เข้าสู่ระบบผ่าน

แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย นิยาย บท 60

กุ้ยเฟยมองไปยังทางเข้า แต่กลับไม่เห็นขบวนเสด็จ

ขันทีผู้นั้นมีเหงื่อเย็น ๆ ผุดขึ้นมาเต็มหน้าผาก

“พระนาง หลิวกงกงกล่าวว่า ฝ่าบาท…ฝ่าบาททรงเหนื่อยล้ามาทั้งวัน จึงเข้าบรรทมตั้งแต่หัววันแล้วพ่ะย่ะค่ะ ทั้งมีกระแสรับสั่งว่า ห้ามผู้ใดเข้าไปรบกวนเด็ดขาด”

ชุนเหอนิ่งอึ้ง

“เจ้าเลอะเลือนหรือไง นี่ยังพูดไม่ชัดอีกหรือ พระนางกำลังจะถูกโบยนะ!”

พระนางเป็นถึงแก้วตาดวงใจของฝ่าบาท ไม่มีทางรวมอยู่ใน “ผู้ใด” ที่ว่านั้นแน่!

สีหน้าของกุ้ยเฟยก่อเกิดไอเย็น สายตาที่มองมาทางขันที แฝงไปด้วยไอสังหาร

เศษสวะไร้ประโยชน์!

ในเวลาสำคัญเช่นนี้ ขนาดเชิญเสด็จฝ่าบาทมาก็ยังไม่ได้อีก

ข้าหลวงผู้คุมโทษมองหน้ากันไปมา จากนั้นก็ลุกขึ้นมาพูด

“กุ้ยเฟย ต้องขอล่วงเกินแล้ว!”

พวกเขาเตรียมเข้ามาจับตัว ชุนเหอพลันตะโกนเสียงดัง

“สามหาว! พวกเจ้ากล้าดีอย่างไร!”

……

ผ่านไปครึ่งชั่วยาม

กุ้ยเฟยก็เอนพิงแท่นบรรทมอย่าง “อ่อนแรง”

เมื่อเห็นชุนเหอเปิดม่านมุ้งเข้ามา นางก็รีบถามทันที

“ฝ่าบาทล่ะ? เขามาไหม?”

ชุนเหอกัดริมฝีปาก แล้วส่ายหน้า

“ทางตำหนักจื้อเฉิน หลิวกงกงเองก็ยังไม่สามารถเข้าไปกราบทูลได้เลยเพคะ”

“พระนาง บางทีฝ่าบาทอาจจะทรงเหนื่อยจริง ๆ ก็ได้”

กุ้ยเฟยเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ “นั่นสิ ต้องเป็นเพราะเหนื่อยแน่ ๆ รอพรุ่งนี้ พรุ่งนี้ต้องเชิญฝ่าบาทเสด็จมาให้ได้ ให้เขาได้เห็น ว่าฮองเฮาทำอะไรกับข้าไว้บ้าง!”

แม้ว่าการโบยห้าไม้นั้น ผู้คุมโทษจะแค่ทำไปพอเป็นพิธี แทบไม่กล้าโดนตัวของนางด้วยซ้ำ แต่นางต้องถูกกดราบบนตั่งไม้ ช่างเสียศักดิ์ศรียิ่งนัก!

ถึงแม้ว่านางไม่ได้ถูกโบย แต่ก็ต้องบอกว่าตนเองถูกโบย

ในความเป็นจริงแล้ว

เซียวอวี้ถอนพิษอยู่ที่ตำหนักฉางสิ้น ใกล้ถึงยามจื่อถึงกลับมาที่ตำหนักจื้อเฉิน

หลิวซื่อเหลียงเข้ามาทูลรายงานอย่างร้อนใจ

“ฝ่าบาท เกิดเรื่องที่ตำหนักหลิงเซียวพ่ะย่ะค่ะ!

