ตำรวจยังต้องซูฮกให้ หมอคนนี้สุดยอดมาก! อีกหน่อยต้องลองยื่นเรื่องขอให้หมอคนนี้มาบรรยายหน่อยแล้ว ถ้าคนเรามีจิตสำนึกได้แบบนี้ โอกาสเกิดอาชญากรรมต้องลดลงแน่นอน
“ขอบคุณพวกคุณมากที่ให้ความช่วยเหลือครับ—ว่าแต่พวกคุณเป็นสามีภรรยากันจริงเหรอครับ?” กำลังจะไปแล้ว แต่ตำรวจก็ยังตกใจเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ไม่หาย
“จริงแท้แน่นอนครับ อันที่จริงตอนนี้ควรเป็นช่วงที่พวกเราไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ แต่คุณก็เห็นแล้วว่าภารกิจต้องมาก่อน” ในที่สุดอวี๋หมิงหลางก็ได้ผ่อนคลายลงบ้าง เขากับเสี่ยวเชี่ยนออกไปส่งตำรวจ
วันนี้ตำรวจได้เนื้องานกลับไปมากทีเดียว ไม่เพียงแต่จะได้พยานที่กลับเนื้อกลับตัวยอมให้ปากคำ แถมยังได้ตัวคนร้ายกลับไปด้วย แต่ก็มีเรื่องลำบากใจนิดหน่อย เนื้อตัวคนร้ายมันเหม็นมาก!
เท่าที่ถามอวี๋หมิงหลางกับลูกน้อง คนร้ายคนนี้ตอนแรกทำตัวขัดขืน คิดจะทำร้ายทหาร จกานั้นเลยโดนซ้อมอย่างหนัก ตอนนั้นอวี๋หมิงหลางแจกลูกถีบเผด็จการออกไปเพื่อปกป้องตัวเอง ‘ไม่ทันระวัง’ถีบหมอนี่ไปจมกองขี้ ‘พอดี’
ถึงคนร้ายจะบอกว่าตัวเองกลัวจนจะฉี่ราดยกมือยอมแพ้ตั้งแต่เห็นปืนของจริงแล้วก็ตาม แต่ทหารพรางเหล่านี้กลับพูดเสียงดังฟังชัดว่าคนร้ายจ้องจะโจมตีก่อน พวกเขาเลยจับยัดใส่กระสอบแล้วซ้อมนิดหน่อย พอเสร็จแล้วก็ลากมาที่นี่ แจกไปอีกลูกถีบให้กลิ้งเอาหน้าขึ้นสวยๆ และก็ไม่รู้ว่าคนร้ายอมขี้เข้าไปได้ยังไง ตอนนั้นเห็นแค่หน้าเข้าไปแตะๆ ไม่รู้ทหารคนไหนช่างใจร้ายเผลอไปเหยียบหน้าคนร้ายด้วย จากนั้น…ขี้ไม่อร่อยเลย!
แต่ไม่มีใครเชื่อคำพูดของคนร้าย คำพูดของคนเลวที่เอามีดขู่ทำร้ายคนอื่นย่อมไม่มีคนเชื่อ!
และที่น่าแค้นใจยิ่งกว่าก็คือ เป็นตายคนร้ายก็ยืนยันว่าเรื่องทุกอย่างที่ทำไปเป็นเพราะเมา จำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
อวี๋หมิงหลางที่เรียนด้านกฎหมายมาย่อมไม่ปล่อยโอกาสที่จะได้ให้ความรู้หลุดลอยไป บอกกับคนร้ายไปว่าต่อให้เมาแล้วทำผิดก็ไม่มีทางจะได้รับโทษเบา เสี่ยวเชี่ยนจัดให้อีกหนึ่งดอก ในมุมมองของจิตแพทย์คนเราเวลาเมาไม่มีทางทำเรื่องที่ขัดกับความต้องการของตัวเอง ลวนลามเพราะเมาไม่ใช่เหตุผลที่จะช่วยให้โทษเบา เธอแนะนำให้ตำรวจกลับไปสืบประวัติคนๆนี้ให้ดี ไม่แน่อาจเคยก่อคดีมาก่อน
สรุปก็คือ มาเจอครอบครัวนี้ถือเป็นคราวซวยของคนร้าย ตำรวจเองก็เหมือนได้เปิดหูเปิดตา รู้สึกว่าครอบครัวนี้สุดยอดมาก
สามีเป็นทหารหน่วยรบพิเศษขั้นเทพ ภรรยามีวิชาสะกดจิตอันน่าทึ่ง แถมยังมีพี่สาวดาราดังที่กล้าเอามือเปล่าไปรับคมมีด…นี่มันเทพทั้งนั้น
พอพวกตำรวจพาคนไปหมดแล้วอาเพียวก็วิ่งเข้ามาด้วยสายตาเลื่อมใสศรัทธาในตัวเสี่ยวเชี่ยน
“คุณทำอะไรกับพวกเขากันแน่? สะกดจิต? มันสุดยอดมาเลยนะ ทำได้ไงอะ?”
“อยากรู้เหรอ?” เสี่ยวเชี่ยนถาม
“อื้อ!” อาเพียวพยักหน้ารัวๆ
“ไม่บอกหรอก!”
“…” ทำไมกวนแบบนี้!
ในที่สุดไฟป่าก็ควบคุมได้หมดด้วยการร่วมแรงร่วมใจของทุกฝ่าย เวลาล่วงเลยไปถึงเที่ยงคืน สงครามที่ยื้อยุดกันมาหลายชั่วโมงเหล่าทหารได้รับชัยชนะแล้ว พวกเขาผลัดกันพักผ่อน หมูน้ำแดงกลิ่นหอมหวนโชยมาจากตรงจุดที่ทำครัว ในที่สุดเหล่าทหารที่ยุ่งกันมาทั้งวันก็จะได้กินอาหารร้อนๆกันแล้ว
อวี๋หมิงหลางเข้าไปดับไฟมาทั้งวันพอออกมาเสียวเชี่ยนแทบจำไม่ได้ สภาพของเขามอมแมมมาก หน้าดำไปหมด นั่งกินหมั่นโถวที่พื้น เสี่ยวเชี่ยนเอาผ้าขนหนูเช็ดคราบเขม่าให้เขาพลางป้อนเนื้อให้กิน จังหวะที่ไม่มีใครอยู่แถวนั้น ในที่สุดอวี๋หมิงหลางก็มีเวลาถามเสี่ยวเชี่ยนเรื่องเมื่อตอนกลางวัน
“สรุปก็คือคุณแค่สะกดจิตปรับทัศนคติให้คนพวกนั้น?” อวี๋หมิงหลางไม่เชื่อว่าเมียเขาจะใจดีทำแค่นั้น
“โอ๊ย ดูทำมองเข้า ผู้หญิงที่แสนดีอย่างฉันเหมือนคนที่ทำเรื่องไร้สาระอย่างอื่นเป็นด้วยเหรอ?”
เสี่ยวเชี่ยนเอาสองมือประคองหน้าแสร้งทำท่าแบ๊ว
อวี๋หมิงหลาง หึ ออกมาหนึ่งทีแล้วเอาหมูน้ำแดงยัดใส่ปากเธอ “งั้นไม่พูด ‘เรื่องไร้สาระ’ พวกนั้น มาพูดเรื่อง ‘มีสาระ’ กันดีกว่า นอกจากคุณจะจัดการปรับทัศนคติคนพวกนั้นแล้ว ยังทำอะไรอีก?”
ไม่มีใครรู้จักเมียดีเท่าเขาอีกแล้ว!
เสี่ยวเชี่ยนน่ะเหรอจะทำแค่เรื่องผิวเผินแบบนั้น ตีให้ตายอวี๋หมิงหลางก็ไม่เชื่อ
การที่เรื่องครั้งนี้พี่สาวของเขาไม่เป็นอะไรมากเพราะความฉลาดและดวงดีด้วย หากเป็นอะไรขึ้นมา คนพวกนั้นก็จะมีความผิดไปด้วย

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย