“กว่ารุ่นพี่จะมามันทันเหรอคะ? อาจารย์มีลูกศิษย์ในเมืองQไหมคะ? ต่อให้รุ่นพี่มาหูเหม่ยจิ้งจะเชื่อเขาเหรอคะ? นอกจากอาจารย์ หูเหม่ยจิ้งก็เจอกับหนูเยอะที่สุด ถึงเธอจะจำเรื่องเหล่านั้นไม่ได้ก็ตาม แต่พวกเรารู้ว่า จิตใต้สำนึกของคนเราจะเก็บความรู้สึกดีๆต่อคนๆหนึ่งไว้ เขาไม่มีทางต่อต้านหนู”
ก่อนหน้านี้เสี่ยวเชี่ยนเคยสัมผัสกับหูเหม่ยจิ้ง ถึงตอนนี้หูเหม่ยจิ้งจะจำบุคลิกนั้นไม่ได้ แต่ไม่มีทางไม่เอาเสี่ยวเชี่ยนแน่นอน
ตอนนี้เสี่ยวเชี่ยนเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดก็จริง แต่ศาสตราจารย์หลิวยังคงไม่วางใจ ต่อให้เสี่ยวเชี่ยนจะมีพรสวรรค์มากกว่านี้แต่เธอก็ยังเป็นแค่เด็ก วงการนี้ถ้าไม่มีประสบการณ์แพทย์คลินิกที่มากพอก็ไม่ควรให้เด็กไปรักษาง่ายๆ
โดยเฉพาะเคสที่มีความซับซ้อนแบบนี้
แตกต่างจากปัญหาจิตเวชเล็กๆน้อยๆก่อนหน้านี้ ครั้งนี้แม้แต่ศาสตราจารย์หลิวยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
“อาจารย์คะ ก่อนที่หนูจะได้ใบอนุญาตก็เอาเหมือนเดิมเถอะค่ะ หนูบอกความคิดของหนูกับแผนการรักษาให้อาจารย์ฟัง ถ้าอาจารย์คิดว่าเหมาะสมหนูค่อยไป ถ้ามีความคืบหน้าอะไรหนูก็จะมารายงานอาจารย์ มีปัญหาพวกเราหารือกันได้ตลอดเวลา ดีไหมคะ?”
“คือ…”
“อันที่จริงหนูมีอยู่เรื่องที่ไม่ได้บอกอาจารย์ว่าทำไมหนูถึงเรียกว่าอาจารย์ รู้หรือเปล่าคะ? ทำไมหนูถึงได้รู้วิธีรักษามากมายขนาดนี้ อาจารย์ไม่คิดว่ามันแปลกเหรอคะ?”
“นั่นสิ ฉันก็แปลกใจ เธอเพิ่งจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้เอง เรื่องพวกนี้ใครสอนเธอมา? เธอดูมีประสบการณ์แพทย์คลินิกมาก อีกทั้งยังดูเหมือนทำมาหลายปีแล้ว”
ก็สอนมาเองกับมือ ไม่เหมือนสิแปลก
เสี่ยวเชี่ยนวางแผนไว้นานแล้ว
“ก็เพราะว่าก่อนหน้านี้หนูเคยเก็บสมุดบันทึกเล่มหนึ่งได้ ในนั้นเต็มไปด้วยเคสรักษา พอหนูได้อ่านก็เหมือนได้จุดประกายความคิด นับแต่นั้นมาประตูบานใหญ่แห่งโลกลึกลับด้านจิตวิทยาก็เปิดออก และเจ้าของสมุดเล่มนั้นก็คืออาจารย์ ก็เพราะสิ่งนี้แหละค่ะหนูถึงได้มาสอบเข้ามหาวิทยาลัยนี้”
“ที่แท้ก็เธอเหรอที่เก็บได้?” ศาสตราจารย์หลิวมีนิสัยชอบจดบันทึกจริงๆ
เสี่ยวเชี่ยนเองก็มีนิสัยชอบจดบันทึก ซึ่งก็เลียนแบบมาจากอาจารย์
“ใช่ค่ะ ที่น่าเสียดายก็คือ ตอนย้ายบ้านสมุดบันทึกเล่มนั้นถูกน้องชายที่ไม่เอาไหนของหนูโยนทิ้งไปแล้ว แต่เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการรักษาที่อยู่ในนั้นหนูจำได้หมด มีโรคหวาดกลัว โรคอารมณ์แปรปรวน โรคเบื่ออาหาร โรคกินจุ โรคหวาดกลัวการเข้าสังคม อะไรประมาณนี้ อาจารย์เขียนไว้ละเอียดมาก”
เสี่ยวเชี่ยนท่องได้ ซึ่งก็เป็นผลมาจากการที่ศาสตราจารย์หลิวทรมานเธอเมื่อชาติที่แล้ว
มีอยู่วันหนึ่งเธอจัดเอกสารให้อาจารย์ อยู่ๆอาจารย์ก็พูดขึ้นมาว่าทำสมุดบันทึกหายเมื่อประมาณช่วงปี2000 ในนั้นมีบันทึกการรักษาของโรคพวกนี้ เลยให้เสี่ยวเชี่ยนส่งเคสรักษาโรคพวกนั้นมาสัปดาห์ละครั้ง หากเขียนผิดก็จะต้องกลับไปคัดลอกเอกสารที่เกี่ยวข้อง เล่นเอาเสี่ยวเชี่ยนเกือบตาย
และก็เพราะมีอาจารย์แบบนี้ พื้นฐานความรู้ของเสี่ยวเชี่ยนถึงได้แน่นมาก
“ถึงว่าฉันไม่เคยสอนเธอ แต่เธอกลับมีร่องรอยของฉันปรากฏ แบบนี้ก็ถือว่าเธอเป็นลูกศิษย์ของฉันสินะ”
ศาสตราจารย์หลิวรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก การที่เสี่ยวเชี่ยนเรียกเธอว่าอาจารย์นั้นก็ถูกต้องแล้ว
“ที่หนูเก่งได้ก็เพราะบันทึกของอาจารย์ ตอนนี้ให้หนูจัดการปัญหานี้ ถ้าอาจารย์คิดว่ามีตรงไหนไม่ถูกก็แก้ให้หนูได้ตลอดเลยนะคะ คิดเสียว่าหนูเป็นดวงตาให้ โอเคไหมคะ?”
ข้ออ้างที่เสี่ยวเชี่ยนคิดขึ้นมานี้สมบูรณ์แบบมาก เรียกได้ว่าไร้ข้อสงสัย
ไม่มีใครรู้เรื่องที่เธอกลับชาติมาเกิด อีกทั้งสไตล์ของเธอก็คล้ายกับศาสตราจารย์หลิว ใช้ข้ออ้างนี้ถูไถไป ในอนาคตก็ไม่มีทางมีคนสงสัย จะเรียกว่าอาจารย์ก็เรียกได้สนิทใจขึ้น
“เธอลองพูดแผนรักษามาก่อน” ศาสตราจารย์หลิวเริ่มโอนอ่อน


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย