ในมื้อเย็น แม่ของเขาหวังฮุ่ยตั้งใจทำอาหารจำพวกเนื้อสัตว์สองจานเพื่อเฉลิมฉลอง
เมื่อเห็น "อาหารจำพวกเนื้อสัตว์" ที่มีเนื้อเพียงไม่กี่ชิ้นบนจาน จางหยวนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวดใจ
ไม่ใช่ว่าเขาจะรังเกียจที่มีเนื้อน้อย
นับตั้งแต่จางหยวนกลายเป็นคนโง่ เพื่อรักษาอาการป่วยของเขา สองสามีภรรยาผู้สูงวัยก็ไม่กินเนื้อสัตว์เลยแม้แต่เพียงครั้งเดียว !
จางหยวนขยี้ตา แสร้งทำเป็นว่ามีทรายเข้าไปในดวงตา
“พ่อครับ แม่ครับ พรุ่งนี้ผมจะเข้าไปในเมือง! วันนี้ผมเก็บสมุนไพรจากบนภูเขามาได้เล็กน้อย ผมจะขายมันเพื่อหาเงิน!” จางหยวนกล่าว
เมื่อสองสามีภรรยาผู้สูงวัยได้ยินดังนี้ก็มองหน้ากัน และอดไม่ได้ที่จะพยักหน้า
ลูกของพวกเขาโตแล้วจริง ๆ !
แต่พวกเขาไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก สมุนไพรที่เก็บมาจากภูเขา จะขายได้สักกี่บาทเชียว?
ถ้าขายได้เงินเยอะ ทุกคนในหมู่บ้านก็คงจะไปขุดสมุนไพรบนภูเขาแล้ว
จางหยวนไม่ได้อธิบาย เกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก
หลังจากกินข้าวเสร็จ เขาก็แบกตะกร้าสะพายหลังขึ้นไปบนภูเขาอีกครั้ง
ตอนนี้พระอาทิตย์ตกดินแล้ว เขาจะต้องเก็บโสมป่ากลับมา ก่อนที่ฟ้าจะมืด
พอเดินมาจนถึงจุดที่โสมป่าอยู่ และเห็นว่าของปลอมที่ตนทำเอาไว้ไม่มีใครแตะต้อง จางหยวนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เขาปีนขึ้นไปบนหน้าผา มาที่ข้าง ๆ โสมป่า และขุดโสมป่าออกมาอย่างระมัดระวัง
หลังจากขุดโสมป่าทั้งหมดแล้ว จางหยวนก็มีสีหน้าที่เต็มไปด้วยคามเบิกบานใจ
อายุของโสมป่านี้ ยาวนานกว่าที่เขาคาดคิดเอาไว้เล็กน้อย เกือบจะสิบห้าหรือสิบหกปีได้!
การขายโสมป่าที่มีอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ขายในราคาหลายแสนบาทไม่ใช่ปัญหาเลย!
จางหยวนใส่โสมป่าลงในตะกร้าสะพายหลังของเขาอย่างระมัดระวัง แล้วใช้ผ้าฝ้ายที่เตรียมไว้ปิดเอาไว้ จากนั้นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
พอคิดว่าพรุ่งนี้จะเอาโสมป่าไปขาย แล้วจะมีเงินเข้าบัญชีเป็นแสนบาท เขาก็รู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก
วิกฤติการเงินของครอบครัว ก็จะคลี่คลายได้ในที่สุด!
เขาเดินกลับไปพร้อมฮัมเพลงเล็กน้อย เมื่อเดินไปถึงครึ่งไหล่เขา ท้องฟ้าก็มืดสนิทแล้ว
โชคดีที่ตอนเด็ก ๆ จางหยวนมักจะขึ้นมาเล่นอยู่บนเขาอยู่เสมอ จึงทำให้คุ้นเคยกับเส้นทางบนภูเขาเป็นอย่างดี
ถ้าเปลี่ยนเป็นคนที่ไม่คุ้นเคย อาจจะหลงทางในภูเขาก็ได้!
