"ผมอยู่ตรงนี้" สิงหราชพูดพร้อมกับกุมมือของภรรยาไว้แน่น ตอนนี้เขาอยู่ในห้องผ่าตัด ..ใช่แล้ววันนี้คือวันผ่าคลอดของอัปสรสุดา
"หมอ หมอ ทำไมมือเมียผมสั่น" จังหวะที่ทีมแพทย์เริ่มผ่าตัด อัปสรสุดาก็มีอาการเกร็ง เพราะเธอยังหวาดกลัวกับการคลอดลูกคนแรก
ความรู้สึกในวันนั้นมันกลับมาอีกครั้ง แต่โชคดีที่วันนี้เขากุมมือเธอไว้
หญิงสาวได้แต่ส่ายหน้าเป็นสัญญาณบอกว่าเธอยังไหว อัปสรสุดามีสติตลอดเวลา เพราะเธอฉีดแค่ยาชา
หนังท้องของคนมีทั้งหมด 5 ชั้น และการกรีดนั้นก็ต้องกรีดทีละชั้น จังหวะที่กรีดไปชั้นที่ 4 หญิงสาวเกิดอาการสั่นอีกครั้ง
"หนาว" เธอพูดออกมาแผ่วเบามาก
"หมอ เมียผมบอกว่าหนาว"
คนที่เฝ้าดูอาการตรงนี้รีบเอายามาฉีดใส่สายน้ำเกลือ เพื่อเพิ่มอุณหภูมิในร่างกายให้ ..ที่เธอหนาวเพราะว่ากลัวมากจนเกิดอาการหวาดหวั่นความดันก็เลยเพิ่มขึ้น
"ดีขึ้นไหม" ใบหน้าของเขาแทบจะแนบชิดกับภรรยา เพราะเสียงของเธอพูดเบามาก เขาก็เลยต้องได้นั่งอยู่ใกล้
กว่ายาจะออกฤทธิ์กว่ายาจะทำอุณหภูมิเพิ่มขึ้น หญิงสาวก็ยังเกิดอาการสั่นอยู่แบบนั้น ..จนรู้สึกโล่งเมื่อทางทีมแพทย์ ได้ดึงเอาเด็กทารกในท้องออกมา
อุแว้ อุแว้ เสียงทารกร้องไห้ เมื่อร่างกายของเด็ก ออกมาสู่อุณหภูมิด้านนอก
"อักษร" คำแรกที่เธอมองเห็นลูก ซึ่งพยาบาลอุ้มมาให้ผู้เป็นแม่ได้เชยชม
และเหตุการณ์นี้ได้ถูกเก็บภาพไปตลอด เพราะเขาอยากจะเก็บไว้ให้ลูกๆ ได้ดู ว่าแม่ต้องลำบากแค่ไหนกว่าจะมีพวกเขาเกิดขึ้นมาได้
ห้องพักฟื้น
"อักษรหลานย่า" ตอนนี้คุณย่าอุ้มหลานสาวไม่ยอมวาง ส่วนคุณยายก็ยังมีหลานอีกคนให้กอด
ทางด้านคุณพ่อไม่ยอมห่างภรรยารักเลย เพราะตอนนี้อาการข้างเคียงของการผ่าตัด ทำให้เธออาเจียนไม่หยุด
เวลาผ่านไป จังหวะที่อัปสรสุดาลุกขึ้นกำลังจะไปเข้าห้องน้ำ น้ำคาวปลาที่เป็นสีเลือด ได้ไหลลงมาเปรอะพื้น เหมือนตอนที่คลอดหมาน้อย
"เดี๋ยวผมให้คนมาทำความสะอาดเอง" ชายหนุ่มรีบแจ้งออกไป ให้แม่บ้านมาทำความสะอาดคราบที่เลอะ
แล้วเขาก็พาเธอเข้าห้องน้ำ ทำธุระจนเสร็จเรียบร้อย ถึงพาออกมา
"..?..." พอออกมาจากห้องน้ำ อัปสรสุดาก็มองดูแม่บ้านที่กำลังทำความสะอาด ป้าคนนี้หน้าคุ้นมาก
"ป้าคะ" น้ำตาหญิงสาวไหลลงมาแบบไม่รู้ตัว เมื่อเห็นหน้าป้าแบบชัดๆ "ป้าจริงด้วย"
"คุณรู้จักเหรอ" สิงหราชถามภรรยาแบบสงสัย
เธอพยักหน้าให้กับสามีแล้วก็หันไปหาป้าคนนั้นอีกครั้ง "ป้าจำน้องได้ไหมคะ"
"จำได้ค่ะ" ป้าไม่กล้าพูดไปมากกว่านี้ เพราะดูฐานะของเธอไม่เหมือนเดิม และนี่คงจะเป็นสามีใหม่ ..ที่ป้าเข้าใจแบบนั้น ก็เพราะว่าอัปสรสุดาได้บอกไว้ว่าพ่อของหมาน้อยตายไปแล้ว
"ทำไมป้าถึงมาทำความสะอาดที่นี่"
"ป้าต้องหาเงินเลี้ยงหลาน พอออกจากโรงพยาบาลไม่นานลูกสาวป้าก็เสีย"
"คะ? ทำไมถึงเสีย"
"เกี่ยวกับการคลอดในครั้งนั้นแหละ" ป้าหยุดพูดแค่นี้เพราะไม่อยากจะรื้อฟื้นความทรงจำอันโหดร้าย "ป้าไปนะ จะได้ไปทำความสะอาดห้องอื่นด้วย"
"ป้าไม่ต้องทำอะไรแล้วค่ะ ตอนนี้หลานของป้าอยู่ที่ไหน อยู่กับใคร" เพราะหลานของป้ารุ่นราวคราวเดียวกับพยัคฆราช
"เรื่องราวมันเป็นยังไงกันเหรอลูก" แก้วกานดานั่งฟังมาสักพักแล้วก็เลยถามขึ้น
"ป้าคนนี้มีบุญคุณกับน้องมากค่ะแม่" อัปสรสุดาก็เลยเล่าให้ทุกคนฟัง ในขณะตอนที่เธอไม่มีใคร แถมยังถูกพยาบาลพูดบั่นทอนจิตใจ แต่เธอก็ยังมีป้าคนนี้คอยปลอบ และช่วยทุกอย่างแม้กระทั่งซักผ้าอ้อมของลูกชายให้
สิงหราชนั่งฟังเรื่องราวของเธออีกครั้ง ฟังทีไรเขาก็ได้แต่โทษตัวเอง ถ้าเขาตั้งใจตามหาเธอ เหตุการณ์พวกนี้คงไม่เกิดขึ้น
ที่อัปสรสุดาไม่ได้ติดต่อไปหาป้าอีกเลย เพราะเธอทำที่อยู่ที่ท่านให้ไว้หาย ตอนที่รีบตามดัมมี่กลับมาเพราะแม่ป่วยหนัก
[ขอข้ามไปตอนพิเศษคู่ 2 นะคะ เพราะว่าเรื่องราวต่อจากนี้ ไรท์จะนำไปเขียนในเรื่องของพยัคฆราช ซึ่งไม่ใช่ 12 ราศี]
..ดัมมี่มองเห็นแล้วว่า ถ้าเขาขืนยังอยู่ในตำแหน่งสารวัตรต่อไป คงต้องห่วงหน้าพะวงหลังเกี่ยวกับเรื่องภรรยา เพราะโรมันจะพานาฬิกากลับไปต่างประเทศด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไฟแค้น