“คนที่พี่อยากเจอชื่อซุนเสีย เพศชาย อายุสามสิบแปดปี เขาไม่ใช่ญาติของพี่ เพราะพี่ต้องไปขอใบรับรองจากสถานีตำรวจมาก่อนถึงจะเข้าเยี่ยมได้”
เสี่ยวเชี่ยนพูดในสิ่งที่ตัวเองเห็นมา
การเข้าเยี่ยมนักโทษในเรือนจำไม่ใช่ว่าใครก็เข้าไปเยี่ยมได้ ถ้าไม่ใช่ญาติที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเดียวกันก็ต้องไปขอใบรับรองจากสถานีตำรวจท้องถิ่นมาก่อน อวี๋หมิงซีวางแผนจะมาเยี่ยมคนๆนี้อยู่ก่อนแล้วแน่นอนถึงได้มีใบรับรอง
“นอกจากเรื่องนี้ไม่อยากถามเรื่องอื่นเหรอ? อย่างเช่นทำไมเข้าไปเยี่ยมได้แล้วแต่กลับไม่เข้า?” อวี๋หมิงซีกระดกไวน์หมดแก้ว มีแต่รสขม
“ความรู้สึกนี้คล้ายกับการไม่ได้เจอคนในครอบครัวมานาน ดูจากท่าทางของผู้คุม พี่เพิ่งไปที่นั่นครั้งแรก พวกพี่จะต้องไม่ได้เจอกันมาหลายปีแล้วแน่นอน พี่ตัดสินใจอยู่นานกว่าจะยอมมาเยี่ยมเขา แต่พอถึงเวลาที่จะได้เจอหน้ากันจริงๆพี่ก็กลัวว่าเขาจะไม่เหมือนในตอนนั้น ก็เลยถอนตัวกลับ”
“เฉินเสี่ยวเชี่ยน ทำไมฉลาดแบบนี้?”
เสี่ยวเชี่ยนยกแก้วชนกับอวี๋หมิงซี
“ไม่ใช่ว่าฉันฉลาดหรอก แต่เพราะด้วยอาชีพฉันที่ทำให้ต้องเป็นแบบนี้ วิเคราะห์จิตใจคนจากข้อมูลที่ได้มา ท่าทางของพี่ที่ถอนตัวออกมาเมื่อกี้มันเป็นเรื่องปกติมาก ไม่ต้องกดดันตัวเองหรอกค่ะ”
คุยกับคนฉลาดเป็นเรื่องที่สบายใจมาก เมื่อมีการเริ่มต้นแบบนี้ เสี่ยวเชี่ยนก็เริ่มคุยกับอวี๋หมิงซีได้อย่างสบายๆ
“เล่าเรื่องซุนเสียหน่อยสิคะ เขาเป็นครูสอนดนตรีของพี่เหรอ? อายุห่างกับพี่ตั้งเยอะ”
เสี่ยวเชี่ยนมั่นใจว่าเพลงที่เสี่ยวซีร้องในวันนี้ร้องให้ซุนเสีย
“ใช่ เขานั่นแหละ ตอนที่ฉันเรียนมอต้นเขามาสอนดนตรีที่โรงเรียน ก่อนหน้านั้นฉันไม่ชอบดนตรีเลย แต่กลับชอบท่าทางของเขาเวลาเล่นเปียโน”
ไม่เหมือนกับครูสอนดนตรีคนอื่น เรื่องแรกที่ซุนเสียทำเมื่อมาถึงก็คือเล่นเพลงรักสุดหล้าให้นักเรียนฟัง เพียงชั่วเวลาไม่นานเขาก็สร้างความประทับใจให้ทุกคน
ในยุคสมัยนั้น เปียโนในความเข้าใจของหลายคนยังหยุดอยู่ที่เพลงภาษาต่างประเทศ ดนตรีที่ฟังไม่เข้าใจ อยู่ๆก็มีคนมาเล่นเพลงดังให้ฟังนักเรียนก็ย่อมสนใจ
ช่วงต้นปีเก้าศูนย์ของการปฏิรูปเศรษฐกิจ ซุนเสียมีบุคลิกแตกต่างจากผู้ชายที่อวี๋หมิงซีเคยเจอ เธอเติบโตมาในค่ายทหาร เจอแต่ผู้ชายเข้มแข็งบึกบึน ต่อให้เป็นเด็กที่โตมาในนั้นก็มีแต่เด็กผู้ชายที่แสบซนอย่างอวี๋หมิงหลางกับไห่เจา อยู่ๆมีหนุ่มสุภาพดูดีเข้ามาก็ย่อมตกเป็นเป้าสายตาทันที
“ฉันยังจำทรงผมของเขาที่เหมือนนักร้องวงเดอะลิตเติ้ลไทเกอร์ได้อยู่เลย นิ้วมือยาวเรียวสะอาดสะอ้าน นั่งอยู่หน้าเปียโนดีดเล่นอย่างพลิ้ว เขาเล่นเพลงนี้ได้เพราะมาก เพื่อนคนอื่นๆได้ฟังแล้วต่างเลื่อมใสในตัวเขา มีแค่ฉันที่ร้องไห้ ตอนนั้นฉันออกแนวทอมๆ ทรงผมก็เหมือนเด็กผู้ชาย เขาชี้มาที่ฉันแล้วพูดว่า เด็กผู้ชายคนนั้นยืนขึ้น ทำไมถึงร้องไห้?”
อวี๋หมิงซีค่อยๆเล่าเรื่องในอดีตเหล่านี้ออกมา
“แล้วตอนนั้นทำไมพี่ถึงร้องไห้ล่ะคะ?”
“อธิบายไม่ถูก คนอื่นรู้สึกแค่ว่ามันเพราะ แต่ฉันกลับรู้สึกได้ถึงความเศร้าจากท่วงทำนอง”
เพลงนี้มีหลายเวอร์ชั่นมาก หลังจากอวี๋หมิงซีกลับบ้านไปก็ไปหามาฟังหลายๆเวอร์ชั่น แต่กลับมีแค่เวอร์ชั่นของซุนเสียเท่านั้นที่รู้สึกได้แบบนั้น
เสี่ยวเชี่ยนไม่เข้าใจเรื่องดนตรี แต่เธอกลับรู้ว่าระหว่างมนุษย์ด้วยกันมีสนามแม่เหล็กพิเศษดึงดูดอยู่ ยามที่คนสองคนเกิดความรู้สึกแบบเดียวกันก็จะก่อเกิดเป็นความรู้สึกดีๆ
ไห่เจามีความรู้สึกดีๆให้อวี๋หมิงซีก็มาจากสนามแม่เหล็กแบบนี้ ส่วนความรู้สึกที่อวี๋หมิงซีมีให้ซุนเสีย—อย่างน้อยก็เคยใช่

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย