เซียวอวี้เดินตรงมาหาเฟิ่งจิ่วเหยียน แววตาดูพินิจพิเคราะห์
เฟิ่งจิ่วเหยียนวางตัวสงบนิ่ง มือข้างหนึ่งซ่อนอยู่ในแขนเสื้อกว้าง
“หม่อมฉันคารวะฝ่าบาทเพคะ”
“เมื่อครู่เจ้าเพิ่งออกมาจากห้องปลดทุกข์รึ” เซียวอวี้ถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้ารับ
“เพคะ ฝ่าบาท”
เซียวอวี้ขมวดคิ้ว “มีกลิ่นคาวเลือด”
จังหวะการหายใจของเฟิ่งจิ่วเหยียนแปรปรวนเล็กน้อย
เพราะเปื้อนเลือดจำนวนมากของโจรภูเขา อีกทั้งยังไม่ได้ชำระกาย ดังนั้นย่อมต้องได้กลิ่นคาวเลือด
ในยามนี้นางแสร้งทำเป็นอ่อนแอ มองดูเหมือนบอบบางจนไม่อาจต้านทานแรงลม ไร้เรี่ยวแรงจะโต้ตอบ
“ฝ่าบาท...หม่อมฉันมีรอบเดือนเพคะ”
เซียวอวี้พลันหรี่ตาลงและเพ่งมองนาง
นี่เป็นครั้งที่สองที่นักฆ่าปรากฏตัวใกล้ตำหนักหย่งเหอ
จะบังเอิญถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?
เฟิ่งจิ่วเหยียนละสายตาลง ท่าทีนอบน้อม
แต่ทันใดนั้น ฝ่ายบุรุษกลับคว้าข้อมือข้างหนึ่งของนางขึ้นมา
ดูเหมือนจะทำให้นางตกใจ ดวงตาพลันเบิกกว้าง
“ฝ่าบาท...”
นิ้วมือของเขากดที่ข้อมือของนาง
นี่กำลังทดสอบพลังภายในของนาง!
ร่างกายของเฟิ่งจิ่วเหยียนแข็งทื่อ ไม่ขยับเขยื้อน
โชคดีมือที่คว้าไปเป็นข้างซ้าย ไม่ใช่มือขวาที่เคยสวมสนับมือ
ผ่านไปไม่นานนัก เซียวอวี้ก็ปล่อยนาง
ถ้ามองจากภายนอก นางไม่มีพลังภายในแม้แต่น้อย
หรือนางจะไม่เป็นวรยุทธ์จริง ๆ
หรือพลังภายในของนางจะล้ำลึกจนถึงระดับที่ควบคุมเองได้
เฟิ่งจิ่วเหยียนจ้องมองแววตาเคลือบแคลงสงสัยของเขา
“ฝ่าบาทมองหม่อมฉันแบบนี้ มีสิ่งใดจะทรงถามหรือเพคะ?”
ในเวลานั้น ภายนอกมีองครักษ์ผู้หนึ่งมาทูลรายงาน
“ฝ่าบาท พบเห็นเงาร่างของนักฆ่าผู้นั้นอีก ผ่านไปทางตำหนักจื่อเฉินพ่ะย่ะค่ะ!”
หลังจากได้ยิน เซียวอวี้หันหลังกลับและจากไปในทันที
ดูเหมือนเขาจะคิดมากเกินไปจริง ๆ
คนหนึ่งเป็นนักฆ่าที่มีวรยุทธ์ล้ำเลิศ สามารถเอาชนะองครักษ์กลุ่มทหารรักษาพระองค์นับสิบ ส่วนอีกคนเป็นหญิงสาวจากตระกูลสูงศักดิ์ที่รู้จักแค่การดนตรี อักษร เดินหมาก วาดภาพเท่านั้น
เดิมทีแล้วไม่มีส่วนใดที่พวกนางเหมือนกันเลย
......
ตำหนักชั้นใน
เหลียนซวงรู้สึกร้อนใจ
นางไม่กล้าพูดอะไรอีก ทำได้เพียงใช้สายตาสื่อสารกับฮองเฮา...คราวนี้ฮ่องเต้เสด็จไปแล้วจริง ๆ ใช่หรือไม่?
เฟิ่งจิ่วเหยียนมีน้ำเสียงผ่อนคลาย
“เอาล่ะ ไม่เป็นไรแล้ว”
“ฮองเฮา เมื่อครู่ท่านก็อยู่ที่นี่ แล้วนักฆ่าเมื่อครู่นี้เป็นใครกัน?”
“แต่นางสนมเจียง ในเมื่อคนที่ปล่อยข่าวลือเป็นคนของตำหนักหลิงเซียว เกรงว่าถึงอย่างไรก็ต้องเกี่ยวพันกับหวงกุ้ยเฟย”
“บ่าวคิดว่าไม่ควรรีบร้อนเข้าข้างฝ่ายใด เพื่อไม่ให้ทำร้ายผู้บริสุทธิ์”
นางสนมเจียงคิดดูแล้วก็เห็นพ้องด้วย
นางยอมรับว่าฮองเฮาทำให้นางเปลี่ยนมุมมอง ทำให้นางปรารถนาที่จะผูกมิตร
แต่เมื่อเปรียบเทียบแล้ว หวงกุ้ยเฟยก็ยังมีอำนาจมากกว่า
ยกตัวอย่างข่าวลือในครั้งนี้ พวกนางต่างรู้ดีว่าหวงกุ้ยเฟยเป็นตัวการอยู่เบื้องหลัง แล้วฮ่องเต้จะทรงคิดไม่ได้เชียวหรือ?
แต่ฮ่องเต้ยังทรงปกป้องนางเป็นอย่างดี ความรักอันมั่นคงลึกซึ้งที่พระองค์มีต่อหวงกุ้ยเฟยนั้นชัดเจน
นางก็เป็นแค่สนมคนหนึ่ง ควรจะรักษาชีวิตตัวเองเป็นสำคัญ
......
สามวันต่อมา
แผลถลอกตามข้อนิ้วมือของเฟิ่งจิ่วเหยียนหายดีแล้ว มองไม่เห็นร่องรอยของการสวมสนับมือแม้แต่น้อย
นางขยับนิ้วมือทั้งห้าให้ชิดกัน แววตาฉายความโหดเหี้ยม สั่งกำชับเหลียนซวง
“ไปทูลเชิญไทเฮาที่ตำหนักฉือหนิงก่อน จากนั้นค่อยไปทูลเชิญฮ่องเต้”
“น้อมรับคำสั่งเพคะ!”
ห้องทรงพระอักษร
หลิวซื่อเหลียงถือแส้ในมือเดินเข้ามาด้านใน พร้อมทูลรายงาน
“ฝ่าบาท ฮองเฮาส่งคนมาแจ้งว่า จับโจรภูเขาได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ สักครู่จะให้พวกเขาชี้ตัวมือมืดที่อยู่เบื้องหลัง เชิญพระองค์เสด็จไปพิพากษาคดี”
เซียวอวี้เงยหน้าขึ้นมอง สายตาฉายแววเยียบเย็นและคมกริบ
องครักษ์ที่เขาส่งไปจนกระทั่งบัดนี้ยังไม่มีข่าวคราวอันใด แต่ฮองเฮากลับจับตัวพวกเขาได้เร็วถึงเพียงนี้
เหตุใดเขาถึงรู้สึกว่าตนเองถูกฮองเฮาจัดฉากตบตา?

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย
เติมเหรียญไปแล้ว แต่ปลดล็อกไม่ได้ มีข้อความว่าเกิดข้อผิดพลาด กรุณาลองใหม่อีกครั้ง...
เติมเหรีญญไป 500 เหรียญ เริ่มกดซื่อตอน จาก 223 มาถึงตอน 227 = 5 ตอน 40 เหรัยญ แต่ตอนนี้มีเหรียญคงเหลือ 444 เหรียญ และเปิดอ่านย้อนหลังไม่ได้ ช่วยแก้ไขด้วยค่ะ...
สนุกดี แต่ใช้บัตร์เติมเงินเอไอเอสไม่ได้ ขอบคุที่ให้อ่าน...