เข้าสู่ระบบผ่าน

แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย นิยาย บท 68

ถึงแม้ว่ากุ้ยเฟยจะขี่ม้าเป็น แต่นางก็ไม่ได้ขี่ม้ามานานมากแล้ว

ก่อนที่จะแสดงให้ฝ่าบาทดู ล้วนต้องฝึกฝนเสียก่อน และสถานที่เดียวในวังที่สามารถขี่ม้าได้ก็คือสนามม้าหลวง

“เจ้าว่ากระไรนะ? พระสนมของพวกเราเข้าไปไม่ได้งั้นหรือ?” ชุนเหอแสดงสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ

เจ้าสุนัขรับใช้ของสนามม้าหลวงนี่ ถึงกับกล้าขัดขวางพระสนม!

ณ ประตูทางเข้าสนามม้าหลวง

ผู้ดูแลสนามม้าหลวงยิ้มแหย ใบหน้าขื่นขมด้วยความลำบากใจ

“กุ้ยเฟย ไม่ใช่ว่าข้าน้อยขัดขวางท่าน เป็นเบื้องบนมีคำสั่งลงมา ข้าน้อยไม่อาจฝ่าฝืนคำสั่งพ่ะย่ะค่ะ!”

ใบหน้าของกุ้ยเฟยเย็นวาบ

ในวังหลังแห่งนี้ยังมีสถานที่ที่นางไม่อาจเข้าไปได้?

เรื่องอย่างการโต้เถียงกันเช่นนี้ ยังไม่ถึงคราวที่กุ้ยเฟยจะต้องออกปากเอง

ชุนเหอออกหน้าซักถาม

“ก่อนหน้านี้พระสนมก็เข้าไปได้ เหตุใดวันนี้จึงเข้าไม่ได้? นี่กฎของผู้ใดกัน?”

ผู้ดูแลเช็ดเหงื่อแล้วเช็ดเหงื่ออีก

“เป็น...เป็นฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ ฮองเฮาทรงตรัสว่า สนามม้าหลวงแห่งนี้มีม้าและอุปกรณ์ขี่ม้าอยู่จำกัด มีเพียงเหล่าพระสนมที่เข้าร่วมการแข่งขี่ม้าโปโลเท่านั้นจึงจะเข้ามาได้ อีกทั้งยังต้องได้รับการอนุญาตจากกพระนาง ถึงจะสามารถ...”

“บังอาจ!” สายตาของกุ้ยเฟยดูน่าเกลียดเป็นอย่างมาก

เฟิ่งเวยเฉียงนังแพศยานั่น นางมีสิทธิ์ทำเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน!

ผู้ดูแลถูกกดดันจนก้มหัวต่ำลงเรื่อย ๆ

“ฮองเฮาทรงทำเพื่อความปลอดภัยของพระสนมทุกพระองค์พ่ะย่ะค่ะ”

“กุ้ยเฟยพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยเพียงปฏิบัติตามคำสั่ง ขอท่านได้โปรดอย่าทำให้ข้าน้อยลำบากใจเลยพ่ะย่ะค่ะ ฮองเฮาไม่ทรงอนุญาต ถ้าหาก...ถ้าหากฝ่าบาททรงอนุญาตล่ะก็ ข้าน้อยย่อมต้องเปิดประตูให้ท่านอย่างไม่กระบิดกระบวนแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”

ฮองเฮาเขามิอาจล่วงเกิน สนมรักของฝ่าบาทเขายิ่งไม่อาจที่จะล่วงเกินได้

......

