“ทุกคนเงียบแล้วฟังหนูพูดนะคะ ตอนนี้พ่อหนูไม่สะดวกจะออกหน้า ถ้าพวกคุณลุงคุณอาไม่ฟังหนูงั้นก็ช่วยคิดหาวิธีมาค่ะ ทุกคนล้วนมีผลได้ผลเสียร่วมกัน พวกคุณจะอารมณ์เสียเรื่องนี้หนูพอเข้าใจค่ะ แต่ใช้อารมณ์ไปมันก็ช่วยแก้ไขอะไรไม่ได้ หนูมาเพื่อช่วยแก้ปัญหาไม่ได้มาเพื่อทะเลาะกับใครนะคะ!”
หญิงสาวอายุยี่สิบต้นๆพูดแบบนี้ออกมาทำให้ทุกคนตะลึง ทั้งห้องประชุมตกอยู่ในความเงียบ มีผู้ถือหุ้นคนหนึ่งที่อยู่กับพ่อสือมาหลายปีออกมาพูดแก้ไขสถานการณ์
“พวกเราเชื่อมั่นในตัวของประธาน ลองฟังหลานใหญ่พูดก่อนนะ”
“ก่อนอื่น หนูจะใช้ทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่หนูมีมาค้ำประกันไว้ จากนั้นพวกเราจะเข็นสินค้าใหม่สู่ตลาดเพื่อช่วยพวกเราให้ผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปค่ะ! สินค้าใหม่ที่อยู่ในมือแม่หนูผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้ว ขอแค่ออกสู่ตลาดพวกเราก็จะมีโอกาสรอด!”
“เอาสินค้าใหม่ออกจำหน่ายต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก เงินที่คุณหนูมีมันพอลงทุนเหรอครับ? คุณมีเท่าไร?”
“หนูยังไม่ได้อ่านแผนดำเนินงาน ต้องใช้ประมาณเท่าไรคะ?”
คนที่รับผิดชอบโครงการลุกขึ้นบอกตัวเลขงบประมาณ
สืออวี้ได้ฟังแล้วก็ตกใจ
เงินจำนวนนี้มันเยอะเหลือเกิน ความคิดของเธอเมื่อคืนไร้เดียงสาเกินไป
เงินที่มีอยู่มันไม่พออยู่แล้ว!
“เงินเดือนคนงานประมาณเท่าไรคะ?” ถ้าเอาสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดไม่ได้ ทางที่แย่ที่สุดก็คือเคลียร์เงินเดือนพนักงานให้จบไป จากนั้น…ก็ทำได้แค่ปิดกิจการ จะล้มละลายก็คงต้องปล่อยไป
อันที่จริงมาถึงขั้นนี้แล้ว จะเคลียร์เงินเดือนพนักงานหรือไม่ บริษัทก็ไม่รอดอยู่ดี
ช่วงหลายปีมานี้ที่ได้อยู่กับประธานเชี่ยน สืออวี้เข้าใจแล้วว่าอะไรคือหน้าที่และความรับผิดชอบ ถึงเสี่ยวเชี่ยนจะเป็นคนบ้าดีเดือด แต่ก็ไม่เคยเอาเปรียบเพื่อนเลยแม้แต่น้อย
นี่เป็นเงินเดือนที่บ้านเธอติดค้างพนักงานไว้ ที่ควรให้ยังไงก็ต้องให้ จะให้เธอเอาเงินไปใช้ชีวิตสุขสบายอยู่คนเดียวตัดขาดกับครอบครัวเธอทำไม่ได้ เธอไม่อาจทนเห็นคนงานต้องอดตายเพียงเพราะเถ้าแก่ที่หนีไป
เธอคิดว่ายังไงตัวเองก็ต้องออกหน้า ถ้าดันสินค้าใหม่ได้ก็ต้องพยายาม หากเงินไม่พอต่อให้เธอต้องถูกรุมด่ารุมว่าก็คงต้องยอมรับชะตากรรม มันเป็นหน้าที่ และทำให้เธอได้เติบโต
ขณะที่กำลังรอสืออวี้พูดเรื่องเคลียร์เงินเดือนพนักงานแล้วปิดบริษัทอยู่นั้น ประตูห้องประชุมก็เปิดออก พอเห็นคนที่เพิ่งมาสืออวี้ก็ตกใจตาเบิกโพลง เธอไม่คิดเลยว่าประธานเชี่ยนจะมาโผล่ที่นี่!
เสี่ยวเชี่ยนดูมีมาดนางพญาเหมือนเดิม เธอไม่ได้มาคนเดียว ข้างหลังเธอยังมีผู้ชายสองคนที่ดูเป็นการเป็นงานมาด้วย
“ประธานเชี่ยน?” สืออวี้มองเสี่ยวเชี่ยนด้วยอาการตกใจ เกือบคิดว่าตัวเองตาฝาด
เสี่ยวเชี่ยนส่งสายตาที่หนักแน่นให้เธอ จากนั้นก็พาคนที่มาด้วยเดินเข้าไปในห้องประชุมเข้าไปหาสืออวี้
การมาของคนแปลกหน้าทำให้บรรดาผู้ถือหุ้นพากันเงียบสนิท ถึงเสี่ยวเชี่ยนจะดูเด็ก แต่กลับมีบุคลิกที่น่าเกรงขามจนคนไม่กล้าดูถูกเธอ
“เธอบอกว่ามีที่ดินไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้ฉันมาถึงที่แล้ว” เสี่ยวเชี่ยนชี้ตัวเองแล้วตบบ่าสืออวี้ “ต่อไปฉันไม่เพียงแต่จะเป็นท้องฟ้าให้เธอ ยังเป็นผืนดินให้ด้วย เป็นเส้นทางสุดท้ายให้เธอเดิน”
“ประธานเชี่ยน…” มาดผู้หญิงแกร่งที่สืออวี้เก๊กมาตั้งนานต้องมาสะดุดเพราะคำพูดประโยคเดียวของประธานเชี่ยน เสี่ยวเชี่ยนจับมือสืออวี้ที่อยู่ใต้โต๊ะเพื่อสื่อสารว่าให้ใจเย็นๆ
“กลับไปนะ อย่ามายุ่งเรื่องในครอบครัวฉัน” สืออวี้กระซิบ เมื่อวานที่เธอรีบร้อนกลับก็เพราะไม่อยากให้ประธานเชี่ยนเข้ามาเอี่ยวเรื่องนี้ด้วย
“เธอเป็นใคร?” ผู้ถือหุ้นคนที่อยู่ใกล้เสี่ยวเชี่ยนที่สุดถามขึ้น
“ฉันเป็นเพื่อนของคุณหนูสืออวี้ค่ะ ชื่อเฉินเสี่ยวเชี่ยน สองท่านนี้เป็นทนายของฉัน พวกเรามาช่วยคุณหนูสืออวี้จัดการเรื่องหนี้ของโรงงานยาค่ะ” เสี่ยวเชี่ยนชี้ไปที่สองคนที่อยู่ข้างหลังเธอ


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย