เข้าสู่ระบบผ่าน

แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย นิยาย บท 692

ภายในรถม้า ยามที่จะกลับไปที่อี้จ้านนั้น เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงเอ่ยถามเซียวอวี้ว่า

“เหตุใดท่านถึงคิดได้ ไปจับกุมเจ้าของสนามประลองยุทธ์กัน?”

ใบหน้าของเซียวอวี้จึงเผยท่าทีเคร่งครัดออกมา

“กลยุทธ์จับโจรต้องเอาหัวโจกก่อน เราเองก็เคยออกรบมาก่อน”

ดวงตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนพลันเจือไปด้วยความเย็นชาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถามลองเชิงออกไปด้วยท่าทีสงสัยว่า

“ท่านมิกลัวว่าข้าจักแพ้ให้กับอู๋เซียงหรือ?”

เซียวอวี้พลันขมวดคิ้วเป็นปมไปในทันที เขามิเข้าใจว่าเหตุใดนางจึงถามคำถามเช่นนี้ออกมา

ทว่า บทเรียนจากขนมเกาลัดในคราก่อน

นับจากนั้นเป็นต้นมา เขาถึงตระหนักได้ว่า ยามที่สตรีเอ่ยถามอันใดออกมานั้น ห้ามตอบกลับแบบมิคิดอันใดอีก จักต้องคิดให้รอบคอบเสียก่อนค่อยตอบนางกลับไป

“เราย่อมต้องรู้สึกเป็นกังวลอยู่บ้าง ในสถานการณ์เช่นนั้น เรามีแต่จักต้องเชื่อใจเจ้าเท่านั้น สิ่งที่เราทำได้ มีเพียงจัดการทางหนีทีไล่ให้กับเจ้า เพิ่มเติมแผนการที่ขาดไปของเจ้าให้ครบสมบูรณ์”

พูดจบ เฟิ่งจิ่วเหยียนพลันเงียบอยู่นาน

ทำเอาเซียวอวี้คิดว่าตนเองเอ่ยอันใดผิดไป ก่อนที่นางจะค่อย ๆ เอ่ยออกมาว่า

“ในปีนั้น หลังจากที่ข้าพบเจอร่องรอยของอู๋เซียงแล้ว หาได้มีเวลาบอกกับผู้ใดไม่ รีบร้อนออกไปตามหาเขาเพียงลำพัง

“เขาซ่อนตัวอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ราวกับว่าเขาคาดการณ์ได้ว่าข้าจักต้องไปที่นั่น จึงได้ทำการควบคุมเหล่าชาวบ้านส่วนหนึ่งเอาไว้ให้เชื่อในตัวเขาว่า ระหว่างเขากับข้าเป็นเพียงแค่ศัตรูที่มีแค้นต้องชำระ หาได้ต้องการลากพวกเขามามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยไม่

“ก่อนที่เขาจะเริ่มต่อสู้กับข้านั้น เขาขอให้ชาวบ้านเลือก เฉกเช่นเมื่อคืนวานนี้ พนันว่าผู้ใดจักได้ชัย...”

สิ่งที่แตกต่างจากเมื่อคืนวานก็คือ การพนันของชาวบ้านนั้น หาได้เดิมพันด้วยทองคำหรือเงินไม่ แต่เป็นการเดิมพันด้วยตัวพวกเขาเอง

ในยามที่นางต่อสู้กับอู๋เซียงนั้น เหล่าชาวบ้านยังสามารถเปลี่ยนข้างการเดิมพันได้

“ยามนั้นข้าอายุเพียงสิบหกปีเท่านั้น นับว่ายังเด็กยิ่งนัก จึงเลือดร้อนมิอาจควบคุมตนเองได้

“เมื่อเห็นว่าเหล่าชาวบ้านคนแล้วคนเล่าไปเข้าข้างอู๋เซียง เชื่อว่าเขาจะชนะ จนกระทั่งคอยรบกวนข้าเพื่อช่วยอู๋เซียง ช่วยเตือนเขาให้คอยระมัดระวังข้าลอบโจมตี... ข้าจึงว้าวุ่นใจมาก