หลังจากที่เดินตามเส้นทางในความทรงจำแล้ว จางหยวนก็เดินลงมาจากภูเขา
พอใกล้ถึงตีนเขา ทันใดนั้น ก็มีร่างหนึ่งรีบวิ่งออกมาจากพงหญ้า แล้วกระโจนไปหาจางหยวน!
จางหยวนตกใจมาก และอยากจะเตะเท้าออกไปตามสัญชาตญาณ
แต่วินาทีต่อมา เขาก็ได้เก็บเท้ากลับมา
เพราะคนนี้คือ “หงส์ขาว” ตัวนั้นที่เขาเห็นในตอนกลางวัน!
ในเวลานี้ ในนัยน์ตาของเธอไม่ได้มีความเย่อหยิ่งเหมือนตอนกลางวันอีกต่อไป มีเพียงความใคร่อันแรงกล้าเท่านั้น!
“คุณเป็นอะไรไป?” จางหยวนถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
หลังจากได้ยินคำถามของจางหยวน นัยน์ตาของหญิงสาวแสดงความสับสนออกมาเล็กน้อย ต่อมาก็กลายเป็นความใคร่
ครู่ต่อมา เธอก็ทิ้งตัวไปที่บนร่างของจางหยวน และกอดเขาเอาไว้แน่น...
จางหยวนตกใจมาก เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ตอนช่วงกลางวันหญิงสาวคนนี้ยังใช้สายตาเหมือนมองคางคกมองเขาอยู่เลย แล้วทำไมถึงได้โอบกอดเขาในตอนกลางคืน?
เป็นไปได้ไหมว่า ที่ผู้หญิงคนนี้จะมีหลายบุคลิก?
หงส์ขาวที่เย่อหยิ่งในตอนกลางวัน กลับเป็นคนที่สำส่อนในตอนกลางคืน?
แต่จากนั้นไม่นาน จางหยวนก็ปฏิเสธความคิดนี้ เพราะผู้หญิงคนนี้ยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่!
เมื่อนึกถึงคำพูดของหญิงสาวสำส่อนที่สำส่อนกับชายสามคนในช่วงกลางวัน จางหยวนก็คาดเดาว่า หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า อาจถูกวางยา!
จางหยวนหวั่นไหวเล็กน้อย
เด็กสาวปลดกระดุมเสื้อของเขาอย่างงุ่มง่าม และลูบคลำไปทั่วร่างกายของเขา
“จุ๊จุ๊! ต้องกระตือรือร้นขนาดนี้เลยเหรอ? ดูเหมือนว่ายาจะมีพลังมาก!” สีหน้าของจางหยวนเต็มไปด้วยการหยอกล้อ
แต่ไม่ว่าเขาจะหยอกล้อแค่ไหน หญิงสาวในอ้อมแขนของเขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดี
เมื่อค้นพบข้อเท็จจริงนี้ จางหยวนก็ถอนหายใจทันที
แม้ว่าเขาจะไม่ชอบผู้หญิงที่ดูถูกคนชนบทคนนี้เลย
แต่ในเมื่อได้เจอกันแล้ว จะให้เขาไม่สนใจใยดี เขาทำไม่ได้จริง ๆ !
ช่วงเวลาต่อมา จางหยวนก็ตกอยู่ในภวังค์การจู่โจมของหงส์ขาวตัวนี้อย่างสิ้นเชิง...
ในขณะเดียวกัน
ชายสามหญิงหนึ่งที่จางหยวนเจอในช่วงกลางวัน ต่างก็พากันนั่งอยู่บนพื้นหญ้าบนไหล่เขาอย่างหดหู่
“เชี่ยแม่ง! สาวน้อยคนนั้นวิ่งไปไหนแล้ว? ตามหามาครึ่งค่อนคืนแล้วก็หาเธอไม่เจอ แถมพวกเรายังหลงทางอีก!” หวังปินคนที่ถูกเรียกว่านายน้อยหวังก่อนหน้านี้มีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธ
ผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ ก็กล่าวโน้มน้าวใจอย่างระมัดระวังว่า: "นายน้อยหวัง อย่าโกรธไปเลย! ก็แค่ฉู่เสวี่ยฉีคนเดียวเอง? ยังมีผู้หญิงดี ๆ อีกตั้งมากมายในโลกใบนี้!"
“หุบปาก! นังสารเลวหลินเหม่ยลี่! หากเธอไม่ตบอกรับรองว่าจะสามารถจัดการกับฉู่เสวี่ยฉีได้ ฉันจะมานอนบนภูเขาตอนกลางคืนไหม?”
หวังปินชี้ไปที่จมูกของผู้หญิงคนนั้นแล้วด่าทอ
เมื่อได้ยินดังนี้ หลินเหม่ยลี่ก็ไม่กล้าเอ่ยปากพูดอะไรอีก
เธอเองก็รู้สึกหดหู่ใจมากเช่นกัน
เห็นได้ชัดว่าฉู่เสวี่ยฉีโดนวางยาแล้ว ยาปลุกเซ็กส์กำลังจะออกฤทธิ์อยู่แล้ว
เธอแค่ออกไปส่งข่าวแค่แป๊บเดียว หลังจากกลับมาฉู่เสวี่ยฉีก็หายตัวไปแล้ว!
“นายน้อยหวัง ผมคิดว่า ฉู่เสวี่ยฉีจะต้องลงเขาไปแล้ว!” ชายสารเลวที่อยู่ข้าง ๆ เขาวิเคราะห์
หวังปินทำเสียงตะคอกอย่างเย็นชา: "นั่นคือสิ่งที่ฉันกังวลมากที่สุด! สาวน้อยฉู่เสวี่ยฉีนั่นกินยาปลุกเซ็กส์ "ฉันชอบกินฟืน"เข้าไป ถ้าพบกับผู้ชายคนไหน เธอจะต้องกระโดดเข้าไปกอดอย่างแน่นอน แล้วอีกฝ่ายก็จะได้ประโยชน์ไป!"
พอนึกถึงตรงนี้ฉู่เสวี่ยฉีอาจถูกคนอื่นทำมิดีมิร้ายไปแล้วก็ได้
หวังปินรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง!
เขาพยายามคิดแผนมาเป็นอย่างดี แต่สุดท้ายกลับปล่อยให้คนอื่นเก็บผลไม้ไป?
ในเวลานี้ หลินเหม่ยลี่ที่อยู่ด้านข้างก็รีบกล่าวปลอบใจว่า:
“เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้! นายน้อยหวัง พวกเราสามสี่คนต่างก็หาทางลงเขาไม่ได้ ฉู่เสวี่ยฉีไม่ค่อยมีสติ จะลงเขาไปได้ยังไง!”
ชายสารเลวอีกคนก็พยักหน้าเมื่อได้ยินดังนี้: "ที่หลินเหม่ยลี่วิเคราะห์ก็มีเหตุผล! ฉู่เสวี่ยฉีอาจจะยังอยู่บนภูเขา แต่อาจจะหลงทางเหมือนกับพวกเรา!"
“แม่งเอ๊ย! อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย! หลินเหม่ยลี่ ตอนนี้ฉันโกรธมาก!” หวังปินตบฝุ่นบนเสื้อผ้าของเขาอย่างแรง
หลินเหม่ยลี่แสร้งทำเป็นโกรธ สีหน้าท่าทางก็ยั่วยวนขึ้นมาทันที แจากนั้นก็เดินมาที่ตรงหน้าหวังปินแล้วปลดกระดุมเสื้อผ้าของตนออก
ใบหน้าของชายสารเลวสองคนที่อยู่ข้าง ๆ เต็มไปด้วยความอิจฉา
แต่หวังปินไม่ได้บอกให้พวกเขามาร่วมด้วย พวกเขาจึงทำได้แต่ดูอยู่ข้าง ๆ เท่านั้น

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แพทย์เซียนน้อยมือฉมัง