เข้าสู่ระบบผ่าน

แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย นิยาย บท 72

เมื่องานแข่งขันขี่ม้าโปโลเริ่มต้นขึ้น เหล่าสนมผู้ร่วมการแข่งขันที่สวมชุดขี่ม้าก็ทยอยขี่ม้าเข้ามาในสนาม

ไทเฮาแสร้งตรัสอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวว่า

“อายุยังน้อยช่างดีเสียจริง แต่ละคนล้วนดูต่างไปจากยามปกติ ดู ๆ ไปแล้วไม่เหมือนนางสนมที่อยู่ในส่วนลึกของวัง กลับเหมือนแม่ทัพหญิงเสียมากกว่า!”

กุ้ยหมัวมัวค้อมกายรับพระดำรัสของไทเฮา

“ไทเฮาทรงเป็นพระมารดาแห่งใต้หล้า ฝ่าบาททรงพระปรีชาญาณมากล้นด้วยคุณธรรม ในวังหลวงแห่งนี้ย่อมบ่มเพาะคนได้ดีเป็นธรรมดา”

เซียวอวี้กวาดตามองที่สนาม พบว่าอยู่ห่างเกินไปจนมองไม่ออกว่าใครเป็นใคร

ใบหน้างดงามของเขาไม่ยินดียินร้าย

“เสด็จแม่เพียงพูดเล่นก็แล้วไปเถิด”

“ร้อยปีมานี้ แคว้นหนานฉียังไม่เคยปรากฏแม่ทัพหญิงมาก่อน”

รุ่ยอ๋องยกแก้วสุราขึ้น

“พระบารมีของฝ่าบาททรงคุ้มครองแคว้นหนานฉี ผืนแผ่นดินอุดมสมบูรณ์ ผู้คนมากความสามารถ”

“เชื่อว่าอีกไม่นานแคว้นหนานฉีจะต้องปรากฏแม่ทัพหญิง ขยายอาณาเขตเพื่อแคว้นหนานฉีของเราให้เป็นมหาอำนาจแห่งจงหยวน[1] พ่ะย่ะค่ะ”

เซียวอวี้ยกจอกสุราขึ้น ทำท่าชนจอกกับรุ่ยอ๋องกลางอากาศ

โหม่ง!

เสียงฆ้องดังกังวาน การแข่งขันได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

สมาชิกของสองทีมใส่ชุดขี่ม้าที่มีสีแตกต่างกันเข้าสนาม สีน้ำเงินคือทีมกุ้ยเฟย สีดำคือทีมเฟิ่งจิ่วเหยียน

พวกนางขี่ม้ากันคนละตัว และถือไม้โปโลไว้ในมือ

ปลายสนามแข่งทั้งสองฝั่งติดตั้งประตูไว้ โดยมีข้าหลวงผู้นับคะแนนยืนอยู่ด้านข้างของประตู ในมือกุมธงสีแดง ขอเพียงฝ่ายตรงข้ามตีลูกบอลโปโลเข้าประตูมาได้ก็จะได้รับธงหนึ่งผืนนับเป็นหนึ่งแต้ม

เมื่อการแข่งขันจบลงทีมที่ได้รับแต้มมากที่สุดก็จะเป็นฝ่ายชนะ

เมื่อการแข่งขันเริ่มต้นขึ้น นางสนมเจียก็ขี่ม้าพุ่งออกไป

นางใช้ไม้โปโลคุมลูกบอลตีให้พุ่งเข้าไปทางประตูของฝ่ายตรงข้าม

ทว่าระยะห่างมากเกินไป ไม่สามารถเข้าประตูได้ด้วยการตีเพียงครั้งเดียว

ในระหว่างนี้มีโอกาสสูงมากที่จะถูกคู่แข่งขวางเอาไว้ได้

นางสนมเจียร้อนใจจึงใช้เข่าสองข้างหนีบท้องม้าไว้แล้วพุ่งตามลูกบอลไปอย่างรวดเร็ว

และแล้วก็มีคนตะโกนขึ้นกลางสนาม

“ขวางนางซะ!!”

การเคลื่อนไหวของนางสนมเจียนั้นรวดเร็วมาก นางโจมตีเข้าไปหลายครั้งอย่างต่อเนื่องจนลูกบอลโปโลตวัดเป็นเส้นโค้งกลางอากาศ แล้วลอดเข้าประตูไปด้วยความเร็วดุจดังอัสนี

ข้าหลวงยกธงแดงขึ้น

“ได้แต้ม!”

นางสนมที่อยู่ทีมเดียวกับนางสนมเจียโห่ร้องด้วยความดีใจ

นางสนมเจียกำหมัดด้วยความดีใจจนไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ นางหันไปมองที่ปะรำพิธีก่อนโดยไม่รู้ตัว

สิ่งที่นางกังวลยิ่งกว่าคือฝ่าบาทจะมองเห็นหรือไม่

ณ ปะรำพิธี

ไทเฮาปรบมือพร้อมตรัสว่าดี จากนั้นก็หันมาตรัสถามกุ้ยหมัวมัว

“นั่นคือผู้ใดกัน? ฝีมือดียิ่งนัก!”

ขอเพียงไม่ใช่ทีมสีน้ำเงินของกุ้ยเฟยได้แต้ม นางก็พอใจแล้ว

กุ้ยหมัวมัวส่งคนให้ไปดูใกล้ ๆ จากนั้นจึงพูดตอบ

“ไทเฮา เป็นนางสนมเจียเพคะ”

ดวงพระเนตรของไทเฮาแสดงความยินดีออกมาอย่างซ่อนเอาไว้ไม่อยู่

“ไม่เลว!”

ปฏิกิริยาของเซียวอวี้กลับดูเย็นชาเป็นที่สุด แตกต่างจากไทเฮาที่ทรงตรัสชมเชยออกมา

เขาเองก็ขี่ม้าโปโล ในสายตาของเขา การแข่งขันขี่ม้าโปโลในวันนี้เหมือนท่ารำหมัดมวยที่สวยงาม ทว่าใช้การไม่ได้ ไม่มีฝีมือแม้แต่น้อย

ลูกที่ตีเข้าเมื่อครู่ก็ออกจะง่ายดายเกินไปแล้ว

บนสนามแข่ง

ระหว่างที่นางสนมเจียยังอยู่ในภวังค์ของความยินดี

ดวงตาดุร้ายคู่หนึ่งก็จับจ้องไปที่นาง เป็นกุ้ยเฟยนั่นเอง

“ไป!” กุ้ยเฟยตีให้ม้าวิ่งพุ่งออกไปราวกับลูกธนูอันแหลมคม

นางสนมเจียเพิ่งคิดที่จะคุมลูกบอลเอาไว้ ก็ถูกไม้โปโลด้ามหนึ่งที่โผล่เข้ามาอย่างกระทันหันกวาดเข้ามาในแนวขวางพร้อมแย่งลูกบอลของนางไป

เมื่อหันไปมองคนผู้นั้นก็ได้นำลูกบอลวิ่งห้อตะบึงจากไปแล้ว

เป็นกุ้ยเฟย!

ราคาของเราเพียงแค่ 1/4 ของผู้ให้บริการรายอื่น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย