ชุนเหอเป็นบ่าวคนสนิทของกุ้ยเฟย ทั้งยังฉลาดเป็นกรด
นางคาดเดาว่า “ฮองเฮาต้องกลัวว่าหากท่านอยู่ที่สนามม้าหลวง แล้วฝ่าบาททรงเสด็จมา จะสนใจเพียงแต่ท่านผู้เดียว ไม่ชายตามองคนอื่นเป็นแน่เพคะ”
กุ้ยเฟยลำพองใจ
“ถึงข้าไม่ไป ในสายตาของฝ่าบาทก็ไม่มีพวกนางอยู่ดี”
แต่ว่า หลายวันมานี้ต้องตื่นแต่เช้าไปที่สนามม้าหลวงทุกวัน นางค่อนข้างเหนื่อยล้าจริง ๆ
หลายวันต่อมา
เฟิ่งจิ่วเหยียนก็มาถามผู้ดูแล
ผู้ดูแลตอบเสียงเบา
“พระนาง ระยะนี้มีคนฝึกกระบวนท่า “เกล็ดน้ำค้างโบยบินดั่งหิมะ” หลายคนเลยพ่ะย่ะค่ะ บ่าวเองก็ทำตามที่ท่านกำชับ คอยชี้แนะเพิ่มเติม ยามที่เหล่าสนมเจอท่ายาก ๆ
“แต่มีเพียงสนมเจียเท่านั้นที่มีพรสวรรค์ สามารถเรียนรู้ได้ไว และขยันเรียนที่สุด แถมยังแอบเข้ามากลางดึกทุกคืนด้วย”
เฟิ่งจิ่วเหยียนเข้าใจ จึงโบกมือให้เขาออกไปได้
เหลียนซวงถามอย่างสงสัย
“พระนาง สนมเจียจะกระตุ้นให้กุ้ยเฟยเปิดเผยทักษะขี่ม้าออกมาได้จริง ๆ หรือเพคะ?”
เฟิ่งจิ่วเหยียนใช้นิ้วหมุนลูกบอลโปโลเล่น ด้วยความคล่องแคล่ว
“ทำสองสิ่งพร้อมกัน จำเป็นต้องใช้สิ่งของอีกอย่างนั่นคือ——ความระแวง”
……
ยามราตรีโอบล้อมทุกสารทิศ
ณ ตำหนักหลิงเซียว
กุ้ยเฟยงุ่นง่านอยู่ไม่สุข
“คืนนี้ฝ่าบาทก็กลับไปที่ตำหนักจื้อเฉินอีกแล้วหรือ?”
ชุนเหอพยักหน้าอย่างนอบน้อม
“เพคะพระนาง เสี่ยวลู่จื้อไปถามมาแล้ว ระยะนี้พอตรวจตราสาส์นร้องทุกข์เสร็จ ฝ่าบาทก็กลับไปที่ตำหนักจื้อเฉินเลยเพคะ”
แววตาของกุ้ยเฟยอึมครึมลง
“ตรวจตราสาส์นร้องทุกข์ อย่างดึกก็ไม่เกินยามซวี”
ชุนเหอก็สงสัยมาตั้งแต่แรก แค่รอให้พระนางเอ่ยออกมา ถึงจะกล้าผสมโรง
“นั่นสิเพคะ เหตุใดฝ่าบาทถึงได้เข้าบรรทมไวขนาดนั้น? หรือว่า…บางทีอาจจะเหนื่อยเกินไป?”
ผลั่ก!
กุ้ยเฟยยกเท้า ถีบเข้าที่กลางอกของชุนเหอ
“แม้แต่เจ้าก็คิดจะหลอกข้าหรือ!”
ชุนเหอล้มหงายหลัง จากนั้นก็รีบลุกมาคุกเข่าบนพื้น
“พระนางโปรดประทานอภัย!”
