หลังจากที่ได้เห็นฟู่กุ้ยตัดสินใจซื้อบ้านด้วยความโมโห เสี่ยวเชี่ยนก็ได้ข้อสรุปความจริงบางอย่างที่สามารถพิสูจน์ได้
ผู้ชายที่มีความเป็นลูกผู้ชายสูงทุกคนมักจะกลายร่างเป็นบอสใหญ่จอมบงการยามที่จีบสาว ต่อให้แท้ที่จริงแล้วตัวตนเป็นคนอ่อนโยนก็สามารถถูกแรงกระตุ้นบางอย่างทำให้มีความกล้าทำเรื่องบางอย่างได้
การกระทำแบบนี้เป็นเพียงแค่การประชดของชายหนุ่มผู้ทรงความรู้ที่อายุมาก ทำเพื่อสาวที่ตนเองชอบ แต่กลับทำให้พี่ใหญ่พอใจมาก
ในขณะที่ฟู่กุ้ยไปจ่ายเงินอยู่นั้น พี่ใหญ่ก็เรียกผู้จัดการมาหาแล้วกระซิบบางอย่าง ผู้จัดการพยักหน้าเป็นการตอบรับ
เสี่ยวเชี่ยนเล่นเล็บตัวเองอย่างคนไม่มีอะไรทำ “พี่ใหญ่คิดจะโกงเหรอคะ”
“ธุรกิจของครอบครัวตัวเอง น้ำปุ๋ยไม่ไหลลงนาคนนอก” พี่ใหญ่โกงอย่างเปิดเผย
“เห้อ นักธุรกิจเจ้าเล่ห์อย่างพวกพี่นี่นะ จึ๊ๆ”
พี่ใหญ่เห็นท่าทางของเสี่ยวเชี่ยนแล้วก็ขำ “รางวัลที่หนึ่งให้ฟู่กุ้ย รางวัลที่สองเธอเอาไหม”
“รางวัลคืออะไรคะ”
“ดูเหมือนจะเป็นชุดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านนำเข้าจากเมืองนอก บ้านพวกเธอยังว่างอยู่ไม่ใช่เหรอ พอดีเลย”
“พี่ควรจะไปดูรสนิยมด้านความงามของน้องชายพี่นะคะ”
“ตอนนี้มันไม่ข้องเกี่ยวกับบ้านเราแล้ว นั่นผู้ชายของเธอ แม่พี่พูดแล้วว่า ต่อไปถ้าเจ้าเล็กทำตัวปัญญาอ่อนถือเป็นเรื่องของบ้านเธอ” พี่ใหญ่ไม่ต้องไปเห็นกับตาก็พอจะจินตนาการได้ว่าน้องชายตัวเองคงไม่ได้ทำเรื่องที่น่าพิสมัยแน่นอน
“แม่พี่ไม่มีทางพูดแบบนั้น พี่พูดเองมากกว่า”
พี่ใหญ่พอถูกจับไต๋ได้ก็ยิ้มแฉ่งเหมือนพระสังกัจจายน์
“เอาจริงๆนะ เสี่ยวเชี่ยน ต่อไปเธอต้องอบรมคนบ้าจอมเผด็จการของบ้านเธอหน่อยละ เรื่องไหนที่เกี่ยวข้องกับเธอนะ ไม่ว่าจะกี่โมงเช้าสายบ่ายค่ำ มันโทรมากวนพี่ได้ตลอด เธอต้องไปสั่งสอนมันบ้าง”
“พี่ใหญ่ ถ้าฉันไปห้ามเขา ต่อไปถ้าฉันมาเที่ยวเล่นที่นี่แล้วจะได้ของรางวัลติดไม้ติดมือกลับบ้านเหรอ แบบนี้เขาเรียกว่าเด็กที่ร้องไห้เป็นย่อมมีนมกิน ฉันกับเสี่ยวเฉียงเป็นพวกมนุษย์เงินเดือน เขาเป็นทหาร ฉันเป็นจิตแพทย์ พวกเราจนมากนะคะ ท่านผู้นำกล่าวไว้ไม่ใช่เหรอว่า ต้องให้คนส่วนหนึ่งมีโอกาสรวยขึ้นมาก่อน จากนั้นทุกคนถึงจะรวยไปด้วยกัน
พี่ใหญ่มุมปากกระตุก “พวกเธอสองคนทำไมถึงได้พูดจาเหมือนกันได้ขนาดนี้นะ เพี้ยนตามเจ้าเล็กใช่มะ อย่างพวกเธอเนี่ยนะมนุษย์เงินเดือน”
มนุษย์เงินเดือนบ้านไหนรักษาคนไข้คิดเงินเป็นนาที นี่มันเศรษฐินีชัดๆ
“ตอนนี้ยังไม่เพี้ยนเสียหน่อย” เสี่ยวเชี่ยนยิ้มกว้างออกมา “อีกหน่อยย้ายไปอยู่ด้วยกันไม่แน่อาจเพี้ยนตามกัน”
“…”
ช่วงหลายปีมานี้เสี่ยวเฉียงกับเสียวเหม่ยแยกกันอยู่เสียเป็นส่วนมาก ขนาดแยกกันอยู่ยังมีพลังทำลายล้างขนาดนี้ คนฉลาดสองคนถ้าย้ายไปอยู่ด้วยกันคงมีเรื่องสนุกทุกวันแน่ ต่างเป็นพวกชอบวางแผนแกล้งคนด้วยกันทั้งคู่ ถ้าอยู่ด้วยกัน…
พี่ใหญ่แอบตัดสินใจอย่างเงียบๆแล้วว่า ต่อไปเขาต้องมาเมืองนี้ให้น้อยที่สุด เขาสังหรณ์ใจว่า มาครั้งหนึ่งก็ต้องถูกปอกลอกแน่นอน เมื่อก่อนแยกเป็นอวี๋ปอกลอกกับเฉินปอกลอก ตอนนี้กำลังจะรวมร่างกัน แค่คิดก็รู้แล้วว่าไม่ใช่เรื่องดี
แต่ความคิดนี้ก็แค่แวบเข้ามาในหัวชั่วขณะ เพราะพี่ใหญ่รู้ดีว่าตัวเองขาดเสี่ยวเชี่ยนไม่ได้
“เสี่ยวเชี่ยน ไม่ล้อเล่นละเข้าประเด็นดีกว่า เอกสารที่พี่ให้ไปเมื่อกี้ต้องรักษาคนๆนั้นให้ได้นะ พี่ดันไปโม้เอาไว้เยอะ เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงโปรเจ็คต์ใหญ่ ถ้าเธอช่วยพี่ได้อยากได้อะไรก็บอกมาเลย”
“ฉันก็ไม่ได้ขาดเหลืออะไร พี่แค่ไปช่วยทำบ้านที่น้องชายพี่ทำผลงานอันน่าอัศจรรย์เอาไว้ ทำให้มันอยู่ได้ก็พอแล้วค่ะ” ในกระเป๋าของเสี่ยวเชี่ยนมีซองเอกสารสีน้ำตาลที่ถูกปิดผนึกแน่นเพิ่มเข้ามา เดิมเมื่อครู่พี่ใหญ่เรียกเสี่ยวเชี่ยนขึ้นไปกะนั่งคุยดีๆ ปรากฏว่าพอยื่นซองเอกสารให้เสี่ยวเชี่ยนเสร็จยังไม่ทันได้พูดอะไรเขาก็ถูกลูกน้องโทรเร่งให้ลงมา


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย