เมื่อเศษละอองฝุ่นจางหายออกไปแล้วนั้น ก็พลันพบกับสตรีที่สวมใส่ผ้าคลุมหน้านางหนึ่งยืนอยู่ด้านหลังของท่านประมุข ก่อนจะใช้มีดด้ามเดียวปลิดชีพประมุขพรรคเทียนหลง
เพียงแค่มองครั้งเดียว เฟิ่งจิ่วเหยียนก็จำได้ในทันทีว่าสตรีผู้นี้คือคนที่ยืมมือมาช่วยเหลือนางภายในอารามเต๋าคืนนั้น ทั้งยังเรียกขานตัวเองว่า “จางเสวี่ย”
“แม่นางหร่าน! เจ้ากำลังทำอะไร!” เหล่าลูกศิษย์พรรคเทียนหลงที่จดจำนางได้จากไกล ๆ นั้น พลางเอ่ยถามด้วยความโกรธแค้น
ประมุขพรรคที่ถูกแทงนั้น พลันหันมาคว้าคอของหร่านชิวเอาไว้
เขามิเคยคิดเลยว่า ลูกศิษย์ที่รักของตนเอง จักกล้ากระทำตัวหักหลังต่อตนเองเช่นนี้ได้
ประมุขพรรคที่กำลังรวบรวมกำลังภายในเมื่อครู่นั้น เขาย่อมมิมีทางรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นได้ทัน ผู้ที่ลงมือกับเขาในยามนี้ ถือว่าเป็นการมุ่งร้ายจะเอาชีวิตเลยทีเดียว!
เขาต้องการฆ่านังคนทรยศผู้นี้!
หากแต่เซียวอวี้ก้าวไวกว่าเขาไปหนึ่งก้าว พลางประทับฝ่ามือไปที่ด้านหลังประมุขพรรคในทันที
ฉึก—
เลือดสด ๆ สาดกระเซ็นบนผ้าคลุมหน้าของหร่านชิว แววตาของนางเจือไปด้วยความอำมหิต พร้อมทั้งแทงมีดลงไปที่ทรวงอกของประมุขพรรคเทียนหลงในทันที
มิคิดมิฝันใช่หรือไม่ ว่าผู้ที่มีวรยุทธ์สูงส่งเช่นประมุขพรรคจักมาตกตายอยู่ในเงื้อมมือของนางเช่นนี้ได้
ไส้เดือนตัวเล็ก ๆ ยังสามารถโค้นล่มไม้ใหญ่ได้
หร่านชิวพลันดึงมีดออกมา พร้อมกับร่างของประมุขพรรคที่ล้มลงบนพื้น เรี่ยวแรงที่ค่อย ๆ หายไป มิอาจรวบรวมกลับมาได้อีกครั้ง
ประมุขพรรคพลางจ้องมองที่หร่านชิวอย่างเอาเป็นเอาตาย
“อาหร่าน...อาหร่าน! เหตุใดเจ้าจึงทำเช่นนี้!”
หร่านชิวพลันแสดงท่าทีจริงจังออกมา
“ท่านประมุขพรรค เหตุใดท่านจึงคิดก่อกบฏขึ้นมาเช่นนี้ได้?
“ข้ากำลังผดุงความยุติธรรมให้ใต้หล้า!”
พูดจบ นางพลันทิ้งมีดลงพื้น ก่อนจะหันมาโค้งกายทำความเคารพแก่เซียวอวี้
“ฝ่าบาทเพคะ กบฏผู้นี้ใช้พรรคเทียนหลงวางแผนก่อกบฏขึ้นมา หม่อมฉันที่มิอาจเห็นความอัปยศอดสูเช่นนี้ได้ จึงตัดสินใจสังหารเขาทิ้งเสีย!”
เซียวอวี้พลางเผยสีหน้าทะมึงทึงออกมา ก่อนจะสั่งการให้จับกุมกลุ่มกบฏเหล่านั้น
จู่ ๆ พลันมีเงาสายหนึ่งพุ่งไปข้างหน้า
นั่นก็คือเฟิ่งจิ่วเหยียน
นางพุ่งตัวเข้าไปกดบาดแผลที่หน้าอกของพรรคเทียนหลงเอาไว้ ด้วยสีหน้าภายใต้หน้ากากพลันเจือไปด้วยความโล่งอก
“พี่ชายของข้า...พี่ชายของข้าอยู่ที่ใดกัน!” ต้วนเจิ้งที่ค่อย ๆ พยายามลุกขึ้นมาจากพื้น พลางเอ่ยถามด้วยความโกรธเกรี้ยว
หร่านชิวพลันตกใจไปในทันที
ต้วนเจิ้งหาต้วนไหวซวี่มิเจองั้นหรือ?