กุ้ยเฟยลุกขึ้นนั่ง ใบหน้างดงามเยือกเย็นไปทั้งแถบ
“ให้เสี่ยวลู่จื้อไปสืบมาอย่างละเอียด ยามกลางคืนฝ่าบาททรงเสด็จไปแห่งใด”
นางรู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องมีลับลมคมใน
ณ ตำหนักจื้อเฉิน
หลิวซื่อเหลียงปรนนิบัติเปลี่ยนฉลองพระองค์ให้ฝ่าบาท จากชุดคลุมมังกรเป็นชุดสบายตัว
แม้นเขาจะเป็นหัวหน้าขันทีคนสนิทของฝ่าบาท แต่ก็ไม่รู้ว่าฝ่าบาททรงเสด็จไปไหนทุกคืน ทั้งยังเสด็จกลับมาดึก ๆ ดื่น ๆ
“ฝ่าบาท วันนี้ต้องเสด็จออกไปอีกหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“อืม” เซียวอวี้ยืนอยู่หน้ากระจก ปรายตามองเล็กน้อยแล้วจัดชุด
อย่างไรเสียก็ดีกว่าไปหานางสนมคนอื่น
แต่ผู้ใดจะไปรู้ ขณะนี้ฝ่าบาทไม่ได้เสด็จไปที่ตำหนักเก่า
เซียวอวี้มาถึงตำหนักฉางซิ่น แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของผู้หญิงคนนั้น
เห็นเพียงแต่ ยาอบที่วางไว้บนโต๊ะ และข้อความที่ถูกทับไว้ข้างใต้
---[กรุณาใช้เอง หมายเหตุ งดกามกิจ]
แสงเทียนส่องแสงวูบไหวบนใบหน้าหล่อเหลาของเขา สะท้อนสันกรามคมกริบดั่งใบมีด
นับวันยิ่งทำแบบขอไปทีขึ้นเรื่อย ๆ!
คิดจะใช้ยาอบมาปั่นหัวเขาหรืออย่างไร!
อีกอย่าง ไม่พูดถึงเรื่องกามกิจแล้วนางจะตายหรือไง?
เขาดูเป็นฮ่องเต้ที่หมกมุ่นเรื่องเคล้านารีขนาดนั้นเลยหรือ!
แววตาของเซียวอวี้ทอแววเดือดดาล พลันเกิดความรู้สึกอยากทำลายฟ้าถล่มดินทลาย
นอกพระราชวัง
เฟิ่งจิ่วเหยียนนัดเจอกับซ่งหลีในหอสุราแห่งหนึ่ง
ก่อนหน้านี้อู๋ไป๋ส่งจดหมายมาให้นาง เกี่ยวกับเรื่องการรักษาเวยเฉียง ซ่งหลีอยากปรึกษานางต่อหน้า
นางรู้จักกับซ่งหลีตอนท่องยุทธภพ ตอนนั้นนางแปลงโฉมเป็นบุรุษ และแปลงนามว่า “ซูฮ่วน”
การเจอกันในคืนนี้ นางยังใช้ตัวตนของซูฮ่วนเหมือนเดิม
เฟิ่งจิ่วเหยียนเดินขึ้นไปชั้นบน แง้มเปิดประตูได้ไม่ทันไร พลันมีฝ่ามือปะทะเข้ามา ด้วยแรงมหาศาล!
นางออกฝ่ามือสวนกลับไปอย่างรวดเร็ว
หางตาเหลือบเห็น ซ่งหลีถูกเชือกมัดติดกับเก้าอี้ ทั้งยังถูกผ้ายัดปากเอาไว้…

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย
ในกระเป๋ายังมีเหรียญเหลิออยู่ 220 เหรียญแต่ทำไมปลดล็อกไม่ได้คะ แก้ไขให้หน่อยค่ะ...
ในกระเป๋ายังมีเหรียญเหลืออยู่ 220 เหรียญแต่ปลดล็อกไม่ได้ แก้ไขให้หน่อยค่ะ...
เติมเหรียญไปแล้ว แต่ปลดล็อกไม่ได้ มีข้อความว่าเกิดข้อผิดพลาด กรุณาลองใหม่อีกครั้ง...
เติมเหรีญญไป 500 เหรียญ เริ่มกดซื่อตอน จาก 223 มาถึงตอน 227 = 5 ตอน 40 เหรัยญ แต่ตอนนี้มีเหรียญคงเหลือ 444 เหรียญ และเปิดอ่านย้อนหลังไม่ได้ ช่วยแก้ไขด้วยค่ะ...
สนุกดี แต่ใช้บัตร์เติมเงินเอไอเอสไม่ได้ ขอบคุที่ให้อ่าน...