“ ยิ่งไปกว่านั้น วรยุทธ์ของอู๋เซียงยังเหนือกว่าข้าอีกด้วย

“ข้าแพ้แล้ว

“จนแล้วจนรอดผู้ที่ยืนอยู่ข้างข้าตั้งแต่ต้นจนจบนั้น มีเพียงแม่นางน้อยที่อายุมิถึงสิบปี หลังจากที่อู๋เซียงทำให้ข้าได้รับบาดเจ็บสาหัสนั้น เขาก็สังหารแม่นางน้อยต่อหน้าต่อตาข้า

“ยังมีชาวบ้านจำนวนมากที่ค่อย ๆ ถูกอู๋เซียงสังหารทีละคน

“ข้ามิอาจหยุดยั้งเขาเอาไว้ได้ ที่จริงแล้ว ในครานั้นเขาสามารถสังหารข้าได้ แต่เขาไม่ทำ ปล่อยให้ข้ามีชีวิตรอดต่อไป”

“หลังจากที่ข้าฟื้นขึ้นมานั้น บรรดาเหล่าชาวบ้านที่รอดชีวิตก็มาล้อมตัวข้าเอาไว้ พวกเขาต่างก็โทษข้าที่ลากผู้คนในหมู่บ้านไปพัวพันกับความแค้นของตนเอง โทษข้าที่ข้ามิอาจเอาชนะอู๋เซียงได้”

ในวันนั้น ข้าหาได้เอ่ยอธิบายอันใดออกมาไม่ ไม่แม้แต่จะแก้ตัว มีเพียงแค่คุกเข่าลงต่อหน้าศพเหล่านั้น

“เป็นระยะเวลานานมาก ที่ข้าพลันรู้สึกว่าสิ่งที่อู๋เซียงพูดนั้น สมเหตุสมผลยิ่งนัก หากว่าพันธมิตรอู่หลินมิได้ไปกดดันเขา เขาก็คงหลบซ่อนตัวไปนานแล้ว คงมิต้องมาสังหารผู้คนมากมายเช่นนี้ หรือบางทีเป็นเพราะพวกข้ากดดันจนเขาต้องเดินมาถึงทางตัน ฉะนั้นแล้ว สิ่งที่ข้าคิดไม่ตกคือ ความยุติธรรมที่เกิดขึ้นนั้น แท้จริงแล้วสำคัญที่การลงโทษผู้ที่ทำชั่ว หรือการปล่อยให้เขามีโอกาสแก้ตัวนั้นสำคัญกว่า

“ดังนั้น ข้าจึงออกจากพันธมิตรอู่หลิน

“ประจวบเหมาะกับที่ศิษย์พี่เมิ่งจากไปพอดี ท่านอาจารย์และท่านอาจารย์หญิงต่างก็มิรู้จะอธิบายกับท่านผู้เฒ่าฟังเช่นไร ข้าจึงเป็นคนเสนอตัวที่จะปลอมตัวเป็นศิษย์พี่เมิ่ง

“พวกเขาต่างก็คิดว่าข้าหาได้เห็นแก่ตนไม่ เพียงทำเพื่อศิษย์พี่ของตนเท่านั้น จึงยอมที่จะสวมหน้ากากปลอมตัวไปตลอดชีวิต

“แต่แท้จริงแล้ว ข้าเพียงมิอยากเป็นซูฮ่วนอีกต่อไป มิอยากเป็นตัวของตัวเอง

“ตั้งแต่เด็กแล้ว ข้าก็มิรู้เลยว่าตนเองคือผู้ใด

“ข้าคล้ายกับเป็นบุตรของตระกูลเฟิ่ง แต่ก็คล้ายกับว่าไม่ใช่

“ฉะนั้น ข้าจึงยินยอมอยู่ใต้หน้ากากตลอดไปดีกว่า”

คำพูดเหล่านี้ นางเอ่ยกับเซียวอวี้เท่านั้น

บทที่  692 1

บทที่  692 2

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย