เข้าสู่ระบบผ่าน

แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย นิยาย บท 46

เซียวอวี้เดินตรงมาหาเฟิ่งจิ่วเหยียน แววตาดูพินิจพิเคราะห์

เฟิ่งจิ่วเหยียนวางตัวสงบนิ่ง มือข้างหนึ่งซ่อนอยู่ในแขนเสื้อกว้าง

“หม่อมฉันคารวะฝ่าบาทเพคะ”

“เมื่อครู่เจ้าเพิ่งออกมาจากห้องปลดทุกข์รึ” เซียวอวี้ถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้ารับ

“เพคะ ฝ่าบาท”

เซียวอวี้ขมวดคิ้ว “มีกลิ่นคาวเลือด”

จังหวะการหายใจของเฟิ่งจิ่วเหยียนแปรปรวนเล็กน้อย

เพราะเปื้อนเลือดจำนวนมากของโจรภูเขา อีกทั้งยังไม่ได้ชำระกาย ดังนั้นย่อมต้องได้กลิ่นคาวเลือด

ในยามนี้นางแสร้งทำเป็นอ่อนแอ มองดูเหมือนบอบบางจนไม่อาจต้านทานแรงลม ไร้เรี่ยวแรงจะโต้ตอบ

“ฝ่าบาท...หม่อมฉันมีรอบเดือนเพคะ”

เซียวอวี้พลันหรี่ตาลงและเพ่งมองนาง

นี่เป็นครั้งที่สองที่นักฆ่าปรากฏตัวใกล้ตำหนักหย่งเหอ

จะบังเอิญถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?

เฟิ่งจิ่วเหยียนละสายตาลง ท่าทีนอบน้อม

แต่ทันใดนั้น ฝ่ายบุรุษกลับคว้าข้อมือข้างหนึ่งของนางขึ้นมา

ดูเหมือนจะทำให้นางตกใจ ดวงตาพลันเบิกกว้าง

“ฝ่าบาท...”

นิ้วมือของเขากดที่ข้อมือของนาง

นี่กำลังทดสอบพลังภายในของนาง!

ร่างกายของเฟิ่งจิ่วเหยียนแข็งทื่อ ไม่ขยับเขยื้อน

โชคดีมือที่คว้าไปเป็นข้างซ้าย ไม่ใช่มือขวาที่เคยสวมสนับมือ

ผ่านไปไม่นานนัก เซียวอวี้ก็ปล่อยนาง

ถ้ามองจากภายนอก นางไม่มีพลังภายในแม้แต่น้อย

หรือนางจะไม่เป็นวรยุทธ์จริง ๆ

หรือพลังภายในของนางจะล้ำลึกจนถึงระดับที่ควบคุมเองได้

เฟิ่งจิ่วเหยียนจ้องมองแววตาเคลือบแคลงสงสัยของเขา

“ฝ่าบาทมองหม่อมฉันแบบนี้ มีสิ่งใดจะทรงถามหรือเพคะ?”

ในเวลานั้น ภายนอกมีองครักษ์ผู้หนึ่งมาทูลรายงาน

“ฝ่าบาท พบเห็นเงาร่างของนักฆ่าผู้นั้นอีก ผ่านไปทางตำหนักจื่อเฉินพ่ะย่ะค่ะ!”

หลังจากได้ยิน เซียวอวี้หันหลังกลับและจากไปในทันที

ดูเหมือนเขาจะคิดมากเกินไปจริง ๆ

คนหนึ่งเป็นนักฆ่าที่มีวรยุทธ์ล้ำเลิศ สามารถเอาชนะองครักษ์กลุ่มทหารรักษาพระองค์นับสิบ ส่วนอีกคนเป็นหญิงสาวจากตระกูลสูงศักดิ์ที่รู้จักแค่การดนตรี อักษร เดินหมาก วาดภาพเท่านั้น

เดิมทีแล้วไม่มีส่วนใดที่พวกนางเหมือนกันเลย

......

ตำหนักชั้นใน

เหลียนซวงรู้สึกร้อนใจ

นางไม่กล้าพูดอะไรอีก ทำได้เพียงใช้สายตาสื่อสารกับฮองเฮา...คราวนี้ฮ่องเต้เสด็จไปแล้วจริง ๆ ใช่หรือไม่?

เฟิ่งจิ่วเหยียนมีน้ำเสียงผ่อนคลาย

“เอาล่ะ ไม่เป็นไรแล้ว”

“ฮองเฮา เมื่อครู่ท่านก็อยู่ที่นี่ แล้วนักฆ่าเมื่อครู่นี้เป็นใครกัน?”

“แต่นางสนมเจียง ในเมื่อคนที่ปล่อยข่าวลือเป็นคนของตำหนักหลิงเซียว เกรงว่าถึงอย่างไรก็ต้องเกี่ยวพันกับหวงกุ้ยเฟย”

“บ่าวคิดว่าไม่ควรรีบร้อนเข้าข้างฝ่ายใด เพื่อไม่ให้ทำร้ายผู้บริสุทธิ์”

นางสนมเจียงคิดดูแล้วก็เห็นพ้องด้วย

นางยอมรับว่าฮองเฮาทำให้นางเปลี่ยนมุมมอง ทำให้นางปรารถนาที่จะผูกมิตร

แต่เมื่อเปรียบเทียบแล้ว หวงกุ้ยเฟยก็ยังมีอำนาจมากกว่า

ยกตัวอย่างข่าวลือในครั้งนี้ พวกนางต่างรู้ดีว่าหวงกุ้ยเฟยเป็นตัวการอยู่เบื้องหลัง แล้วฮ่องเต้จะทรงคิดไม่ได้เชียวหรือ?

แต่ฮ่องเต้ยังทรงปกป้องนางเป็นอย่างดี ความรักอันมั่นคงลึกซึ้งที่พระองค์มีต่อหวงกุ้ยเฟยนั้นชัดเจน

นางก็เป็นแค่สนมคนหนึ่ง ควรจะรักษาชีวิตตัวเองเป็นสำคัญ

......

สามวันต่อมา

แผลถลอกตามข้อนิ้วมือของเฟิ่งจิ่วเหยียนหายดีแล้ว มองไม่เห็นร่องรอยของการสวมสนับมือแม้แต่น้อย

นางขยับนิ้วมือทั้งห้าให้ชิดกัน แววตาฉายความโหดเหี้ยม สั่งกำชับเหลียนซวง

“ไปทูลเชิญไทเฮาที่ตำหนักฉือหนิงก่อน จากนั้นค่อยไปทูลเชิญฮ่องเต้”

“น้อมรับคำสั่งเพคะ!”

ห้องทรงพระอักษร

หลิวซื่อเหลียงถือแส้ในมือเดินเข้ามาด้านใน พร้อมทูลรายงาน

“ฝ่าบาท ฮองเฮาส่งคนมาแจ้งว่า จับโจรภูเขาได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ สักครู่จะให้พวกเขาชี้ตัวมือมืดที่อยู่เบื้องหลัง เชิญพระองค์เสด็จไปพิพากษาคดี”

เซียวอวี้เงยหน้าขึ้นมอง สายตาฉายแววเยียบเย็นและคมกริบ

องครักษ์ที่เขาส่งไปจนกระทั่งบัดนี้ยังไม่มีข่าวคราวอันใด แต่ฮองเฮากลับจับตัวพวกเขาได้เร็วถึงเพียงนี้

เหตุใดเขาถึงรู้สึกว่าตนเองถูกฮองเฮาจัดฉากตบตา?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย