ช่วงหัวค่ำนั้น
เมฆฝนค่อย ๆ หยุดลงแล้ว
เซียวอวี้ยังคงกอดคนในอ้อมแขนเอาไว้ พลางเชยคางขึ้นมาจุมพิตไปที่หน้าผาก
ในยามนี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนหลับสลบไสลไปแล้ว
เมื่อครู่เซียวอวี้หาได้สุขสมไม่
เนื่องจากเป็นห่วงนางได้รับบาดเจ็บจากการประลองเมื่อคืนนี้นั้น เขาจึงมิกล้ากระทำนางมากเกินไป
เมื่อมองดูรอยฟกช้ำขนาดใหญ่บนไหล่ซ้ายของนางแล้ว แววตาของเซียวอวี้พลันเต็มไปด้วยกลิ่นอายฆ่าฟันในทันที
อู๋เซียงสมควรตายยิ่งนัก...
สายตาของเขาจับจ้องไปที่ข้อมือของเฟิ่งจิ่วเหยียนอีกครั้ง
โดยเฉพาะง่ามมือที่มีผ้าเช็ดหน้าของเหลิ่งเซียนเอ๋อร์ผูกเอาไว้
ทำเอาคิ้วของเซียวอวี้ขมวดไปในทันที
เมื่อคิดอีกที เขากลับรู้สึกว่าตนเองโง่เง่ายิ่งนัก เขาจักต้องไปแข่งกับสตรีเหล่านั้นทำไมกัน
จิ่วเหยียนมิได้บอกแล้วหรือ ว่านางชอบบุรุษหล่อเหลา
ไม่ พูดให้ถูกก็คือชอบเขาเท่านั้น
เซียวอวี้เม้มริมฝีปากด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะก้มลงไปจุมพิตที่ริมฝีปากของเฟิ่งจิ่วเหยียนอีกครั้ง
ครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดก็ปลุกเฟิ่งจิ่วเหยียนให้ตื่นขึ้นมาจนได้
นางค่อย ๆ ผลักเขาออกไป พลางเอ่ยถามด้วยท่าทีสะลึมสะลือว่า
“ยังไม่นอนอีกหรือ?”
เมื่อคืนเขาไม่ได้นอนมาทั้งคืน ตอนเช้ายังตามนางไปที่โรงพักแรมเวี่ยหลัยอีก เมื่อครู่ยังทรมานเสียยกใหญ่ เหตุใดจึงมิรู้จักผักผ่อนตัวเองเสียบ้าง?
เซียวอวี้มองดูคอเสื้อของนางที่เปิดออก ด้วยแววตาที่มืดดำ
ก่อนที่เขาจะก้มลงไปงับไปที่ใบหูของเฟิ่งจิ่วเหยียน พลางกระซิบเสียงเบา
“เรากินยาไปแล้ว ทว่าเพียงครั้งเดียวมันดูจะสิ้นเปลืองไปหน่อย”
เฟิ่งจิ่วเหยียนรู้สึกง่วงงุนยิ่งนัก ก่อนหลับตาพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย พร้อมทั้งผลักเซียวอวี้ออกไปโดยไม่รู้ตัว “ข้าเหนื่อยแล้ว”
เซียวอวี้โน้มตัวไปข้างหน้า ก่อนจะจูบไปที่กรอบหน้านวล พลางเอ่ยเกลี้ยกล่อมนาง “เราไม่มีทางปล่อยให้เจ้าเหนื่อย”
……
คดีสนามประลองยุทธ์นั้น เกี่ยวพันไปถึงขุนนางในเมืองไท่ชางอีกหลายคน
พวกเขาต่างก็เป็นผู้ปกป้องสนามประลองยุทธ์แห่งนี้ เนื่องจากสนามประลองยุทธ์นั้นสามารถทำเงินให้กับพวกเขาได้เป็นกอบเป็นกำ
ตอนนี้ ถึงเวลาที่พวกมันต้องคายออกมาแล้ว
ใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน ทรัพย์สินของจวนตระกูลเหล่าขุนนางที่กระทำความผิดนั้น ต่างก็ถูกริบเข้ากองคลังไปในทันที
ก่อนจะถูกตัดสินโทษประหาร ส่วนที่เหลือถูกจับเนรเทศออกนอกแคว้นไป
เหล่าราษฎรมากมายต่างก็ปรบมือให้
เจียงหลินที่ดูท่ามิเอาการเอางานนั้น แต่แท้จริงแล้วเขากลับทำอะไรด้วยความจริงจังเป็นอย่างยิ่ง
ไม่กี่วันต่อมา ตงฟางซื่อก็มาถึงเมืองไท่ชางพอดี
หลังจากที่เขาเห็นหัวของอู๋เซียงนั้น รอบดวงตาพลันแดงก่ำไปในทันที
ก่อนจะปิดฝากล่องลง พลางถอยหลังไปหนึ่งก้าวพร้อมโค้งกายคำนับเฟิ่งจิ่วเหยียนด้วยท่าทีเคร่งขรึม
“ซูฮ่วน ขอบคุณเจ้ามาก!”
แค้นอันยิ่งใหญ่ของเขา ในที่สุดก็ได้รับการชำระเสียที!
สิ่งเดียวที่เขาเสียใจมากที่สุดก็คือ ตนเองมิอาจสังหารศัตรูได้ด้วยมือของตนเอง
เฟิ่งจิ่วเหยียนบอกเขา
“คดีที่ผู้คนหายตัวไปนั้น ข้าตามหาติงหยวนเอ๋อร์เจอแล้ว นางมีเบาะแสสำคัญทีเดียว ทว่า จำเป็นต้องให้เจ้าวาดมันออกมา ถึงได้เรียกเจ้ามาที่นี่”
ตงฟางซื่อปรับอารมณ์ของตนเองอย่างรวดเร็ว พยายามดึงตัวเองออกมาจากความเจ็บปวดจากการสูญเสียภรรยาของตน
“นางอยู่ที่ใด ข้าสามารถวาดภาพได้ทุกเมื่อ”
ครึ่งชั่วยามต่อมา
ภายในโรงพักแรมเวี่ยหลัย
ตงฟางซื่อถูกนำตัวมาที่ห้องพักแห่งหนึ่ง ด้านในมีลูกศิษย์สำนักเฉวียนเจินอยู่หลายคน เหลิ่งเซียนเอ๋อร์ก็อยู่ในนั้นเช่นเดียวกัน
ทุกคนต่างก็โค้งคำนับมือให้กับตงฟางซื่อ
ตงฟางซื่อกล่าวออกมาทันควัน: “ข้าหาใช่ผู้นำของพันธมิตรแล้ว”

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย
เติมเหรียญไปแล้ว แต่ปลดล็อกไม่ได้ มีข้อความว่าเกิดข้อผิดพลาด กรุณาลองใหม่อีกครั้ง...
เติมเหรีญญไป 500 เหรียญ เริ่มกดซื่อตอน จาก 223 มาถึงตอน 227 = 5 ตอน 40 เหรัยญ แต่ตอนนี้มีเหรียญคงเหลือ 444 เหรียญ และเปิดอ่านย้อนหลังไม่ได้ ช่วยแก้ไขด้วยค่ะ...
สนุกดี แต่ใช้บัตร์เติมเงินเอไอเอสไม่ได้ ขอบคุที่ให้อ่าน...