เมื่องานแข่งขันขี่ม้าโปโลเริ่มต้นขึ้น เหล่าสนมผู้ร่วมการแข่งขันที่สวมชุดขี่ม้าก็ทยอยขี่ม้าเข้ามาในสนาม
ไทเฮาแสร้งตรัสอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวว่า
“อายุยังน้อยช่างดีเสียจริง แต่ละคนล้วนดูต่างไปจากยามปกติ ดู ๆ ไปแล้วไม่เหมือนนางสนมที่อยู่ในส่วนลึกของวัง กลับเหมือนแม่ทัพหญิงเสียมากกว่า!”
กุ้ยหมัวมัวค้อมกายรับพระดำรัสของไทเฮา
“ไทเฮาทรงเป็นพระมารดาแห่งใต้หล้า ฝ่าบาททรงพระปรีชาญาณมากล้นด้วยคุณธรรม ในวังหลวงแห่งนี้ย่อมบ่มเพาะคนได้ดีเป็นธรรมดา”
เซียวอวี้กวาดตามองที่สนาม พบว่าอยู่ห่างเกินไปจนมองไม่ออกว่าใครเป็นใคร
ใบหน้างดงามของเขาไม่ยินดียินร้าย
“เสด็จแม่เพียงพูดเล่นก็แล้วไปเถิด”
“ร้อยปีมานี้ แคว้นหนานฉียังไม่เคยปรากฏแม่ทัพหญิงมาก่อน”
รุ่ยอ๋องยกแก้วสุราขึ้น
“พระบารมีของฝ่าบาททรงคุ้มครองแคว้นหนานฉี ผืนแผ่นดินอุดมสมบูรณ์ ผู้คนมากความสามารถ”
“เชื่อว่าอีกไม่นานแคว้นหนานฉีจะต้องปรากฏแม่ทัพหญิง ขยายอาณาเขตเพื่อแคว้นหนานฉีของเราให้เป็นมหาอำนาจแห่งจงหยวน[1] พ่ะย่ะค่ะ”
เซียวอวี้ยกจอกสุราขึ้น ทำท่าชนจอกกับรุ่ยอ๋องกลางอากาศ
โหม่ง!
เสียงฆ้องดังกังวาน การแข่งขันได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
สมาชิกของสองทีมใส่ชุดขี่ม้าที่มีสีแตกต่างกันเข้าสนาม สีน้ำเงินคือทีมกุ้ยเฟย สีดำคือทีมเฟิ่งจิ่วเหยียน
พวกนางขี่ม้ากันคนละตัว และถือไม้โปโลไว้ในมือ
ปลายสนามแข่งทั้งสองฝั่งติดตั้งประตูไว้ โดยมีข้าหลวงผู้นับคะแนนยืนอยู่ด้านข้างของประตู ในมือกุมธงสีแดง ขอเพียงฝ่ายตรงข้ามตีลูกบอลโปโลเข้าประตูมาได้ก็จะได้รับธงหนึ่งผืนนับเป็นหนึ่งแต้ม
เมื่อการแข่งขันจบลงทีมที่ได้รับแต้มมากที่สุดก็จะเป็นฝ่ายชนะ
เมื่อการแข่งขันเริ่มต้นขึ้น นางสนมเจียก็ขี่ม้าพุ่งออกไป
นางใช้ไม้โปโลคุมลูกบอลตีให้พุ่งเข้าไปทางประตูของฝ่ายตรงข้าม
ทว่าระยะห่างมากเกินไป ไม่สามารถเข้าประตูได้ด้วยการตีเพียงครั้งเดียว
ในระหว่างนี้มีโอกาสสูงมากที่จะถูกคู่แข่งขวางเอาไว้ได้
นางสนมเจียร้อนใจจึงใช้เข่าสองข้างหนีบท้องม้าไว้แล้วพุ่งตามลูกบอลไปอย่างรวดเร็ว
และแล้วก็มีคนตะโกนขึ้นกลางสนาม
“ขวางนางซะ!!”
การเคลื่อนไหวของนางสนมเจียนั้นรวดเร็วมาก นางโจมตีเข้าไปหลายครั้งอย่างต่อเนื่องจนลูกบอลโปโลตวัดเป็นเส้นโค้งกลางอากาศ แล้วลอดเข้าประตูไปด้วยความเร็วดุจดังอัสนี
ข้าหลวงยกธงแดงขึ้น
“ได้แต้ม!”
นางสนมที่อยู่ทีมเดียวกับนางสนมเจียโห่ร้องด้วยความดีใจ
นางสนมเจียกำหมัดด้วยความดีใจจนไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ นางหันไปมองที่ปะรำพิธีก่อนโดยไม่รู้ตัว
สิ่งที่นางกังวลยิ่งกว่าคือฝ่าบาทจะมองเห็นหรือไม่
ณ ปะรำพิธี
ไทเฮาปรบมือพร้อมตรัสว่าดี จากนั้นก็หันมาตรัสถามกุ้ยหมัวมัว
“นั่นคือผู้ใดกัน? ฝีมือดียิ่งนัก!”
ขอเพียงไม่ใช่ทีมสีน้ำเงินของกุ้ยเฟยได้แต้ม นางก็พอใจแล้ว
กุ้ยหมัวมัวส่งคนให้ไปดูใกล้ ๆ จากนั้นจึงพูดตอบ
“ไทเฮา เป็นนางสนมเจียเพคะ”
ดวงพระเนตรของไทเฮาแสดงความยินดีออกมาอย่างซ่อนเอาไว้ไม่อยู่
“ไม่เลว!”
ปฏิกิริยาของเซียวอวี้กลับดูเย็นชาเป็นที่สุด แตกต่างจากไทเฮาที่ทรงตรัสชมเชยออกมา
เขาเองก็ขี่ม้าโปโล ในสายตาของเขา การแข่งขันขี่ม้าโปโลในวันนี้เหมือนท่ารำหมัดมวยที่สวยงาม ทว่าใช้การไม่ได้ ไม่มีฝีมือแม้แต่น้อย
ลูกที่ตีเข้าเมื่อครู่ก็ออกจะง่ายดายเกินไปแล้ว
บนสนามแข่ง
ระหว่างที่นางสนมเจียยังอยู่ในภวังค์ของความยินดี
ดวงตาดุร้ายคู่หนึ่งก็จับจ้องไปที่นาง เป็นกุ้ยเฟยนั่นเอง
“ไป!” กุ้ยเฟยตีให้ม้าวิ่งพุ่งออกไปราวกับลูกธนูอันแหลมคม
นางสนมเจียเพิ่งคิดที่จะคุมลูกบอลเอาไว้ ก็ถูกไม้โปโลด้ามหนึ่งที่โผล่เข้ามาอย่างกระทันหันกวาดเข้ามาในแนวขวางพร้อมแย่งลูกบอลของนางไป
เมื่อหันไปมองคนผู้นั้นก็ได้นำลูกบอลวิ่งห้อตะบึงจากไปแล้ว
เป็นกุ้ยเฟย!

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย
สนุกดี แต่ใช้บัตร์เติมเงินเอไอเอสไม่ได้ ขอบคุที่ให้อ่าน...