ณ ตำหนักหย่งเหอ

หลิวซื่อเหลียงมาเชิญคนด้วยตนเอง

“ฮองเฮา ฝ่าบาททรงเรียกท่านไปซักถามพ่ะย่ะค่ะ”

เหลียนซวงถามฮองเฮาอย่างวิตกกังวล

“ฮองเฮา ต้องเป็นกุ้ยเฟยไปฟ้องฮ่องเต้แน่เลยเพคะ”

เฟิ่งจิ่วเหยียนวางพู่กันในมือลงบนแท่นวางพู่กันหยก

ทั่วร่างแสดงให้เห็นถึงความสงบนิ่งที่แม้ไท่ซานจะถล่มลงก็ไม่อาจทำให้นางเปลี่ยนสีหน้าได้ นางออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงที่เฉยชา

“เปลี่ยนชุด”

หลังเวลาผ่านไปสองเค่อ [1]

ภายในห้องทรงพระอักษร

เมื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนเข้ามาในห้อง ก็เห็นฮ่องเต้นั่งอยู่หลังโต๊ะ ส่วนกุ้ยเฟยยืนอยู่ข้างกายเขา โฉมสราญผู้นี้สองตาแดงระเรื่อ อ่อนช้อยบอบบางดั่งกิ่งหลิวที่ลู่ลม

“หม่อมฉันคารวะฝ่าบาทเพคะ”

คิ้วตาของเซียวอวี้น่าเกรงขาม กรามแกร่งคมคร้าม

“ฮองเฮาช่างน่าเกรงขามยิ่ง ต่อไปเมื่อเราจะไปสนามม้าหลวง ก็ต้องขออนุญาตจากเจ้ารึ!”

ดูเผิน ๆ กุ้ยเฟยเหมือนได้รับความไม่เป็นธรรม ทว่าในแววตากลับซ่อนคมมีดเอาไว้

นังแพศยานี่คิดหรือว่ามีตราประทับทองแล้วก็สามารถทำตามอำเภอใจได้?

เฟิ่งจิ่วเหยียนตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน

“มันร้ายแรงอย่างที่เจ้าพูดเสียที่ไหนกัน!”

“ฝ่าบาท หม่อมฉันเพียงแค่อยากขี่ม้าให้ท่านทอดพระเนตรเพียงคนเดียวเท่านั้น...”

เฟิ่งจิ่วเหยียนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

“หากกุ้ยเฟยอยากเอาอกเอาใจฝ่าบาทแต่เพียงผู้เดียว เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องไปที่สนามม้าหลวงในยามกลางวัน เพียงรอให้ตะวันตกดินแล้วปิดม่านลง...”

“บังอาจ!” เซียวอวี้สีหน้าดำทะมึนในทันที

สตรีผู้หนึ่งอย่างนางพูดคำที่สกปรกโสมมเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร

สีหน้าของกุ้ยเฟยออกจะดูรับไม่ได้อยู่บ้างเช่นกัน

“ฮองเฮาถึงกับพูดเหยียดหยามหม่อมฉันเช่นนี้...”

เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ตกหลุมพรางของนางและพูดออกมาด้วยสีหน้าจริงจังว่า

“หากไม่ว่าอย่างไรก็จะเข้ามาฝึกในสนามม้าหลวงให้ได้ เช่นนั้นก็ย่อมได้

“แต่ต้องรอให้การแข่งขันขี่ม้าโปโลจบลงเสียก่อน

“ถึงอย่างไรช่วงนี้ม้าและพื้นที่ในสนามเองก็ไม่พอใช้จริง ๆ

“กุ้ยเฟยขี่ม้าไม่เป็น ยังต้องให้คนหลายคนคอยปกป้องคุ้มกันจึงไม่ค่อยสะดวกนัก...”

“ข้าขี่ม้าเป็น! ไม่จำเป็นต้องให้ฮองเฮาทรงเป็นกังวลหรอกเพคะ!” กุ้ยเฟยพูดอย่างหมดความอดทน

เมื่อนางพูดประโยคนี้ออกมา ประกายแสงเย็นวาบก็เคลื่อนผ่านแววตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนอย่างรวดเร็ว

“กุ้ยเฟยขี่ม้าเป็น?”

----------------------------------------------

[1] หน่วยเวลาโบราณเทียบเท่า 15 นาที

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย