วันรุ่งขึ้น เมื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนไปจวนท่านแม่ทัพเพื่อเยี่ยมเยียนอาจารย์หญิงนั้น
ยามที่กำลังพูดคุยกันอยู่ จางฉี่หยางพลันเดินเข้ามา
“ฮูหยินขอรับ ท่านแม่ทัพสั่งให้มาเอาของบางอย่าง...”
ยังมิทันพูดจบ เขาพลันเห็นซูฮ่วนนั่งอยู่ข้าง ๆ ฮูหยินเมิ่งในทันที
เขารู้สึกดีใจยิ่งนัก
“อาจารย์! ท่านมาหาข้างั้นหรือ!”
จางฉี่หยางสูงกว่าในความทรงจำของนาง ทั้งยังกำยำ ผิวคล้ำขึ้นอีก
คล้ำยิ่งกว่าตงฟางซื่อเสียด้วย
เมื่อศิษย์อาจารย์ได้พบหน้ากันนั้น เดิมทีจักต้องได้พบหน้ากินข้าวด้วยกันเสียหน่อย ทว่า จางฉี่หยางมาตามคำสั่งของท่านแม่ทัพ เขาจึงมิอาจรั้งอยู่นานได้
“อาจารย์ รอข้าก่อน! ข้าหมักสุราดีเอาไว้ให้ท่านแล้ว! วันพรุ่งนี้ข้าจักมาหาท่าน! อาจารย์ ท่านต้องรอข้านะ!”
เมื่อจางฉี่หยางจากไปนั้น เขาก้าวไปข้างหน้าแต่ยังมิวายหันหลังกลับมามองถึงสามหน เกรงว่าอาจารย์ของตนจะหนีหายไป
ฮูหยินเมิ่งได้แต่แย้มยิ้มกล่าวออกมาว่า
“เจ้าเด็กนี่เหมือนกับเจ้ามาก ล้วนแต่บ้าการออกรบจนไม่คิดถึงชีวิตของตนเองเช่นเจ้า”
ทันใดนั้น นางจึงเอ่ยต่อจากคำพูดก่อนหน้านี้ เพื่อกล่าวเตือนเฟิ่งจิ่วเหยียนขึ้นมาว่า
“เวลาเพียงแค่สามเดือนนั้น ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เจ้าอย่ามัวแต่ยุ่งเรื่องงานแต่งของเวยเฉียง จนลืมเรื่องของฝ่าบาทไปเล่า”
เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้าเบา ๆ “อื้ม”
วันรุ่งขึ้น
เป็นไปอย่างที่คาดเอาไว้ จางฉี่หยางมาพร้อมกับไหสุราในมือ
“ท่านแม่ทัพอนุญาตให้ข้าพักผ่อนหนึ่งวัน ท่านอาจารย์ นี่เป็นความกตัญญูของลูกศิษย์ที่มีต่อท่าน!”
เฟิ่งจิ่วเหยียนที่มิได้ร่ำสุรามานานแล้วนั้น
หลังจากลองจิบไปคำเดียวก็รู้เลยว่านี่คือสุราดี เมื่อจิบเข้าไปความหอมของสุราพลันแตกซ่านในปาก ทั้งยังเต็มไปด้วยความหอมหวานที่ยากจะลืมเลือน
จางฉี่หยางหาใช่เด็กหนุ่มวันวานอีกไม่ รอยยิ้มของเขานั้นสดใสและเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
“ท่านอาจารย์ สุรานี้เป็นสุราที่ข้าได้ขโมยมาจากกระโจมยามที่ตีกับเผ่าหูหลง เผ่าหูหลงนั้นถนัดการหมักดองสุราเป็นที่สุด ทว่า น่าเสียดายมีเพียงแค่ไหเดียวเท่านั้น ท่านแม่ทัพที่อยากได้ข้ายังมิให้! ข้าเก็บเอาไว้ให้ท่านอาจารย์เท่านั้น!”
เฟิ่งจิ่วเหยียนมองดูเขา พลันอดคิดถึงบิดามารดาที่สิ้นใจไปตั้งแต่เล็ก ๆ ของเขาไม่ได้
พวกเขาคงจะมีความสุขที่ได้มองเห็นจางฉี่หยางประสบความสำเร็จอยู่บนสวรรค์
“ท่านอาจารย์ เหล่าทหารที่เข้ามาใหม่นั้น มีบางคนที่อายุแก่กว่าข้า ยังคิดกล้ามาดูถูกดูแคลนข้าอีก สุดท้ายทุกคนต่างก็ถูกข้ากำราบหมด!”
“ในเมื่อลูกศิษย์เติบโตขึ้นเช่นนี้ ก็คงต้องพูดถึงสะใภ้ได้แล้วกระมัง หากเจ้ามีแม่นางคนใดอยู่ในใจแล้วละก็ เจ้าต้องรีบบอกอาจารย์เชียว อาจารย์จักไปสู่ขอนางมาให้เจ้า”
ใบหน้าของจางฉี่หยางพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงไปในทันทีเมื่อได้ยินเช่นนี้ “อา อาจารย์ ท่านพูดเรื่องอันใดกัน!”
เฟิ่งจิ่วเหยียนเงยหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้าสีคราม พลางถอนหายใจ
“ชีวิตคนเรานั้นแสนสั้น เวลาหาได้รั้งรอไม่ อย่าได้ลังเลที่จะตัดสินใจ มิเช่นนั้นจักต้องพลาดโอกาสนั้นไปตลอดกาล”
……
อู๋ไป๋ขับรถม้า อย่างมั่นคงทั้งยังว่องไว ระหว่างทางนั้น เขาค่อย ๆ เล่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้นายท่านเฟิ่งและฮูกยินเฟิ่งฟัง เพื่อป้องกันมิให้เขาเอ่ยเรื่องอันใดขึ้นมาแล้วทำให้นางหวนกลับไปคิดความทรงจำเลวร้ายเหล่านั้นอีก
เวลาไม่ถึงเดือน พวกเขาก็เดินทางมาถึงชายแดนเหนือ
เซียวเหยาจวี
เมื่อฮูหยินเฟิ่งได้เห็นเวยเฉียงนั้น ภายในใจของนางจึงรู้สึกโล่งยิ่งนัก ก่อนจะดึงตัวคนเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดพลันร่ำไห้ออกมาในทันที
VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย
ในกระเป๋ายังมีเหรียญเหลิออยู่ 220 เหรียญแต่ทำไมปลดล็อกไม่ได้คะ แก้ไขให้หน่อยค่ะ...
ในกระเป๋ายังมีเหรียญเหลืออยู่ 220 เหรียญแต่ปลดล็อกไม่ได้ แก้ไขให้หน่อยค่ะ...
เติมเหรียญไปแล้ว แต่ปลดล็อกไม่ได้ มีข้อความว่าเกิดข้อผิดพลาด กรุณาลองใหม่อีกครั้ง...
เติมเหรีญญไป 500 เหรียญ เริ่มกดซื่อตอน จาก 223 มาถึงตอน 227 = 5 ตอน 40 เหรัยญ แต่ตอนนี้มีเหรียญคงเหลือ 444 เหรียญ และเปิดอ่านย้อนหลังไม่ได้ ช่วยแก้ไขด้วยค่ะ...
สนุกดี แต่ใช้บัตร์เติมเงินเอไอเอสไม่ได้ ขอบคุที่ให้อ่าน...