทว่าไม่รู้เป็นผู้ใดส่งมา

หลังจากได้อ่านเนื้อหาในจดหมาย สีหน้าของนางก็เปลี่ยนโดยพลัน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย