ยามปกติเซียวอวี้โปรดปรานการไปสนามม้าหลวง แต่หากเป็นการไปทอดพระเนตรเหล่านางสนมทำการแสดง เขาหาได้สนใจไม่
ทว่าไทเฮากลับมาเชิญเขาด้วยพระองค์เองเสียนี่
“ฝ่าบาทราชกิจรัดตัว เดิมข้าไม่สมควรมารบกวน”
“แต่ช่วงนี้ในราชสำนักมีข่าวลือหนาหูว่าพวกเราแม่ลูกหมางใจกัน เพื่อความมั่นคงของราชสำนักและวังหลังแล้วต้องทำอะไรเสียหน่อย”
“วันนี้ก็ถือโอกาสเดินเล่นเป็นเพื่อนข้า ดีหรือไม่?”
......
ณ สนามม้าหลวง
ไทเฮาเหลือบมองนางสนมหลายนางที่ขี่ม้าอยู่ก็แย้มพระโอษฐ์ไม่หยุด
พวกนางยอมทุ่มเทขนาดนี้เพื่อที่จะได้รับความโปรดปราน ลำบากพวกนางแล้ว
“ฮ่องเต้ ท่านเชี่ยวชาญทักษะการขี่ม้า ลองทอดพระเนตรพวกนางดูว่ามีจุดไหนไม่เหมาะสมหรือไม่?”
สีหน้าเซียวอวี้เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม ทอดมองไปยังเงาร่างของฮองเฮาที่กำลังจูงม้าเดินเข้ามาอยู่ไม่ไกล
“หัวมังกุท้ายมังกร [1]”
สีหน้าไทเฮาแข็งทื่อขึ้นมาเล็กน้อย
ฮ่องเต้ทรงไร้อารมณ์เช่นนี้ เกรงว่านางสนมเหล่านี้จะต้องผิดหวังอีกแล้ว
น่าเสียดายน้ำใจนี้ของฮองเฮานัก
เฟิ่งจิ่วเหยียนส่งม้าให้กับผู้ดูแล แล้วเดินไปเบื้องหน้าของไทเฮาและฮ่องเต้
“หม่อมฉันคารวะเสด็จแม่และฝ่าบาทเพคะ”
สายตาไทเฮาเปี่ยมด้วยความอ่อนโยนเมตตากล่าวว่า “รีบลุกขึ้นเถิด ฮองเฮา งานแข่งขันขี่ม้าโปโลของเจ้านี้แปลกใหม่ยิ่งนัก ลำบากเจ้าสิ้นเปลืองความคิดแล้ว”
“ช่างสิ้นเปลืองความคิดเสียจริง” เซียวอวี้กล่าวตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา
น้ำเสียงของเขาแฝงไว้ด้วยความประชดประชัน
อย่างพวกนางจะตีโดนอะไรได้หรือ?
“เริ่มเถิด เรายังมีกองฎีกาค้างอยู่อีกมากนัก”
เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ลนลานกระสับกระส่าย นางกล่าวตอบ
“รอน้องสาวอีกไม่กี่คนเตรียมพร้อม ก็จะเริ่มได้แล้วเพคะ”
เหล่าข้าหลวงได้เตรียมปะรำพิธีสำหรับชมการแข่งขันพร้อมติดตั้งหลังคากันร้อนเอาไว้
เมื่อทุกคนนั่งลง ไทเฮาก็ตรัสถามเฟิ่งจิ่วเหยียน
“ฮองเฮา เจ้าไม่ร่วมแข่งกับพวกนางหรือ?”
เฟิ่งจิ่วเหยียนตอบด้วยท่าทางสงบนิ่ง
“เพคะ”
ไทเฮาแสดงท่าทางเสียดายออกมา “น่าเสียดาย ข้าจำได้ว่าทักษะการขี่ม้าของเจ้ายอดเยี่ยมยิ่งนัก”
เหล่านางสนมที่เตรียมตัวขี่ม้าเข้าสนามต่างก็ทั้งตื่นเต้นทั้งกังวล
“ในที่สุดฝ่าบาทก็เสด็จมาทอดพระเนตรพวกเราแล้ว! ข้าตื่นเต้นจัง!”
“หากรู้แต่แรกว่าจะเป็นเช่นนี้ ข้าคงจะขยันเพิ่มการฝึกซ้อมไปแล้ว”
“เริ่มแล้ว เริ่มแล้ว!”
เหล่านางสนมขี่ม้าออกไปตามลำดับ แสดงผลการฝึกซ้อมหลายวันมานี้ของตัวเอง
บนปะรำพิธี ไทเฮาทรงแย้มพระโอษฐ์ไม่หยุด
“เสียนเฟยร่างกายอ่อนแอ นึกไม่ถึงว่าพอขี่ม้าแล้วท่าทางกลับดูดีไม่เลว”
การแสดงของสนมอีกหลายคนหลังจากนั้น ไทเฮาล้วนทรงตรัสชม มากบ้างน้อยบ้างสลับกันไป ทว่าทุกครั้งที่นางทอดพระเนตรท่าทางของฮ่องเต้ เขาก็ยังคงดูเคร่งขรึมเย็นชาอยู่อย่างนั้น
บรรยากาศรอบกายของเขาช่างน่าเกรงขามและเย็นชาราวกับน้ำแข็ง ทำเอานางสนมเจียงปีนขึ้นม้าอยู่นานก็ยังขึ้นไม่ได้ แถมยังตกจากม้าอีกด้วย
ผ่านไปไม่นานก็ถึงเวลาของนางสนมเจีย
ได้เห็นนางทำให้ม้าสงบนิ่ง ทันใดนั้นนางก็ลุกขึ้น ใช้เท้าเดียวเหยียบบนหลังม้า สองมือจับเชือกบังเหียน ยกเท้าอีกข้างขึ้นไปเหยียบ แล้วเริ่มการเต้นรำที่งามสง่าทั้งยังนุ่มนวลงดงามบนหลังม้า
เมื่อไทเฮาเห็นภาพฉากนี้ ใบหน้าก็ฉายความกระสับกระส่ายออกมาแว่บหนึ่ง


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย
เติมเหรีญญไป 500 เหรียญ เริ่มกดซื่อตอน จาก 223 มาถึงตอน 227 = 5 ตอน 40 เหรัยญ แต่ตอนนี้มีเหรียญคงเหลือ 444 เหรียญ และเปิดอ่านย้อนหลังไม่ได้ ช่วยแก้ไขด้วยค่ะ...
สนุกดี แต่ใช้บัตร์เติมเงินเอไอเอสไม่ได้ ขอบคุที่ให้อ่าน...