เฟิ่งจิ่วเหยียนเดินไปข้างหน้าสองก้าว แววตาราบเรียบไม่ไหวติง
เซียวอวี้วางตำราลง สีหน้าของเขานิ่งขรึม มองแล้วเหมือนเจือด้วยความไม่พอใจ
“อะไรกัน โจวหมัวมัวไม่ได้สอนวิธีร่วมบรรทมให้เจ้ารึ?”
เฟิ่งจิ่วเหยียนตั้งใจจดจ่อมาก ไม่อยากพลาดสีหน้าใด ๆ ของเขา
นางมองออกว่าเขาเองก็ไม่อยากเข้าหอเช่นกัน
ทันใดนั้นเอง เซียวอวี้ก็ดึงแขนนางเข้าไปหา
ปลายนิ้วของเขาจับข้อมือนางแน่นโดยมีอาภรณ์กั้นอยู่
สายตาที่มองมายังนางเย็นยะเยียบอยู่ในที ทั้งยังเจือด้วยความรุนแรงแห่งการทำลายล้าง
“กลัวเจ็บรึ”
เฟิ่งจิ่วเหยียนมุ่นคิ้วเล็กน้อย
กลัวเจ็บอะไร?
ใช่แบบที่นางเข้าใจหรือไม่?
นี่หรือเขาจะฟังทำตามที่ไทฮองไทเฮาสั่ง จะทำตัวเป็นหลายชายผู้เชื่อฟังจริงหรือ?
นางขัดขืนโดยพลัน กัดฟันกรอดจนแทบจะเกิดประกายไฟพร้อมกับจ้องเขาตาเขม็งโดยไม่ตอบอะไร
ใบหน้าหล่อเหลาของบุรุษไม่มีความสะทกสะท้าน
เขาจับตัวนางด้วยมือข้างหนึ่ง อีกข้างหยิบกริชเล่มหนึ่งออกมา
สีหน้าของเฟิ่งจิ่วเหยียนยังคงราบเรียบ ภายในใจรู้สึกสงสัยเล็กน้อย
เขาเอากริชมาทำอะไร?
ชั่วพริบตานั้น นางนึกถึงคืนวันแต่งงานขึ้นมา
เวลานั้นเขาสงสัยในความบริสุทธิ์ของนางและให้นางพิสูจน์ด้วยกริช…
ดังนั้น วันนี้เขาคิดจะให้นางพิสูจน์ความบริสุทธิ์อีกแล้วทำด้วยวิธีเดียวกัน?
หว่างคิ้วของเฟิ่งจิ่วเหยียนคลายออกเล็กน้อย
หากเป็นเช่นนั้นจริงก็ถือว่าช่วยตัดความยุ่งยากออกไป
นางพร้อมยินดีลงมือทำด้วยตัวเอง
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนก็เตรียมจะรับกริชเล่มนั้น
ทว่ากลับได้ยินบุรุษผู้นั้นกล่าวอย่างเย็นชา
“ไม่ว่าเจ้าจะกรีดลงที่ใด ขอเพียงให้ผ้าพรหมจรรย์มีโลหิตเปื้อนอยู่และใช้ส่งงานได้ก็พอ”
เขาไม่ได้ต้องการให้นางพิสูจน์ความบริสุทธิ์ แต่ต้องการให้นางปลอมแปลงหลักฐาน
รูม่านตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนหรี่ลงเมื่อได้ยินดังนี้
เซียวอวี้เห็นนางลังเลก็คิดว่านางฟังไม่เข้าใจ
หว่างคิ้วของเขาฉายแววหงุดหงิด
“ผ้าพรหมจรรย์ เข้าใจหรือไม่!”
……
นอกตำหนักหย่งเหอ กุ้ยเฟยร้อนใจดุจโดนไฟเผา
ขันทีผู้หนึ่งเดินเข้ามาทำความเคารพ “พระสนมกุ้ยเฟย ไทฮองไทเฮามีรับสั่งให้เข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
กุ้ยเฟยไม่อยากจากไป
แต่นั่นเป็นถึงไทฮองไทเฮา แม้แต่ฮ่องเต้ก็ยังต้องให้ความเคารพ
กุ้ยเฟยขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน สายตาที่มองไปยังประตูตำหนักหย่งเหอเย็นยะเยียบ
เมื่อมาถึงตำหนักวั่นโซ่ว กุ้ยเฟยต้องฝืนสังขารที่บาดเจ็บหนักเพื่อทำความเคารพ
“หม่อมฉันถวายบังคมไทฮองไทเฮา”
ไทฮองไทเฮานั่งอยู่หลังม่าน ไม่ได้มองมาที่นางโดยตรง
แต่เห็นแก่ที่ฮ่องเต้โปรดปรานนาง ไทฮองไทเฮาก็ไม่ได้กลั่นแกล้งนางมากนัก
“ไม่บ่อยนักที่ข้าจะกลับวัง กำลังขาดคนดื่มชาด้วยพอดี
หากเขาไม่พูด นางก็คงลืมคิดถึงรายละเอียดพวกนี้ไป
โดยเฉพาะเรื่องเวลาในการเรียกน้ำ
จะเร็วเกินไปหรือช้าเกินไปไม่ได้
เซียวอวี้นั่งอยู่ที่ตั่งตลอดทั้งกระบวนการ คอยสั่งให้นางทำสิ่งต่าง ๆ
หนึ่งเค่อต่อมา
ข้ารับใช้เดินเข้ามาเก็บกวาดเมื่อได้ยินเสียงเรียกน้ำของเจ้านาย
เซียวอวี้เตรียมการไว้ก่อนแล้ว
โจวหมัวมัวเพิ่งจะหยิบผ้าพรหมจรรย์ไป หลิวซื่อเหลียงก็ชิงเก็บพระแท่นบรรทมไปก่อนแล้ว
“ช้าก่อน เจ้ากำลังทำอะไร!” โจวหมัวมัวคิดจะห้าม
โจวหลิวซื่อเหลียงอธิบาย
“นี่เป็นกฎที่ฝ่าบาททรงตั้งไว้ พระแท่นบรรทมที่ใช้แล้วต้องถูกเผาทิ้งทั้งหมด”
โจวหมัวมัวเคยได้ยินเรื่องอุปนิสัยประหลาดของฮ่องเต้มาก่อน แต่วันนี้เพิ่งเคยประจักษ์กับตาเป็นครั้งแรก
แต่ทั้งหมดนี้เป็นแค่เรื่องรอง
ขอเพียงมีผ้าพรหมจรรย์มายืนยัน โจวหมัวมัวก็ถือว่าทำงานสำเร็จลุล่วงแล้ว
ก่อนจากไป นางวิ่งไปที่ห้องปลดทุกข์ด้วยรอยยิ้ม พูดกับเฟิ่งจิ่วเหยียนที่กำลังชำระล้างกายผ่านฉากกั้นว่า
“ฮองเฮาทรงพักผ่อนให้สบาย มีหน่อเนื้อให้กับราชวงศ์ในเร็ววัน! บ่าวจะรอข่าวดีจากท่านนะเพคะ!”
เฟิ่งจิ่วเหยียนซึ่งอยู่ในอ่างน้ำมีสายตาเย็นชา นางจ้องมองไปเบื้องหน้า ยังมีหยาดโลหิตเม็ดเล็ก ๆ ซึมออกจากต้นขาใต้น้ำ
ทว่านางกลับไม่รู้สึกอะไรเลย นางสนใจเพียงว่าครานี้จะตบตาไทฮองไทเฮาสำเร็จหรือไม่
ตำหนักวั่นโซ่ว
ในยามที่ผ้าพรหมจรรย์ถูกส่งมาถึง กุ้ยเฟยก็อยู่ที่นี่ด้วย
นางตัวสั่นเทิ้ม มองผ้าพรหมจรรย์อย่างไม่เชื่อสายตา

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย
ในกระเป๋ายังมีเหรียญเหลิออยู่ 220 เหรียญแต่ทำไมปลดล็อกไม่ได้คะ แก้ไขให้หน่อยค่ะ...
ในกระเป๋ายังมีเหรียญเหลืออยู่ 220 เหรียญแต่ปลดล็อกไม่ได้ แก้ไขให้หน่อยค่ะ...
เติมเหรียญไปแล้ว แต่ปลดล็อกไม่ได้ มีข้อความว่าเกิดข้อผิดพลาด กรุณาลองใหม่อีกครั้ง...
เติมเหรีญญไป 500 เหรียญ เริ่มกดซื่อตอน จาก 223 มาถึงตอน 227 = 5 ตอน 40 เหรัยญ แต่ตอนนี้มีเหรียญคงเหลือ 444 เหรียญ และเปิดอ่านย้อนหลังไม่ได้ ช่วยแก้ไขด้วยค่ะ...
สนุกดี แต่ใช้บัตร์เติมเงินเอไอเอสไม่ได้ ขอบคุที่ให้อ่าน...