ภายในห้องนั้นเงียบสงัด มีเพียงเสียงหมากล้อมที่ถูกวางเท่านั้น
ฝ่าบาทที่สวมใส่อาภรณ์สีม่วง แววตาที่เต็มไปด้วยความล้ำลึก เพียงแค่เล่นหมอกล้อม หากแต่ทั่วร่างกลับเต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหารมากมาย
“รองผู้นำพันธมิตรซู ดูเหมือนจะระมัดระวังตนเองยิ่งนัก”
เซียนอวี้พลันเงยหน้าขึ้นมามองคนที่อยู่ตรงข้าม ก่อนจะส่งเสียงเย็นยะเยือกออกมาราวกับจะลองเชิง
เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงตอบกลับไปด้วยท่าทีเฉยเมยว่า
“หมากล้อมของฝ่าบาทนับว่ามีทักษะสูงยิ่งนัก กระหม่อมมิอาจวางหมากลงไปโดยไร้การไตร่ตรองได้”
เนื่องจากนางและเซียวอวี้เคยเล่นหมากล้อมด้วยกันมาก่อน นางย่อมมิอาจให้เขามองวิถีหมากล้อมของนางออกได้
เซียวอวี้พลางหัวเราะเยาะเย้ยออกมาด้วยความเย็นชา คิ้วที่ขมวดเป็นปม
“มิผิดที่ต้องคิดให้รอบคอบ ทว่า หากคิดมากไป กลับจะยิ่งทำให้เผยข้อบกพร่องของตนเองออกมามากยิ่งขึ้น”
มือที่เฟิ่งจิ่วเหยียนกำลังจะวางหมากนั้น พลันหยุดชะงักไปในทันที
มิรู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด นางกลับรู้สึกว่าเซียวอวี้มีท่าทีแปลกไปยิ่งนัก
ทำเอาการเดินหมากของนางเกิดความวุ่นวายไปในทันที...
ราตรีนี้ เซียวอวี้เพียงแค่เล่นหมากล้อมกับนางเท่านั้น หาได้เอ่ยอันใดกับนางไม่
ทว่า เฟิ่งจิ่วเหยียนหาได้รู้ไม่ ว่าการเล่นหมากสองสามตานี้ สายตาของเซียวอวี้แทบจะมองทะลุมือของนางไปแล้ว
เซียวอวี้เองก็พอจะรู้จักทักษะวิชาปลอมตัวมาบ้างในระดับหนึ่ง
เหล่านักปลอมตัวที่มีทักษะสูงนั้น สามารถเปลี่ยนได้แม้แต่สีตา รวมไปถึงการอำพรางมือของตัวเอง ทว่า ไม่ว่าอย่างไร ก็หาได้สามารถยืดหดกระดูกได้ไม่ ดังนั้น รูปลักษณ์ฝ่ามือของตนเองนั้นมิอาจเปลี่ยนแปลงไปได้ อย่างมากก็อาจทำได้แค่สร้างรอยแผลเป็น……
ฝ่ามือของซูฮ่วน มีรอยแผลเป็นจาง ๆ
เป็นเพราะเขาคิดมากเกินไปหรือเป็นเพราะนางกำลังพยายามหลบซ่อนมัน...
เซียวอวี้มีคำตอบในใจอยู่แล้ว
……
วันรุ่งขึ้น รุ่ยอ๋องจึงเดินทางออกจากเมืองเซวียน
ตงฟางซื่อที่ยืนอยู่ข้างหน้าต่างนั้น พลางกล่าวพึมพำออกมา
“รุ่ยอ๋องไปแล้ว เหตุใดฝ่าบาทยังต้องการให้พวกเรารั้งอยู่ที่นี่ต่ออีก?”
เฟิ่งจิ่วเหยียนที่นั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะของเขานั้น พลันเช็ดดาบด้ามยาวของตนเองด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
“หากท่านมิโลภอยากทานอาหารมื้อนั้น พวกเราก็สามารถไปเอ่ยขอตัวลากับฝ่าบาทได้แล้ว”
ตงฟางซื่อพลันยกมือขึ้นมากอดอก พร้อมทั้งผมเผ้าที่สยายไปตามลม ราวกับกำลังขบคิดเรื่องอะไรบางอย่าง หากแต่เต็มไปด้วยท่าทีองอาจของผู้นำพันธมิตรอู่หลิน
ตงฟางซื่อพลางเอ่ยออกมาด้วยท่าทีจริงจัง
“ข้าก็อยากรู้เช่นกัน ว่ากบฏที่เมืองเซวียนนั้น ผู้ใดเป็นคนบงการกันแน่”
เฟิ่งจิ่วเหยียนที่กำลังเช็ดดาบอยู่นั้น ถึงกับชะงักไปในทันที พลางเงยหน้ามองไปที่ตงฟางซื่อ
“ท่านสงสัย?”
ตงฟางซื่อจึงหันกลับมามองเฟิ่งจิ่วเหยียน ใบหน้าที่หล่อเข้ม พลางเอ่ยออกมาด้วยท่าทีเคร่งขรึมว่า
“พรรค เทียน หลง”
สายตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนพลันเปลี่ยนเป็นความเย็นชาในทันที
การที่ตงฟางซื่อสงสัยว่าพรรคเทียนหลงอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับกบฏเมืองเซวียนนั้น หาใช่การคาดเดามั่ว ๆ ไม่
หากคิดคร่ำครวญดูดี ๆ แล้วนั้น ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
คืนที่นางเห็นคนสวมใส่อาภรณ์สีขาวนับสิบคนนั้น เพียงแค่มองก็รับรู้ได้ในทันทีว่าเป็นคนของยุทธภพ
ยามที่ทั้งสองคนกำลังเอ่ยพูดคุยกันอยู่นั้น ด้านนอกพลันมีเสียงที่เฟิ่งจิ่วเหยียนคุ้นเคยดังขึ้นมา
“คุณชายตงฟาง คุณชายซูขอรับ ฝ่าบาทเชิญพวกท่านทั้งสองไปรับสำรับด้วยกันขอรับ”
เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงหันกลับมามองในทันที
เป็นเฉินจี๋
ยามที่เซียวอวี้ปลอมตัวเป็นองครักษ์ใบ้นั้น นางหาได้เคยพบเจอเฉินจี๋มาก่อนไม่


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย
ในกระเป๋ายังมีเหรียญเหลิออยู่ 220 เหรียญแต่ทำไมปลดล็อกไม่ได้คะ แก้ไขให้หน่อยค่ะ...
ในกระเป๋ายังมีเหรียญเหลืออยู่ 220 เหรียญแต่ปลดล็อกไม่ได้ แก้ไขให้หน่อยค่ะ...
เติมเหรียญไปแล้ว แต่ปลดล็อกไม่ได้ มีข้อความว่าเกิดข้อผิดพลาด กรุณาลองใหม่อีกครั้ง...
เติมเหรีญญไป 500 เหรียญ เริ่มกดซื่อตอน จาก 223 มาถึงตอน 227 = 5 ตอน 40 เหรัยญ แต่ตอนนี้มีเหรียญคงเหลือ 444 เหรียญ และเปิดอ่านย้อนหลังไม่ได้ ช่วยแก้ไขด้วยค่ะ...
สนุกดี แต่ใช้บัตร์เติมเงินเอไอเอสไม่ได้ ขอบคุที่ให้อ่าน...