เครื่องเพชร?
ฉันขมวดคิ้วเบาๆ ตะเบ็งเสียงพูดกับฟู่ฉีชวนที่เพิ่งเดินเข้าห้องน้ำ "ฉีชวน พี่จินอันมาค่ะ ฉันลงไปดูก่อนนะ"
เรียกได้ว่าเกือบจะวินาทีต่อมา ฟู่ฉีชวนก็กระโจมออกมา สีหน้าของเขาเย็นชาอย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน
"ผมไปเองก็ได้ คุณไม่ต้องสนใจหรอก ไปอาบน้ำเถอะ"
ชายหนุ่มที่อารมณ์มั่นคงและสุขุมมาโดยตลอดเวลาที่อยู่ต่อหน้าฉัน แต่น้ำเสียงของเขาแฝงไว้ด้วยอารมณ์บางอย่างที่ยากจะอธิบาย ราวกับทั้งหงุดหงิดทั้งตึงเครียด
ความรู้สึกแปลกๆ ผุดขึ้นในใจของฉัน "ฉันอาบเสร็จแล้ว ยาสีฟันของคุณ ฉันก็เป็นคนเตรียมเอาไว้ให้เอง ลืมไปแล้วหรอ?"
"ก็ได้ครับ งั้นก็ลงไปด้วยกันนี่แหละ อย่าให้แขกต้องรอนานจะดีกว่า"
ฉันจับมือของเขาเดินลงไปชั้นล่าง
บันไดเป็นดีไซน์แบบบันไดวน ส่วนที่เป็นลักษณะโค้งในครึ่งล่าง ทำให้สามารถมองเห็นฟู่จินอันที่สวมชุดกระโปรงสีขาวบริสุทธิ์ หล่อนนั่งอยู่บนโซฟาอย่างสง่าผ่าเผย
เพราะได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวหล่อนก็เงยหน้าขึ้น เผยรอยยิ้มเงียบเชียบ เมื่อสายตาปะทะเข้ากับมือทั้งสองข้างของฉันกับฟู่ฉีชวนที่จับกันอยู่ แก้วน้ำในมือก็สั่นทันที จนน้ำชาในแก้วกระฉอกออกมาเล็กน้อย
"อ๊ะ..."
น่าจะเพราะค่อนข้างร้อน หล่อนจึงเผลอหลุดร้องเสียงหลงออกมา
ฟู่ฉีชวนดึงฝ่ามือของเขาในออกทันที แล้ววิ่งลงไปชั้นล่างด้วยความตื่นตระหนกและร้อนใจ จากนั้นหยิบแก้วน้ำออกจากมือของหล่อน "ทำไมโง่ขนาดนี้ แค่แก้วใบเดียวยังถือให้มั่นไม่ได้?"
น้ำเสียงของเขาจริงจังดุดัน ทว่าจับมือของฟู่จินอันได้ก็พาไปที่อ่างล้างหน้าโดยไม่ลังเล แล้วชำระล้างด้วยน้ำเย็น
ฟู่จินอันรู้สึกจนปัญญา อยากจะดึงมือกลับ "ฉันไม่เป็นไร เอะอะใหญ่โตไปได้"
"หุบปาก ถ้าไม่ระวังแผลลวกไหม้มันจะทิ้งรอยบนผิว รู้หรือเปล่า?"
ฟู่ฉีชวนตำหนิเสียงเย็น โดยที่ยังคงจับมือไม่ปล่อย
ฉันยืนอยู่บนขั้นบันได มองภาพช็อตนั้นด้วยความตะลึง รู้สึกมึนงงไม่น้อย
ราวกับมีภาพอะไรบางอย่างผุดเข้ามาในหัว
เป็นภาพตอนที่เราเพิ่งแต่งงานกัน ฉันรู้ว่าฟู่ฉีชวนท้องไส้ไม่ค่อยดี จึงเริ่มเรียนทำอาหาร
แม้ว่าที่บ้านจะมีป้าหลิวอยู่แล้ว แต่อาหารที่ป้าหลิวทำไม่ค่อยถูกปากเขานัก
คนที่เพิ่งเรียนได้ไม่เท่าไหร่ การจะเผลอทำมีดหั่นโดนนิ้ว หรือถูกลวกเข้าตรงไหนสักที่มักจะเป็นเรื่องที่ห้ามได้ยาก
ครั้งนึงไม่ทันระวังจนทำกระทะคว่ำ น้ำมันเดือดๆ ไหลตามการเคลื่อนไหวของฉัน จนสัมผัสโดนเข้าที่หน้าท้อง
เสื้อผ้าเปียกไปทั้งตัว มันร้อนมากจนใบหน้าของฉันบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด
ฟู่ฉีชวนได้ยินเสียง เพียงแค่เดินเข้ามา แล้วพูดด้วยความนุ่มนวลอย่างที่เป็นในปกติ "โอเคไหม? คุณไปล้างเนื้อล้างตัวก่อนเถอะ เดี๋ยวผมจัดการเอง"
อ่อนโยนใส่ใจ ทว่ากลับสงบและเรียบเฉย
บางครั้งฉันก็แอบรู้สึกว่า เหมือนจะมีอะไรบางอย่างที่มันไม่ใช่
แต่เพราะฉันแอบชอบเขามานานหลายปี ในสมุดโน้ตล้วนเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายที่พรรณนาถึงเขา
การที่ได้แต่งงานกับเขา ก็นับว่าพอใจมากแล้ว
จึงคิดไปเองว่า นั่นเป็นเพราะเขามีนิสัยเย็นชาและเก็บตัว
……
"ป้าเทเสิร์ฟน้ำมะนาวให้คุณจินอันนี่นา"
ที่ด้านข้าง คำพูดพึมพำของป้าหลิวดึงเอาความคิดของฉันกลับมา
ไม่รู้ว่าสายตาเริ่มเบลอตั้งแต่เมื่อไหร่ หัวใจก็ราวกับถูกมือที่มองไม่เห็นบีบอย่างแรง จนฉันหายใจไม่ออก
ดูสิ
เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเขาเป็นคนดึงแก้วน้ำออกจากมือของฟู่จินอันเอง แต่เพราะเป็นห่วงมาก จนลืมสังเกตุไปว่าน้ำในแก้วมันร้อนหรือเย็น
ฉันสูดหายใจลึก เดินลงบันไดอย่างช้าๆ จับจ้องไปที่พวกเขาคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม "ที่รัก ป้าหลิวเสิร์ฟน้ำมะนาวให้พี่จินอัน เป็นน้ำเย็น คงลวกผิวไม่ได้หรอก หรือคุณจะเป็นห่วงอีกว่าน้ำเย็นจะทำให้ผิวช้ำ?"
ฉันก็อยากอดกลั้น แต่มันกลั้นไม่อยู่จริงๆ สุดท้ายก็พูดเสียดสีออกไป
ฟู่ฉีชวนหยุดการเคลื่อนไหวทันที แล้วจึงปล่อยมือออก หลบสายตาของฉัน หันไปกล่าวโทษฟู่จินอัน "แค่น้ำเย็นหกใส่มือก็ต้องแหกปาก? เธอนี่มันสำออยจริงๆ"
ฟู่จินอันหันไปค้อนใส่เขาทีนึง แล้วหันมาหาฉันด้วยความอ่อนโยน "เขาก็เป็นแบบนี้แหละ ชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ไม่ต้องไปสนใจเขาหรอก"
พูดจบ หล่อนก็เดินมายังโต๊ะรับแขก หยิบกล่องกำมะหยี่ที่แค่ดูด้วยตาก็รู้ว่าราคาไม่ธรรมดาแล้วยื่นให้ฉัน
หล่อนเผยรอยยิ้มอ่อนโยน "สิ่งนี้ ต้องคืนสู่เจ้าของเดิมของมัน"
ฉันรับมาเปิดดูแวบนึง ทันใดนั้นเล็บคมก็ฝังลึกลงไปในฝ่ามือ
ความว้าวุ่นปั่นป่วนถาโถมเข้ามาในใจ
ผู้หญิงที่อยู่ในคลิป ก็คือฟู่จินอัน?
เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ฉันกดความรู้สึกเอาไว้ อยากจะยิ้มทว่ายิ้มไม่ออก
เมื่อคืนฉันยังบีบให้ฟู่ฉีชวนเอาสร้อยคอกลับมา เวลานี้สร้อยก็อยู่ในมือของฉันแล้ว แต่ฉันกลับไม่ได้รู้สึกโล่งใจเลยแม้แต่นิดเดียว
สายตาของฉันมองไปยังฟู่ฉีชวนอย่างค้นหา แต่ดวงตาของเขาลึกล้ำจนยากจะคาดเดา จากนั้นกยื่นมือมาโอบกอดฉัน
"ชอบไหม? ถ้าชอบก็เก็บไว้ ถ้าไม่ชอบก็ยกให้ใครไปก็ได้ ถึงยังไงของแค่นี้ไม่สะเทือนขนหน้าแข้งผมอยู่แล้ว ไว้ผมค่อยซื้อของขวัญชิ้นใหม่ให้คุณ"
"ค่ะ"
สร้อยเส้นนั้น สุดท้ายก็ถูกฉันโยนเข้าไปในห้องเก็บของ
บางที อาจะเป็นเพราะความเคลือบแคลงในใจฉันไม่ได้หายไปโดยสิ้นเชิงแต่อย่างใด
เพียงแต่เก็บมันไว้ชั่วคราว และมันย้อนกลับมาได้ง่ายๆ ในวันนึง เมื่อถูกสะสมซ้ำไปซ้ำมา
จนท่วมท้น
แต่ที่คิดไม่ถึงก็คือ วันนั้นมันจะมาถึงเร็วกว่าที่ฉันคิดเอาไว้
สมัยมหาวิทยาลัยฉันเรียนดีไซน์เนอร์ และได้เข้าฝึกงานในแผนกดีไซน์เนอร์ของบริษัทแซ่ฟู่กรุ๊ป
การแต่งงานกับฟู่ฉีชวนก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อแผนอาชีพการงานของฉันแต่อย่างใด
ผ่านมาสี่ปี ฉันได้ขึ้นเป็นรองผอ.ของแผนกดีไซน์เนอร์
"ผอ.หร่วน ไปกินข้าวไม่เรียกฉันเลยนะ?"
วันนี้ ฉันกินอาหารกลางวันที่โรงอาหารของบริษัท เจียงไหล เพื่อนสมัยมหาวิทยาลัย กำลังยกถาดอาหาร บิดเอวบางๆ นั่งลงตรงหน้าฉันอย่างมีจริต
"ฉันจะรีบกินรีบไปวาดแบบร่างให้เสร็จน่ะ"
หล่อนขยิบตาใส่ฉัน แล้วพูดอย่างจนปัญญา "อะไรกัน?"
"ช่วงเช้าฉันได้ยินแผนก HR บอกว่า เขาเลือกแคนดิเดทตำแหน่งผอ.ของแผนกดีไซน์เนอร์เอาไว้แล้ว!"
ใบหน้าแจ่มใสของหล่อนแผยรอยยิ้มกว้าง "ฉันเดาว่าต้องเป็นเธอแน่ ถึงได้มาแสดงความยินดีล่วงหน้านี่ไง? ร่ำรวย เฮงๆ ไปด้วยกันนะจ๊ะ"
"ก่อนที่ประกาศออกคำสั่งจะลงมา ใครมันจะคาดเดาได้ถูก? พูดให้มันเบาๆ หน่อย"
ผอ.ของแผนกลาออกไปเมื่อกลางเดือนนี้เอง ใครๆ ก็พูดว่า ตำแหน่งนี้ต้องเป็นของฉันแน่นอน
ตัวฉันเองก็ค่อนข้างมั่นใจอยู่เหมือนกัน แต่ก็แอบกลัวว่าจะมีอะไรที่เหนือความคาดหมาย
"จะเดาไม่ถูกได้ไง? อย่าว่าแต่เธอเป็นภรรยาท่านประธาน..."
หล่อนพูดได้ครึ่งนึงก็กดเสียงต่ำ เพราะเรื่องที่ฉันกับฟู่ฉีชวนแต่งงานกันไม่ได้เปิดเผยให้ใครรู้ สังคมภายนอกรู้แค่ว่าฟู่ฉีชวนคลั่งรักภรรยา ทว่าไม่รู้ว่าภรรยาของเขาคือฉัน
จากนั้น หล่อนก็อวยฉันไม่หยุด
"ตั้งแต่ที่เธอเข้ามาทำงานที่นี่ก็สร้างผลงานเป็นที่ประจักษ์ ทั้งออกแบบแบรนด์ ทั้งงานแฮนด์เมดสั่งตัด มีตั้งกี่บริษัทที่อยากจะแย่งตัวเธอ! แล้วทำไมแซ่ฟู่จะไม่เลื่อนตำแหน่งให้เธอ?"
ขณะที่เจียงไหลเพิ่งจะพูดจบ โทรศัพท์ของฉันกับหล่อนก็ส่งเสียงขึ้นมาพร้อมกัน
เป็นหนังสือประกาศคำสั่ง
เมื่อหล่อนเห็นตัวหนังสือตัวใหญ่ในอีเมล ดวงตาก็เป็นประกาย จับจ้องด้วยความตื่นเต้นขั้นสุด คิ้วก็ขมวดขึ้นมา แสดงออกถึงความเกรี้ยวกราดเพราะรู้สึกว่าไม่ยุติธรรม
"ฟู่จินอัน ใครกัน?"

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว