แผนทวงบัลลังก์เทพ นิยาย บท 6

“แหม แหม ดูซิว่าใครมา ถ้าไม่ใช่แอรอนกับลูกเขยขี้คุกของเขา”

พร้อมกับการเยาะเย้ย แฮร์รี่และคนอื่นๆ มาถึง ในมือถือถุงของขวัญที่มีทั้งไวน์ชั้นดี โสมป่า ใบชาและอื่นๆ แผนของครอบครัวโลเปซนั้นเรียบง่าย นั่นคือประจบประแจงเทพสงครามมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

“ฉันไม่คิดว่าเธอจะมานะโซอี้” เมลานีพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชันขณะขยับเข้าใกล้โซอี้ “ไหนล่ะบัตรเชิญของเธอ ให้ฉันดูหน่อยสิ สมัยนี้หาซื้อบัตรปลอมได้ง่ายจะตาย”

เมลานี ซามูเอลและคนอื่น ไม่มีใครเชื่อแม้แต่น้อยว่าลีวายจะหาบัตรเชิญได้

แค่ดูจากสถานะของพวกเขาไม่มีทางจะหาบัตรเชิญเข้างานนี้ได้หรอก

มันคงเหมือนกับพูดว่าหมูบินได้นั่นแหละ

“ฉัน…” โซอี้ลังเล เพราะไม่มีบัตรเชิญตั้งแต่แรก

“ไหนล่ะ เธอซ่อนอะไรไว้” เมลานีหัวเราะ “อย่าบอกนะว่าบัตรเชิญของเธอทำจากทองคำจนให้ฉันดูไม่ได้”

โซอี้ก้มหน้าอย่างเงียบงัน

“แอรอน ให้ฉันดูบัตรเชิญของแกซิ” แฮร์รี่พูดเหมือนสั่งเมื่อสังเกตเห็นท่าทางแปลกๆ ของคู่นั้น

“พ่อครับ ผม…” แอรอนรู้สึกตื่นตระหนก

“อะไรกัน นี่แกกล้าไม่เชื่อฟังคำสั่งพ่อของแกเองเลยเรอะ เร็วเข้า เอามาให้ฉันดู” แฮร์รี่ตะเบ็งเสียง

แอรอนหอบหายใจอย่างหนัก ได้แต่บอกความจริงเท่านั้น

“พ่อครับ เรายังไม่มีบัตรเชิญหรอก…ลีวายเป็นคนพาเรามาที่นี่…”

เมื่อได้ยินอย่างนั้น ซามูเอล เมลานีและคนอื่นๆ ต่างก็หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง

“แกมันไอ้คนงี่เง่า” แฮร์รี่ ถลึงตามองแอรอน “มันน่าขายหน้าจริงๆ ที่มีลูกชายอย่างแก”

เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาเย้ยหยันและเสียงหัวเราะที่ไร้ความปราณี แอรอนก็รู้สึกเดือดดาลมากขึ้นเพราะศักดิ์ศรีสุดท้ายของเขาที่ยังเหลืออยู่ต่อหน้าครอบครัวโลเปซนั้นได้หายวับไปแล้ว

โซอี้ก็รู้สึกเกลียดลีวายเข้ากระดูกดำ เมื่อรู้ดีว่าพวกเธอได้สูญเสียความเคารพจากครอบครัวโลเปซไปหมดสิ้น

“ไร้ยางอายจริงๆ ที่มางานเลี้ยงโดยไม่มีบัตรเชิญ”

“ฉันจะบอกความจริงสักอย่างนะ ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน ครอบครัวนายก็เข้าประตูนี้ไปไม่ได้หรอก” ซามูเอลเย้ย

“เข้าไปข้างในกันเถอะค่ะคุณปู่” เมลานีพูดขณะที่คล้องแขนของแฮร์รี่ “อย่าให้พวกนี้มาเกะกะขวางทางเลย”

“หนูพูดถูก แค่รู้จักคนพวกนี้ก็น่าขายหน้าแล้ว”

ครอบครัวโลเปซ ถลึงตามองลีวายอย่างดูถูกดูแคลนแล้วรีบเดินตรงไปยังประตูทางเข้า แอรอนกำลังจะพูดบางอย่างออกมาตอนที่ลีวายบอกว่า “พ่อครับดูนั่นสิ พวกนั้นเข้างานไม่ได้”

หน้าประตูทางเข้าพาราไดซ์วิลล่า มีพนักงานรักษาความปลอดภัยนับสิบคนที่ถูกจ้างให้มาดูแลความสงบเรียบร้อยยืนอยู่

ซามูเอลหยิบบัตรเชิญสิบสองใบออกมาแล้วส่งให้ “สิบสองคนครับ”

เขาพูด ขณะที่ยืดหลังตรง ท่าทางภาคภูมิใจ จะมีสักกี่คนที่จะหยิบบัตรเชิญสิบสองใบออกมาพร้อมกัน

แต่วินาทีต่อมา พนักงานรักษาความปลอดภัยพูดอย่างไร้อารมณ์ว่า “พวกคุณถูกห้ามเข้าและห้ามร่วมงานเลี้ยง”

“อะไรนะ?” ซามูเอลและคนอื่นๆ คิดว่าได้ยินพนักงานรักษาความปลอดภัยผิดไป

“เป็นไปไม่ได้ เมื่อวานเลขาไรลีย์จากสำนักงานเมืองเป็นคนเอาบัตรเชิญมาให้เราด้วยตัวเองเลยนะ” แฮร์รี่เถียง

ซามูเอลทำหน้าเย่อหยิ่ง “นี่บัตรเชิญของฉัน ให้ฉันเข้าไปเดี๋ยวนี้ นายไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับฉันนะ”

ตุ้บ

กระบองอันหนึ่งฟาดลงบนศีรษะของซามูเอลทันที

“นี่คุณไม่เข้าใจภาษาคนรึไง พวกคุณถูกห้ามเข้างาน ต้องให้ผมแสดงให้ดูใช่มั้ย?”

กระบองอันนั้นยังคงเล็งอยู่บนหัว ซามูเอลตกใจกลัวจนเกือบปัสสาวะรดกางเกง

แต่เมื่อมีสายตาหลายคู่มองอยู่ เขาจึงรวบรวมความกล้าแล้วตอบโต้ไปว่า “แน่จริงก็มาแตะฉันสิ ไม่รู้ใช่ไหมว่าฉันคือใคร ไปตามหัวหน้ามา!”

พลั่ก!

พนักงานรักษาความปลอดภัยตีเขาด้วยกระบองทันที ซามูเอลปัสสาวะราดจนกางเกงเปียกโชก และครอบครัวโลเปซต่างตกตะลึงยิ่งขึ้น

“พวกคุณรออะไรอยู่ ไปให้พ้น” พนักงานรักษาความปลอดภัยตะคอก

ครอบครัวโลเปซช่วยดึงซามูเอลขึ้น แล้วเดินไปอย่างรวดเร็ว

“แกพูดถูก พวกนั้นเข้าไม่ได้” แอรอนรู้สึกตื่นตระหนกกับภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อหน้า

ถึงตอนนั้น ลีวายยิ้มแล้วกุมมือของโซอี้ “เราควรจะเข้าไปข้างในได้แล้ว”

“อย่านะ เดี๋ยวก็ถูกฆ่าตายหรอก เราจะเข้าไปข้างในได้ยังไง ในเมื่อซามูเอลกับคนที่เหลือยังผ่านจุดตรวจไม่ได้เลย” แอรอนและเเคทลินพูดแล้วถอยหลังกรูดเพราะความกลัว

เรือนร่างบอบบางของโซอี้ก็สั่นสะท้านเช่นเดียวกัน “ใช่ เราจะเข้าไปข้างในได้ไง เราไม่มีบัตรเชิญเลยสักใบ”

“เธอบอกว่าจะให้โอกาสฉันเป็นครั้งสุดท้ายไม่ใช่เหรอ แล้วจะรู้ได้ไงถ้าไม่ลองดู” ลีวายยิ้ม

“ตกลง ฉันเชื่อใจเธอ” โซอี้จับมือลีวายแน่น

“เจ้าหน้าที่” เสียงของเมลานีดังขึ้นขณะที่ทั้งสี่คนเดินไปถึงจุดตรวจ “ถึงคนพวกนี้จะเป็นสมาชิกครอบครัวโลเปซ แต่คุณปู่ของฉันตัดขาดพวกเขาจากครอบครัวโลเปซแล้ว พวกเขาไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเรานะ”

“ใช่ เจ้าหน้าที่ พวกเขาไม่เกี่ยวข้องอะไรกับครอบครัวโลเปซ” แฮร์รี่พูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “ได้โปรดอย่าโกรธเราเลยนะ”

ลีวายหันไปมองแล้วเย้ยหยัน

ช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไร้หัวใจ

พอพวกเขาเดินไปถึงจุดตรวจเพื่อความปลอดภัย โซอี้ถึงกับหลับตา พูดตามตรง วันนี้เธอยอมตายดีกว่าต้องอับอายขายหน้า แอรอนและเคทลินก็มีอารมณ์ความรู้สึกเดียวกัน

แฮร์รี่และคนอื่นๆ ยังไม่ไปไหน พวกเขาซ่อนตัวอยู่ไกลๆ ตั้งใจจะดูแอรอนและครอบครัวของเขากลายเป็นตัวตลก

“ยินดีต้อนรับครับ คุณแกร์ริสันและครอบครัว คุณคือแขกผู้ทรงเกียรติสูงสุดของเรา ไม่จำเป็นต้องมีบัตรเชิญครับ”

พอได้ยินอย่างนั้น โซอี้ก็ลืมตาขึ้นแล้วเห็นพนักงานรักษาความปลอดภัยสิบกว่าคนยืนเรียงกันเป็นสองแถว แสดงความเคารพพวกเขาอยู่

ราวกับว่าพวกเขาเดินเข้าสู่แดนมหัศจรรย์โซอี้และพ่อแม่ของเธอเดินเข้าไปในพาราไดซ์วิลล่า

แฮร์รี่และคนอื่นๆ ที่กำลังรอดูการแสดงสนุกๆ อยู่ข้างนอก ต่างตกตะลึงพรึงเพริด

“พวกนั้น…พวกนั้นเข้าไปข้างใน เป็นไปได้ยังไง?”

ความจริงแล้ว โซอี้และพ่อแม่ของเธอมีความสุขมาก เมื่อเห็นใบหน้าเหลือเชื่อของครอบครัวโลเปซ

แอรอนมองไปรอบๆ อย่างยังคงไม่เชื่อ “นั่นเป็นเรื่องง่ายดายนะ แกทำได้ยังไง ลีวาย?”

ตอนนั้นนั่นเองที่พวกเขารู้สึกว่าลูกเขยของพวกเขามีประโยชน์อยู่บ้าง อย่างน้อยที่สุด พวกเขาก็ได้ไถ่ถอนตัวเองจากความอัปยศอดสูที่ได้รับ

เคทลินยิ้ม “ลีวายก็มีเส้นสายในนอร์ธ แฮมป์ตันมาก่อน ใช่ไหมนะ?”

“ถูกต้องแล้วครับแม่ ผมมีเพื่อน” ลีวายตอบ

โซอี้มองลีวายอย่างฉงน เธอมีสังหรณ์ใจว่าเรื่องนี้คงไม่ง่ายแบบนั้น

เขาแทบจะไม่มีเพื่อนสักคนที่ออกหน้ามาช่วยตอนที่กำลังลำบาก

มิหนำซ้ำยังมีหลายคนที่มาซ้ำเติมเสียอีก…

ใครล่ะที่ช่วยเขา?

ในวิลล่า โซอี้และพ่อแม่ต่างระมัดระวังทุกการเคลื่อนไหว เพราะพวกเขาคงไม่สามารถชดใช้ถ้ามีอะไรแตกหัก หรือไปทำให้ใครขุ่นเคืองในโอกาสแบบนี้

“โซอี้นั่นเธอใช่ไหม มาทำอะไรที่นี่ นี่ฉันตาฝาดไปรึเปล่า?”

ทันใดนั้น น้ำเสียงแสดงความประหลาดใจก็ดังขึ้นจากเบื้องหลัง

แววตาของโซอี้เต็มไปด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์เมื่อเธอเห็นคนที่ตรงเข้ามา คนทั้งสี่คนที่กำลังเดินมาทางเธอสวมชุดทักซิโด้และมีวางท่าราวกับเป็นราชวงศ์ คนที่เดินนำหน้าคือเดอร์ริค จอห์นส์ ลูกชายของประธานเอเป็กซ์ กรุ๊ป เขาตามจีบโซอี้มานานมาก เคยแม้แต่เสนอเงินหลายล้านเพื่อจะได้หลับนอนกับเธอ แต่เธอยังคงนิ่งเฉย เพื่อเป็นการแก้แค้นเดอร์ริคทำให้บริษัทที่เจริญเติบโตอย่างดีของโซอี้ต้องล้มละลาย

“ทำไมฉันจะมาไม่ได้ล่ะ” โซอี้ตอบอย่างเย็นชา

เดอร์ริคมองลีวายตั้งแต่หัวจรดเท้า “นี่สามีขี้คุกของเธอเรอะ เขาพาเธอเข้ามาเหรอ?”

พูดจบเขาก็เอนตัวเข้าไปใกล้โซอี้แล้วหัวเราะอย่างมีเลศนัย “ฉันไม่สนหรอกว่าพวกเธอเข้ามาได้ยังไง แต่ด้วยอำนาจของฉัน ฉันจะส่งสามีเธอกลับเข้าคุกแล้วให้เขาอยู่ในนั้นอีกสักสิบยี่สิบปีก็ยังได้”

โซอี้เชื่อว่าเดอร์ริคทำได้ ดูจากความสามารถและข้อได้เปรียบของเขา

“คุณต้องการอะไร?” โซอี้มองหน้าเขาอย่างไว้เชิง

“ถ้าเธอรับปากว่าจะอยู่กับฉัน ฉันสาบานว่าจะไม่ทำให้เขาเดือดร้อน ไม่อย่างนั้น ฉันจะส่งเขากลับเข้าไปแน่ๆ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนทวงบัลลังก์เทพ