เซียวอวี้เองก็ประหลาดใจเช่นกัน
พลางเข้าใจได้ในทันทีว่า ผู้ที่รู้ว่าต้วนไหวซวี่อยู่ที่ใดนั้น คงมีเพียงแค่ประมุขพรรคเทียนหลงเท่านั้น
มิแปลกใจเลยที่เฟิ่งจิ่วเหยียนมิอยากให้เขาตายเช่นนี้...
เมื่อเห็นสองมือของนางเต็มไปด้วยเลือดของบุรุษตรงหน้า ใบหน้าของเซียวอวี้จึงเผยความมืดมนออกมา หาได้เอ่ยคำพูดใดออกมาอีกไม่
รุ่ยอ๋องพลางยื่นเสื้อคลุมมาให้เซียวอวี้ พลางกล่าวว่า “ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ รถม้าพร้อมแล้ว พระองค์มิสมควรรั้งอยู่ด้านนอกนานเกินไปนัก เสด็จกลับวังเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
ในฐานะฮ่องเต้ของแว่นแคว้น การกระทำของฝ่าบาทเสี่ยงอันตรายเกินไปแล้ว เหตุใดถึงลงมาจัดการกับกลุ่มกบฏด้วยตนเองเช่นนี้ได้กัน
หากเกิดอะไรขึ้นมา แว่นแคว้นย่อมต้องเผชิญหน้ากับหายนะอย่างแน่นอน!
……
ในเมื่อยังมิอาจช่วยเหลือต้วนไหวซวี่ออกมาได้ ในยามนี้ ไม่เพียงมีแต่เฟิ่งจิ่วเหยียนเท่านั้น แม้แต่หร่านชิวเองยังเข้ามาช่วยกดบาดแผลบนหน้าอกของประมุขพรรคเอาไว้ ยังมิอาจปล่อยให้เขาตกตายไปในยามนี้ได้
“พี่ไหวซวี่อยู่ที่ใด! ท่านขังเขาเอาไว้ที่ใดกัน! บอกข้ามา!”
ประมุขพรรคพลางหัวเราะออกมาฉากใหญ่
เขามิคิดเลยว่า หร่านชิวที่คิดหักหลังเขาเพียงเพราะต้วนไหวซวี่ผู้นั้น
พลังงานที่ถูกปลดปล่อยออกมานั้น พลันล้มทะลักออกมาราวกับน้ำที่เอ่อล้น เพียงแค่เปิดน้ำออกมา ร่างกายก็มิอาจรับได้ไหว จนทำให้เลือดไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ด
“เขา... กลายร่างเป็นเทพไปแล้ว!”
เมื่อเห็นว่าลมหายใจของประมุขพรรคค่อย ๆ อ่อนแรงจนใกล้จะหมดลมไปนั้น สองมือของเฟิ่งจิ่วเหยียนจึงเย็นยะเยือกขึ้นมา

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย
ในกระเป๋ายังมีเหรียญเหลิออยู่ 220 เหรียญแต่ทำไมปลดล็อกไม่ได้คะ แก้ไขให้หน่อยค่ะ...
ในกระเป๋ายังมีเหรียญเหลืออยู่ 220 เหรียญแต่ปลดล็อกไม่ได้ แก้ไขให้หน่อยค่ะ...
เติมเหรียญไปแล้ว แต่ปลดล็อกไม่ได้ มีข้อความว่าเกิดข้อผิดพลาด กรุณาลองใหม่อีกครั้ง...
เติมเหรีญญไป 500 เหรียญ เริ่มกดซื่อตอน จาก 223 มาถึงตอน 227 = 5 ตอน 40 เหรัยญ แต่ตอนนี้มีเหรียญคงเหลือ 444 เหรียญ และเปิดอ่านย้อนหลังไม่ได้ ช่วยแก้ไขด้วยค่ะ...
สนุกดี แต่ใช้บัตร์เติมเงินเอไอเอสไม่ได้ ขอบคุที่ให้อ่าน...