เสี่ยวเชี่ยนตามผู้ชายคนนั้นไปยังห้องพักผู้ป่วยรวม ชายชราที่สภาพอิดโรยกำลังนอนให้น้ำเกลืออยู่บนเตียง
พอไปถึงที่เตียงผู้ป่วย ผู้เป็นลูกชายก็พูดกับชายชรา
“พ่อ นี่คือ…”
“ฉันเป็นหมอดูมาจากในเมืองค่ะ” เสี่ยวเชี่ยนทำปากชู่วให้ผู้ชายคนนั้น
เขาบอกว่าพ่อเป็นคนเชื่อเรื่องงมงาย สำหรับคนแก่ในวัยนี้แล้ว จิตแพทย์เป็นอาชีพที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน ถ้าบอกไปก็ต้องเหนื่อยอธิบายกันนานหน่อย ไม่สู้บอกว่าเป็นหมอดู แบบนี้คนแก่จะเข้าใจง่ายกว่า
“ใช่ครับพ่อ เธอเป็นหมอดูจอมเทพจากในเมืองครับ เก่งสุดๆ” เขาให้ความร่วมมือกับเสี่ยวเชี่ยน
ชายชราลืมตามองเสี่ยวเชี่ยน ดวงตาที่ขุ่นมัวเต็มไปด้วยความสงสัย
เสี่ยวเชี่ยนลากเก้าอี้เข้ามานั่งข้างเตียงแล้วพูดกับชายชรา
“วันนี้ฉันผ่านโรงพยาบาลนี้เห็นท้องฟ้าดูแปลกไปเลยแวะเข้ามาดู แล้วก็เจอกับลูกชายของคุณลุงค่ะ…”
ชีอวี่เซวียนยืนอยู่หน้าห้องผู้ป่วยมองสาวน้อยหน้าตาสะสวยที่กำลังทำตัวเป็นแม่หมอนั่งอยู่ข้างเตียงผู้ป่วยโรคร้ายแรง
เธอแต่งตัวพิถีพิถัน ถึงเสื้อผ้าจะเรียบง่ายแต่ไม่ดูเชย มองออกเลยว่าเป็นผู้หญิงที่ใช้ชีวิตเป็น เธอดูเหมือนไม่เข้ากับห้องผู้ป่วยที่มีอยู่หกเตียงนี้ แต่เธอกลับนั่งอยู่ข้างเตียงผู้ป่วยคุยอย่างเป็นกันเองกับชายชรา
“คุณหมอคะ…” คนที่ยืนอยู่กับศาสตราจารย์ชีเป็นผู้หญิงวัยกลางคน เธอเป็นลูกสะใภ้ของชายชราคนนั้น เมื่อครู่ตอนที่เธอนั่งร้องไห้อยู่ด้านนอกหมอคนนี้ได้มาถามเธอว่าเป็นอะไร หลังจากได้ฟังเธอเล่าจึงเดินตามเข้ามา แต่ทำไมไม่เข้าไปในห้องล่ะ?
ศาสตราจารย์ชีทำท่าบอกให้เงียบก่อน ผู้หญิงคนนั้นไม่รู้ว่าเรื่องอะไรแต่ก็ไม่กล้าพูด
เสี่ยวเชี่ยนทำตัวเป็นหมอดูคุยกับชายชรา เธอทำให้คนแก่ไว้ใจได้โดยอาศัยข้อมูลที่ได้จากผู้เป็นลูกชาย หลังจากที่ชายชราไว้ใจเธอแล้วเธอถึงจะเข้าสู่การสนทนาหลัก
“คุณลุงคะ ตอนนี้ตั้งสมาธิให้ดีนะคะ แล้วจินตนาการว่าสิ่งที่อยู่ในร่างกายที่ทำให้คุณลุงป่วยเป็นเพียงเมล็ดข้าวโพด”
เพื่อให้ชายชรายอมรับการรักษาจากเธอ เสี่ยวเชี่ยนถึงกับพูดด้วยภาษาถิ่น ใช้มือทำขนาดของเมล็ดข้าวโพด ศาสตราจารย์ชีเห็นแล้วก็ยิ้มเล็กน้อย
เด็กคนนี้ความรู้เยอะจริงๆ นี่เป็นวิธีรักษาของจิตแพทย์ที่ใช้กับผู้ป่วยโรคร้ายแรง จุดประสงค์ก็เพื่อเพิ่มความไว้วางใจจากผู้ป่วย ช่วยให้สภาพจิตใจดีขึ้น อีกทั้งเธอยังพูดภาษาถิ่นเพื่อให้คนแก่เข้าใจง่าย ใช้การเปรียบเทียบที่เห็นได้ชัดเจน
“ตอนนี้คุณลุงตั้งสมาธิ คิดว่าความเชื่อของคุณลุงเป็นรถบดถนนบดเมล็ดข้าวโพดเล็กๆเหล่านั้นจนแตกละเอียด ค่อยๆสูดลมหายใจนะคะ พอคุณลุงหายใจออก ผงละเอียดเหล่านั้นก็จะปลิวออกไปนอกร่างกายคุณลุงค่ะ…”
ความหวาดกลัววิตกกังวลจะทำให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งรู้สึกแย่ ส่งผลร้ายต่อสุขภาพ เสี่ยวเชี่ยนใช้ความรู้กึ่งๆหลอกคนแก่เพื่อให้ผู้ป่วยเกิดความผ่อนคลาย มะเร็งระยะสุดท้ายที่ลุกลามไปทั่วเธอรักษาให้ไม่ได้ แต่เธอสามารถใช้วิธีในแบบของจิตแพทย์ช่วยคลายความวิตกกังวลของชายชราได้ ทำให้เขาได้ปลดปล่อยอารมณ์ เมื่อสภาพจิตใจดีขึ้นก็ส่งผลต่ออาการให้ดีขึ้นตามไปด้วย
สิ่งที่เธอทำในตอนนี้ก็คือสิ่งที่อีกสักพักศาสตราจารย์ชีจะบรรยาย
เสี่ยวเชี่ยนใช้เวลารักษาไปเกือบสามสิบนาที เธอมีความอดทนมากตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ได้มีท่าทีรังเกียจคนแก่ที่เป็นโรคร้ายแรงเลยแม้แต่น้อย ไม่รู้ว่าห้องผู้ป่วยที่เคยมีเสียงนู่นนี่เริ่มเงียบตั้งแต่เมื่อไร คนไข้จากเตียงอื่นพากันล้อมเข้ามาฟังเสี่ยวเชี่ยนพูด
ศาสตราจารย์ชีรอจนกระทั่งเสี่ยวเชี่ยนพูดจบ เขามองด้วยแววตาที่อ่อนโยนและมีรอยยิ้ม
หลิวหลินหลินสอนเด็กมาดีมาก ความรู้แน่นอีกทั้งยังรู้จักพลิกแพลง ได้ยินว่าเด็กคนนี้ชอบเรียกเก็บเงินราคาแพง แต่เมื่อเจอกับคนยากจนเธอก็รักษาให้โดยไม่รังเกียจ อีกทั้งยังมีความอดทนสูง ซึ่งทำให้ศาสตราจารย์ชียิ่งประทับใจเสี่ยวเชี่ยนมากขึ้น เป็นเด็กดีจริงๆ
เขาช่างไม่รู้เลยว่า ‘เด็กดี’คนนี้นี่แหละที่มาตรงนี้ก็เพื่อจะหลบหน้าเขา
ประธานเชี่ยนเป็นคนนิสัยแบบนี้ เธอไม่รักษาให้ใครง่ายๆ แต่หากเป็นเคสที่เธอรับมาแล้วเธอก็จะพยายามตั้งใจทำให้ดีที่สุด ไม่เกี่ยวกับเรื่องเงิน นี่เป็นหน้าที่และเกียรติของหมอ
ในที่สุดเสี่ยวเชี่ยนก็เสร็จสิ้นการรักษา ชายชราหลับไปพร้อมกับใบหน้าที่อิ่มเอม ซึ่งทำให้ลูกชายของเขารู้สึกซาบซึ้งใจมาก
พ่อของเขาช่วงสองวันมานี้นอนไม่ค่อยหลับเพราะวิตกกังวล หมอที่อายุน้อยคนนี้เก่งไม่เบา
“ครั้งหน้าคุณหมอยังมาอีกไหมครับ?”

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย