เหยื่อรายนี้หน้าตาดีมาก ใบหน้าได้รูป ปากเชิ่ดนิดๆ หว่างคิ้วโหนกนูนมีเสน่ห์
เสี่ยวเชี่ยนเอาแต่มองรูปถ่ายที่เหมือนจะคุ้นตารูปนี้ เธอคิดว่าเธอรู้แล้วว่าความรู้สึกคุ้นเคยนี้มาจากไหน
รู้สึกได้ว่าเสี่ยวเชี่ยนเอาแต่จ้องอยู่หน้าเดียว หนึ่งในคู่หูคู่ฮาจึงยื่นหน้าเข้าไปดู
“เสี่ยวเชี่ยนก็สนใจเหยื่อรายนี้เหรอ ตอนแรกที่พวกเราเริ่มทำความเข้าใจข้อมูลพวกนี้ผมก็สะดุดตาผู้หญิงคนนี้มาก รู้สึกว่าคนสวยช่างบุญน้อยจริงๆ”
ผู้หญิงคนนี้เป็นเหยื่อรายแรกสุด นี่ก็ผ่านมานานหลายปีแล้วหลังจากที่เหยื่อถูกทำร้าย เมื่อวานตอนที่มีการเอาข้อมูลเหยื่อขึ้นจอใหญ่เปิดให้ดูคร่าวๆเสี่ยวเชี่ยนเห็นแล้วก็ไม่ได้คิดอะไร
จนกระทั่งเมื่อวานตอนเย็นที่ไปกินข้าวกับบ้านพี่รอง พอวันนี้ได้เห็นข้อมูลเหยื่อในระยะใกล้อีกครั้ง ในที่สุดเธอก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเธอถึงได้รู้สึกคุ้นๆ
“มีใครรู้บ้างว่าผู้หญิงคนนี้ตอนนี้เป็นไง?” เสี่ยวเชี่ยนถาม
พอเห็นว่าเสี่ยวเชี่ยนดูสนใจเหยื่อรายนี้เป็นพิเศษอาเพียวจึงเข้ามาดูด้วย
“หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นคนให้ข้อมูลพวกนี้มา พวกเราไม่รู้อะไรมากนักเพราะต้องป้องกันข้อมูลส่วนตัวของเหยื่อรั่วไหล แต่ตามคำให้การของผู้ต้องหา เหยื่อรายนี้เป็นคนแรกสุดที่เขาลงมือ และก็เป็นเลขาของเขาด้วย เธอถูกผู้ต้องหาข่มขืนทำร้ายร่างกายระหว่างไปทำงานต่างจังหวัด ต่อมาก็ลาออก”
เมื่อเทียบกับเหยื่อรายอื่นที่ถูกทำร้าย เหยื่อรายนี้นับว่าโดนเบาสุดแล้ว สาเหตุที่ทุกคนจำผู้หญิงคนนี้ได้ก็เป็นเพราะใบหน้าที่สวยงามโดดเด่น ไม่น้อยหน้าพวกดาราเลยทีเดียว
“ถ้าตอนนั้นเธอกล้าออกไปแจ้งความ บางทีอาจไม่มีคดีใหญ่ๆพวกนั้นตามมาก็ได้ จากที่เราทำการวิจัยมามันมีทฤษฎีหนึ่งที่เป็นจริง การกระทำผิดเป็นนิสัยความเคยชินอย่างหนึ่ง”
หลังจากที่อาเพียววิเคราะห์คร่าวๆแล้วจึงพูดเสริมขึ้น
“แน่นอนว่าเธอเป็นเหยื่อที่นับว่าโชคดีแล้วที่ไม่ได้ถึงแก่ชีวิต”
ความหมายของเขาคือให้พุ่งความสนใจไปที่เหยื่อคนอื่นๆ
เสี่ยวเชี่ยนเอาแต่จ้องรูปใบนั้น สักพักถึงได้พูดออกมา
“ไม่ เกิดชีวิตใหม่ขึ้นมาแล้ว”
และชีวิตใหม่ที่ว่านั้นตอนนี้อยู่ในตระกูลอวี๋
“เสี่ยวเชี่ยนคุณว่าอะไรนะ?”
“เปล่าค่ะ”
เสร็จงานไปอีกหนึ่งวัน เสี่ยวเชี่ยนกลับบ้านพร้อมอวี๋หมิงหลาง
ถึงอวี๋หมิงหลางจะไม่รู้ว่าวันนี้เสี่ยวเชี่ยนเจออะไรบ้าง แต่กลับรู้สึกได้ถึงบรรยากาศแปลกๆจากสีหน้าเคร่งเครียดของเธอ
“ลูกเชี่ยนเป็นอะไรเหรอ งานมีปัญหา? หรือเพราะไปเจอผู้ต้องหามาคุณเลยรู้สึกแย่มาก?”
เสี่ยวเชี่ยนส่ายหน้าก่อน สักพักก็พยักหน้า
“เสี่ยวเฉียง นายยังจำเรื่องที่พี่รองไปเก็บพ่านพ่านมาได้ไหม? บ้านนายเคยตามสืบประวัติของพ่านพ่านไหม?”
อวี๋หมิงหลางไม่รู้ว่าทำไมอยู่ๆเธอถึงได้ถามเรื่องนี้ แต่ก็ยังคงตอบไปตามความจริง
“ตอนนั้นพี่รองยังไม่ได้หย่ากับหวางเสี่ยวหง หวางเสี่ยวหงมาเยี่ยมพี่รอง ทั้งสองคนคุยกันไม่รู้เรื่องเลยทะเลาะกันขึ้นมา พี่รองไม่ยอมกลับที่พักดึกมากแล้วก็ยังไปตรวจการฝึกรอบค่ำที่สนามฝึก ระหว่างทางกลับเขาไปเจอกล่องใบหนึ่ง ตรงนั้นมีแค่เขาที่เดินผ่าน พอเห็นก็เลยเก็บกลับมา”
“ตอนนั้นมีแค่พี่รองที่เดินผ่าน?”
“ใช่ จุดนั้นค่อนข้างเปลี่ยว บวกกับตอนนั้นพี่รองถูกหวางเสี่ยวหงโกหกว่าป่วยให้รีบกลับไป เขาก็เลยผ่านทางนั้นอยู่คนเดียว”
ตอนนี้มาคิดดู การที่พี่รองได้เจอพ่านพ่านก็ถือเป็นโชคชะตาฟ้าลิขิตอย่างหนึ่ง เด็กคนนี้ดวงแข็ง วันนั้นอากาศหนาวมาก พ่านพ่านถูกห่อไว้ด้วยผ้าห่มผืนบาง หากพ่านพ่านถูกเอาไปวางช้ากว่านั้น คลาดเคลื่อนกับเวลาที่พี่รองเดินผ่านทางนั้นอยู่คนเดียว ไม่แน่พ่านพ่านอาจหนาวตายไปแล้ว
นี่แหละนะโชคชะตา
แต่โชคชะตาแบบนี้เมื่อมาถึงตรงนี้กลับเป็นปัญหาที่ทำให้เสี่ยวเชี่ยนคิดหนัก
“แล้วคนในครอบครัวไม่มีใครสืบประวัติเด็กคนนี้เลยเหรอ?”


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย