กุ้ยเฟยเมินเฟิ่งจิ่วเหยียน แล้วหันไปออดอ้อนฮ่องเต้
“ฝ่าบาท พระองค์ทรงทราบถึงทักษะการขี่ม้าของหม่อมฉันนี่เพคะ”
เซียวอวี้ที่รูปร่างหน้าตางามสง่าเหนือสามัญมองไปที่เฟิ่งจิ่วเหยียนด้วยสายตาเย็นชา
“ทักษะการขี่ม้าของกุ้ยเฟยเหนือกว่าคนพวกนั้นมาก ฮองเฮา เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว”
เฟิ่งจิ่วเหยียนกลับดูคล้ายจะผ่อนคลายลง
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ กุ้ยเฟยก็ไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมการคัดเลือก สิบวันให้หลังมาเข้าร่วมการแข่งขันขี่ม้าโปโลได้เลย”
กุ้ยเฟยรู้สึกไม่พอใจ
ที่นางกลับมาฝึกขี่ม้าก็เพื่อเอาใจฝ่าบาท หาใช่เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันขี่ม้าโปโลอะไรนั่น!
“ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่อยากร่วมการแข่งเพคะ!”
ท่าทางของเฟิ่งจิ่วเหยียนหนักแน่น
“เช่นนั้นก็ได้แต่รอให้การแข่งขันขี่ม้าโปโลจบลงก่อนแล้ว!”
“เจ้า...” กุ้ยเฟยโกรธจนพูดไม่ออก จึงหันไปมองฮ่องเต้อย่างขอความช่วยเหลือ
นอกห้องทรงพระอักษร
เหลียนซวงเห็นฮองเฮาของนางเสด็จออกมาก็รีบรุดหน้าไปรับเสด็จ
“ฮองเฮา เรียบร้อยดีไหมเพคะ?”
เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดอย่างเยือกเย็น
“เพิ่มกุ้ยเฟยเข้าไปในรายชื่อการแข่งขันขี่ม้าโปโล”
เหลียนซวงประหลาดใจเป็นอย่างมาก
“ฮองเฮา ท่านทรงทำได้อย่างไรกันเพคะ? เหตุใดกุ้ยเฟยจึงตกลงได้เล่า!”
ในเวลานั้นเองกุ้ยเฟยก็เดินออกมา
นางหันมายิ้มให้เฟิ่งจิ่วเหยียน ทว่าปากยิ้มแต่ตาไม่ยิ้ม
“ฮองเฮา คอยดูเถิด!”
ให้นางเข้าร่วมการแข่งขันขี่ม้าโปโลเช่นนี้ สนมนางอื่นก็เป็นเพียงตัวประกอบที่ทำให้นางโดดเด่นขึ้นเท่านั้นแหละ!
เฟิ่งจิ่วเหยียนมองข้ามกุ้ยเฟยไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย แล้วพูดประโยคหนึ่งกระตุ้นนาง
“ตราประทับทองช่างใช้ดีเสียจริง”
“เช่นนั้นท่านต้องกุมเอาไว้ให้อยู่เสียก่อน ถึงจะมีประโยชน์” กุ้ยเฟยสีหน้าเย็นชา ก้าวเข้าหานางแล้วกระซิบข้างหูอีกประโยค
“ข้าก็แค่ให้เจ้ายืมเล่นเท่านั้น แค่นี้เจ้าก็หลงระเริงแล้วหรือ?”
เฟิ่งจิ่วเหยียนยังคงสีหน้าไร้อารมณ์ ไม่ได้รับผลกระทบเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่านางเอากำหมัดชกลงบนปุยฝ้ายไม่มีผิด
“ความผิดของเจ้าก่อนหน้านี้ ข้าจำได้ขึ้นใจ
“อีกอย่างทรายที่จับเอาไว้ไม่อยู่น่ะ ข้าคุ้นเคยกับการโปรยมันออกไป ไม่ว่าใครก็ไม่อาจครอบครองมันได้”
เมื่อพูดจบนางก็เดินจากไป
กุ้ยเฟยยืนอยู่ที่จุดเดิม สีหน้าดำทะมึนน่าสะพรึงกลัว
“เฟิ่งเวยเฉียง เจ้าหยิ่งผยองได้อีกไม่นานหรอก!”
เดิมนางแค่อยากทำให้ฝ่าบาทพอพระทัย และยังจำคำเตือนของฝ่าบาทว่าอย่าสร้างเรื่องได้อย่างขึ้นใจ ทว่ายามนี้นางเปลี่ยนใจแล้ว
ใยไม่ใช้งานแข่งขันขี่ม้าโปโลนี้เป็นโอกาสในการกำจัดเฟิ่งเวยเฉียงเสียเลย!
......
เรื่องที่กุ้ยเฟยถูกห้ามไม่ให้เข้าสนามม้าหลวงมาถึงหูของเหล่านางสนม พวกนางมีความเห็นที่ต่างกัน
บางคนก็รู้สึกว่าไม่น่าเป็นไปได้
“นั่นคือกุ้ยเฟยเชียวนะ บ่าวที่สนามม้าหลวงนั่นกล้าขวางนางหรือ?”
บางคนได้รู้ข่าววงในมาก็ทอดถอนใจ
“ยังไงก็ต้องมีตราประทับทองสินะ พวกเจ้ารู้สึกหรือไม่ว่าพอฮองเฮามีตราประทับทองแล้ว ความรู้สึกก็ต่างออกไปเลย!”
“ถึงอย่างไรข้าก็ไม่เคยเห็นกุ้ยเฟยเสียเปรียบมาก่อน ได้ยินว่ายามที่นางโดนขวางไว้หน้าประตู สีหน้านี่ดูไม่ได้เชียว พอหันหลังกลับก็ไปฟ้องฝ่าบาทแล้ว!”
“ฟ้องแล้วจะมีประโยชน์อะไร? ฝ่าบาทไม่ได้ทรงเข้าข้างนาง พรุ่งนี้นางก็ต้องมาร่วมฝึกขี่ม้ากับพวกเราอยู่ดี”
เย็นวันนั้น
ณ ห้องโถงตำหนักฉางซิ่น
ระหว่างที่เฟิ่งจิ่วเหยียนกำลังปรุงเครื่องหอมอยู่ ก็ได้ยินเสียงองค์รักษ์รายงาน
“ฝ่าบาท ตำหนักหลิงเซียวส่งคนมาเชิญอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เฟิ่งจิ่วเหยียนเหลือบมองไปที่ฮ่องเต้


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย
เติมเหรีญญไป 500 เหรียญ เริ่มกดซื่อตอน จาก 223 มาถึงตอน 227 = 5 ตอน 40 เหรัยญ แต่ตอนนี้มีเหรียญคงเหลือ 444 เหรียญ และเปิดอ่านย้อนหลังไม่ได้ ช่วยแก้ไขด้วยค่ะ...
สนุกดี แต่ใช้บัตร์เติมเงินเอไอเอสไม่ได้ ขอบคุที่ให้อ่าน...