เรือนเหมยกุ้ย
เรือนเหมยกุ้ยคือเรือนนอนของไป๋ฟางเซียน ที่ชื่อว่าเรือนเหมยกุ้ยเพราะว่ารอบเรือนปลูกดอกเหมยกุ้ย เต็มไปหมด มีทั้งดอกสีขาวและดอกสีแดง สีชมพูมีเพียงเล็กน้อย ซึ่งนี่ก็ทำให้ไป๋ฟางเซียนชอบมาก เพราะดอกเหมยกุ้ยเป็นดอกไม้ที่นางชอบที่สุด
หลังไป๋ฟางเซียนกลับมาถึงเรือนนอนของตน นางก็ไปอาบน้ำอย่างอารมณ์ดี จนตอนนี้ที่จื่อถิงกำลังหวีผมให้ นางยังไม่หยุดยิ้มเลย
“ยิ้มอะไรกันเจ้าคะคุณหนู” จื่อถิงถามขึ้นอย่างสงสัย มือก็สางผมให้เจ้านายสาวไปด้วย ตั้งแต่คุณหนูหายป่วยและมีนิสัยเปลี่ยนไป จื่อถิงก็กล้าถามคุณหนูของตนมากขึ้น ไม่รู้ทำไมเช่นกัน แต่จื่อถิงชอบที่คุณหนูของนางเป็นแบบนี้ที่สุด
“จะมีอันใดเล่า ข้าก็ตลกหลี่เหวินหลางน่ะสิ”
“ท่านแม่ทัพมีอันใดตลกหรือเจ้าคะ”
“เจ้าไม่เห็นหน้าเขาหรือ เจ้าเห็นหน้าเขาหรือไม่ ตอนที่รู้ว่าข้าเป็นคนทำอาหารทั้งสามอย่างในวันนี้น่ะ เขาเหวอไปเลยนะ พูดแล้วก็ขำ หน้าเขาตลกบ้างเลย” ไม่พูดเปล่าเจ้าตัวยังหัวเราะด้วย ส่งผลให้จื่อถิงหัวเราะตามเช่นกัน
ท่านแม่ทัพไม่เคยลิ้มรสฝีมือทำอาหารคุณหนูของตนเลยสักครั้ง วันนี้ได้ลิ้มรสครั้งแรกทั้งยังถูกปาก จื่อถิงภูมิใจในตัวคุณหนูของนางจริง ๆ อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดถึงใบหน้าของแม่ทัพหนุ่มตอนเสียอาการเพราะรู้ว่าคุณหนูของนางทำอาหารนั้นก็ตลกจริง ๆ จนนางอดหัวเราะตามไม่ได้
สองนายบ่าวไม่รู้เลยว่าคำพูดของพวกนางเข้าหูของแม่ทัพหนุ่มทุกคำ หลี่เหวินหลางกำมือเข้าหากันแน่นมองไปยังร่างบอบบางที่กำลังหัวเราะตนอยู่อย่างหมายมาด คราแรกก็ตั้งใจจะมาพูดคุยตกลงอะไรบางอย่างกับนาง แต่หลังจากที่มาได้ยินอีกฝ่ายหัวเราะเขาเช่นนี้แล้ว ก็ลืมเรื่องที่ตั้งใจจะคุยไปเลย
ตั้งแต่แต่งงานกันมาร่วมหนึ่งเดือน เขาก็ไม่เคยเข้าหอกับนางสักครั้ง งั้นเข้าหอมันวันนี้เลยก็แล้วกัน
หลี่เหวินหลางจึงเดินเข้าไปในส่วนของห้องนอน นั่งรอบนตั่งเตียงอย่างหมายมาด
เค่อ ต่อมา ไป๋ฟางเซียนเดินเข้ามาในห้องนอน แล้วต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่ามีใครอีกคนนั่งรออยู่บนเตียง!
“หลี่เหวินหลาง! ท่าน... ท่านมาทำอันใดที่ห้องของข้า” นางถามพร้อมมองเขาอย่างหวาดระแวง คิ้วเรียวสวยของนางย่นเข้าหากันเสียจนใบหน้างามยับยู่ยี่
“ทำอันใดงั้นรึ... สามีเข้าห้องภรรยาจะทำอันใดได้เล่า เจ้าถามข้าเช่นนี้ ไม่แปลกไปหน่อยหรือ” ได้ยินคำตอบของอีกฝ่ายไป๋ฟางเซียนก็ชักสีหน้า นางมองไปยังแม่ทัพหนุ่มอย่างต้องการสำรวจพลางระมัดระวังตนเองมากขึ้น
“จะว่าไปแล้ว ข้ากับเจ้าก็ยังไม่ได้เข้าหอกันเลยนี่นา ไหน ๆ วันนี้ข้าก็มาแล้ว... เรามาเข้าหอกันดีหรือไม่”
“ฝันไปเถอะ! มาทางไหนออกไปทางนั้นเลยนะ” ไป๋ฟางเซียนปฏิเสธเสียงแข็งอย่างไม่ลังเล ทั้งยังขับไล่เขาอีกด้วย
หลี่เหวินหลางมุ่นคิ้วด้วยความไม่พอใจ ผุดลุกขึ้นจากเตียงย่างสามขุมเข้าหาเจ้าของร่างบอบบาง สายตากดดันที่เขาจับจ้องมาราวกับจะตรึงร่างของนางไว้
ไป๋ฟางเซียนที่เห็นอีกฝ่ายเดินเข้ามาหาตน ไม่ออกไปตามที่นางกล่าวไล่ ก็เร่งคิดหาวิธีเพื่อที่จะเอาตัวรอดทันที นางหลุบสายลงต่ำสายตากลอกกลิ้งไปมาหัวสมองแล่นเร็วจี๋
‘ตาบ้านี่ร้อยวันพันปีไม่เคยคิดมา วันนี้เกิดบ้าอะไรถึงได้มาที่นี่เล่า’ นางต่อว่าเขาในใจ เหลือบสายตามองคนตัวใหญ่ที่ยังไม่หยุดการก้าวเดินอย่างระแวดระวัง พร้อมจับจ้องเขาอย่างไม่คลาดสายตา
“ถอยหนีทำไมเล่า ไม่ปากเก่งแล้วรึ” ไป๋ฟางเซียนไม่ตอบ ยังคงถอยหลังต่อไปเรื่อย ๆ
“เจ้าจะถอยให้ได้อันใดขึ้นมา เป็นเจ้าไม่ใช่หรือที่อยากได้ข้าจนไปขอให้ท่านแม่เร่งจัดงานแต่งงาน พอถึงคราที่ข้าอยากเข้าหอบ้าง เจ้ากลับมาถอยหนีอย่างนี้งั้นรึ”
กึก!
คำพูดของหลี่เหวินหลางทำไป๋ฟางเซียนชะงักเท้า ก่อนที่มุมปากของนางจะกระตุกยิ้ม หญิงสาวหรี่ตาเล็กน้อยปรับเปลี่ยนสายตาที่จ้องอีกฝ่ายอย่างฉับพลัน สายตาของนางทำเอาแม่ทัพหนุ่มนึกหวั่นจนรู้สึกไม่แน่ใจว่าควรเดินเข้าไปหานางต่อดีหรือไม่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