“ฮองเฮาทรงมีรับสั่ง ให้โบยกุ้ยเฟยห้าไม้ กุ้ยเฟยส่งคนมาเชิญท่านเสด็จไปจัดการให้ แต่ท่านไม่อยู่ บ่าวเองก็มิกล้าฝ่าฝืนคำสั่งของฮองเฮา…”

เซียวอวี้พลันมีสีหน้าอึมครึม

“มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ!”

เช้าวันรุ่งขึ้น

ณ ตำหนักหย่งเหอ

ข้าหลวงมาคารวะเฟิ่งจิ่วเหยียน

“พระนาง ฝ่าบาททรงเรียกท่านไปที่ตำหนักหลิงเซียวพ่ะย่ะค่ะ”

เหลียนซวงยืนเกล้าผมให้นางอยู่ข้าง ๆ

“ต้องเป็นเพราะเรื่องที่กุ้ยเฟยถูกโบยเมื่อคืนแน่เลยเพคะ

“พระนาง ฝ่าบาททรงโปรดปรานกุ้ยเฟยถึงเพียงนั้น หากท่านไป จะไม่เป็นอะไรไปหรือเพคะ?”

เฟิ่งจิ่วเหยียนจัดปิ่นปักผม สีหน้าเรียบนิ่งดังเดิม

“ทหารมาใช้ขุนพลต้านรับฉันใด ย่อมมีวิธีตั้งรับฉันนั้น”

“ในเมื่อเจ้าอยากจัดการแข่งขันขี่ม้าโปโลถึงเพียงนั้น เราจะให้เจ้าจัด

“แต่เรื่องเมื่อวาน เราหวังว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก ในเมื่อถูกโบยแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องคัดกฎของวัง

“เป็นถึงฮองเฮา ก็ควรอ่อนโยนมีเมตตา ใช้คุณธรรมเอาชนะใจคน ไม่ใช่ใช้การลงโทษมาบีบบังคับเช่นนี้!”

เฟิ่งจิ่วเหยียนหลุบตาลงรับคำ “หม่อมฉันน้อมรับคำสั่ง”

“ฝ่าบาท…” กุ้ยเฟยไม่พอใจกับผลลัพธ์นี้เท่าไรนัก

นี่นางยังต้องเข้าร่วมการแข่งขันขี่ม้าโปโลอีกงั้นหรือ?

แล้ว เรื่องที่ถูกโบยเมื่อคืนจะยังมีค่าอะไร!

เซียวอวี้พูดตัดบทนาง ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด

“เราต้องเข้าว่าราชกิจยามเช้า เสร็จจากนั้นแล้วเราจะมาหาเจ้าอีก”

ได้ยินแบบนั้น กุ้ยเฟยก็หยุดพูดอย่างรู้งาน

สายตาของนางทอดมองผ่านม่าน มายังร่างกายของเฟิ่งจิ่วเหยียนอย่างดุดัน

นังแพศยา!

ที่ถูกโบยในครั้งนี้ วันใดวันหนึ่งนางจะต้องเอาคืนหลายเท่า!

เหล่านางสนมที่ถูกโบย ต่างก็ค่อนแขวะฮองเฮาไม่หยุดหย่อน

แต่กระนั้นยังต้องเก็บของไปที่สนามม้าหลวง เพราะเห็นแก่สีหน้าของฮองเฮา

เสียนเฟยและนางสนมเจียมองหน้ากันยิ้ม ๆ

โชคดีที่เมื่อวานพวกนางมาที่สนามม้าหลวง ไม่อย่างนั้นคงหนีไม่พ้นต้องถูกโบยเช่นกัน

ผ่านไปหนึ่งชั่วยามหลังจากการฝึกเริ่มขึ้น กุ้ยเฟยก็มาสาย ซ้ำยังเดินตรงดิ่งไปหาเฟิ่งจิ่วเหยียน

ทุกคนต่างมองตามพลางกลั้นหายใจและเก็บเสียง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย