เข้าสู่ระบบผ่าน

แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย นิยาย บท 80

การแข่งขันขี่ม้าโปโลจบลงอย่างรีบร้อน พวกนางสนมต่างกลับตำหนักของตนเอง

กุ้ยเฟยบาดเจ็บสาหัส พวกองครักษ์ใช้ไม้ไผ่ผูกเป็นเปลหาม พร้อมหามนางกลับตำหนักหลิงเซียวอย่างระมัดระวัง

ระหว่างการเดินทาง กุ้ยเฟยเจ็บปวดทรมาน ร้องโอดอวยไม่หยุด

หนิงเฟยมองดูอยู่ไกลๆ พร้อมเยาะเย้ยอย่างสะใจ

“นางอยากโดดเด่นมากไม่ใช่หรือ วันนี้ให้นางได้สมใจแล้ว”

สาวใช้ที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้นมาอย่างยินดีว่า

“วันนี้ช่างอันตรายจริงๆ โชคดีที่พระนางไม่ได้ร่วมการแข่งขันขี่ม้าโปโล”

หนิงเฟยหันหน้าไปอย่างหยิ่งผยอง

“การแข่งขันขี่ม้าโปโลอะไรกัน เป็นเพียงเวทีแย่งชิงความโปรดปรานของพวกนางสนม ดูสิ นั่นไม่ใช่นางสนมเจียงหรือ?”

นางสนมเจียงเดินมาใกล้ พร้อมถวายความเคารพหนิงเฟย

“หม่อมฉันถวายความเคารพหนิงเฟย”

หนิงเฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย พร้อมพูดขึ้นมาว่า “สีหน้านางสนมเจียงย่ำแย่ขนาดนี้ คงตกใจไม่น้อย ปกติเจ้าสนิทสนมกับกุ้ยเฟย ตอนนี้นางบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ ไม่ได้ไปดูหรือ?”

หลังจากที่กุ้ยเฟยตกม้า นางก็รีบไปดูทันทีแล้ว บาดแผลนั่นน่าหวาดกลัวอย่างมาก! ตอนนี้นางสนมเจียงหวนคิดขึ้นมา ก็ยังสีหน้าขาวซีด ในใจหวาดผวา

นางถวายความเคารพอีกครั้ง พร้อมพูดตอบอย่างนอบน้อมว่า

“ขอบพระทัยที่หนิงเฟยเป็นห่วง หม่อมฉันไม่ค่อยสบาย ขอทูลลาก่อน”

หลังจากนางสนมเจียงไปแล้ว สาวใช้ของหนิงเฟยพูดเยาะเย้ยขึ้นมาว่า

“พระนาง เมื่อก่อนนางสนมเจียง อาศัยที่ตนมีความสัมพันธ์ที่ดีกับกุ้ยเฟย ดวงตาล้วนอยู่บนเหนือศีรษะ ตอนนี้ใบหน้ากุ้ยเฟยเสียโฉม ร่างกายยังได้รับบาดเจ็บสาหัส ดูเหมือนกำลังจะสูญเสียอำนาจ นางสนมเจียงก็เชิดหน้าลอยตาไม่ได้แล้ว”

สีหน้าหนิงเฟยกลับเยือกเย็นขึ้นมา

“ใบหน้าเสียโฉม ขอเพียงมียาก็สามารถหายดีได้”

“บาดเจ็บสาหัส สามารถดึงดูดความห่วงใยรักใคร่ของฝ่าบาทได้มากขึ้น”

“กุ้ยเฟยจะสูญเสียอำนาจ? ยังเร็วเกินไป”

ถึงแม้นางไม่ชอบกุ้ยเฟย แต่ก็ต้องยอมรับว่า กุ้ยเฟยเป็นที่โปรดปรานเพียงคนเดียวมานานหลายปี จะต้องมีความสามารถพอสมควร

ผู้หญิงที่เก่งกาจคนหนึ่งเช่นนี้ ไม่มีทางล้มลงง่ายๆ

……

ตำหนักฉือหนิง

ไทเฮาหมุนวนลูกประคำ หลับตาสวดมนต์

กุ้ยหมัวมัวจุดธูปช่วยในการผ่อนคลาย

“ไทเฮา บาดแผลของกุ้ยเฟย ทำการเย็บสด”

ไทเฮายังคงหลับตาอยู่

“ถึงว่า กรีดร้องอย่างทรมานขนาดนั้น”

เย็บสด เป็นความเจ็บปวดที่คนปกติทั่วไปยากที่จะทนรับได้จริง

กุ้ยเฟยถูกรักและตามใจมานานหลายปีขนาดนี้ เคยทนทุกข์ทรมานแบบนี้มาก่อนเสียที่ไหน

เมื่อรอบข้างไม่มีใคร กุ้ยหมัวมัวพูดขึ้นมาว่า

“เป็นเหมือนอย่างที่ไทเฮา ท่านพูดไว้ ฮองเฮาจัดงานการแข่งขันขี่ม้าโปโล เจตนาเดิมนั้นมิใช่อยู่ที่งาน แต่อยู่ที่จุดอื่น เกิดเรื่องกับกุ้ยเฟย คงจะเกี่ยวข้องกับฮองเฮา...”

ไทเฮาลืมตาขึ้นมาอย่างกะทันหัน พร้อมพูดเตือนกุ้ยหมัวมัวว่า

“เรื่องที่ไม่มีหลักฐาน ห้ามพูดสุ่มสี่สุ่มห้า”

ไม่ว่าใครเป็นคนลงมือ ขอเพียงผู้ถูกกระทำคือหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ นางล้วนพอใจ

“ทางด้านฝ่าบาท พูดว่าอย่างไร?”

กุ้ยหมัวมัวเรียนตอบว่า “ฝ่าบาทรับสั่งให้ฮองเฮา หาตัวคนร้ายมาให้ได้ภายในสิบวัน”

“คนร้าย? ทำไม นี่ไม่ใช่อุบัติเหตุหรือ?” ไทเฮาถามทั้งที่รู้ดี

กุ้ยหมัวมัวพูดขึ้นมาอย่างนอบน้อมว่า

“ได้ตรวจพบกลิ่นดอกฟรีเซียบนเกราะหวายของกุ้ยเฟยกับนางสนมเจีย อีกอย่าง มีหินกรวดบนหญ้าทางด้านตะวันออกของสนามแข่งขันโปโล เหมือนมีคนนำไปวางไว้ แหลมคมอย่างผิดปกติ”

กุ้ยเฟยร้องไห้สะอึกสะอื้น พูดถึงความคับข้องใจและความเจ็บปวดของตนเอง

“ฝ่าบาท จะต้องฮองเฮาต้องการปองร้ายหม่อมฉัน...”

“เดิมหม่อมฉันไม่คิดจะร่วมการแข่งขันขี่ม้าโปโลเลย ล้วนเป็นเพราะฮองเฮา!”

“ตอนนี้หม่อมฉันกลายเป็นสภาพเช่นนี้ ฝ่าบาท ท่านจะรังเกียจหม่อมฉันไหม?”

จักรพรรดิพูดปลอบขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า

“ไม่ เราจะหายาที่ดีที่สุด รับรองว่าจะไม่ทิ้งรอยแผลเป็นให้กับเจ้า”

“ขอบพระทัยฝ่าบาท หม่อมฉันกลัวอย่างมาก...คืนนี้ ท่านอยู่เป็นเพื่อนหม่อมฉัน ดีไหม?”

“อืม”

จากนั้น เซียวอวี้สั่งคนไปตำหนักฉางสิ้น

เพื่อให้ผู้หญิงคนนั้น คืนนี้จะได้ไม่รอเก้อ

ภายในห้อง

ชุนเหอฉวยโอกาสตอนที่ฮ่องเต้กำลังอ่านฎีกาอยู่ข้างนอก กระซิบพูดข้างหูกุ้ยเฟย

กุ้ยเฟยสงสัยอย่างมาก

ฝ่าบาทส่งคนไปทำอะไรที่ตำหนักฉางสิ้น?

นางแอบส่งสัญญานให้ชุนเหอ ให้เสี่ยวลู่จื้อจับตาดูต่อไป

ส่วนอีกด้าน

เสี่ยวลู่จื้อทำตามคำสั่งหลบอยู่ด้านนอกตำหนักฉางสิ้น องครักษ์เข้าไปไม่นานก็ออกมาแล้ว

เขามั่นใจว่าองครักษ์จากไปแล้ว ฉวยโอกาสลอบเข้าไปท่ามกลางความมืด

ภายในตำหนักว่างเปล่า

ในขณะที่เขาคิดว่าคงไม่ได้ความอะไรกลับไป กลับเห็นกล่องไม้อันหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะ เมื่อเปิดดู ข้างในมีแผ่นกระดาษ...

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย