แม่นมฉีคุกเข่าลงกับพื้น ขอร้องหมอลี่ หมอลี่มองไปที่องครักษ์ทังหยาง ทังหยางพูดอย่างลำบากใจ: "หมอ ไม่ลองดูเหรอ?"
หมอลี่ยิ้มแหย ๆ "ลองดู? คนใกล้จะตายแล้วให้ข้ารับช่วงต่อ มันก็จะทำลายชื่อเสียงของข้าหมดสิ"
หลังจากได้ยินแบบนี้ แม่นมฉีร้องไห้เกือบจะเป็นลม หายใจหอบและตะโกนต่อไปว่า: "หลานชายผู้น่าสงสารของข้า!"
ลวี่หยาเดินเข้าไปปลอบ ช่วยประคองแม่นมฉีลุกขึ้นนั่งข้าง ๆ
แต่องครักษ์ทังหยางพูดกับหมอว่า: "เด็กคนนี้มีอาการปวดรุนแรงมาก ไม่ก็หมอช่วยสั่งยาเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดของเขา ข้างนอกจะไม่พูดถึงท่านแน่นอนว่าเคยช่วยเหลือไว้"
ทังหยางพูด ๆ อยู่ พร้อมกับยัดเงินเข้าไปในแขนเสื้อของหมอ
หมอลี่พูดขึ้นว่า "ถ้าความเจ็บปวดบรรเทาลงก็ถือว่าดี แต่ก็เปล่าประโยชน์ที่จะบรรเทาความเจ็บปวด เพราะเมื่อถึงเวลาก็ต้องไป"
“ใช่ ใช่ ใช่!” ทังหยางก็อยากให้หั่วเกอไปอย่างสบาย เด็กคนนั้นน่าสงสารจริง ๆ ก็เห็นกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ
หมอลี่กำลังจะเข้าไปเขียนใบสั่งยา แต่จู่ ๆ ประตูก็ปิดดังปั้ง ทั้งยังคล้องด้วยสลักประตู
ลวี่หยาจำลักษณะของเสื้อผ้าที่เห็นก่อนประตูจะปิด และตะโกนว่า "เป็นพระชายา"
แม่นมฉีได้เมื่อยินว่าเป็นพระชายา ก็ทั้งเสียใจทั้งโกรธ เธอรีบลุกขึ้นพุ่งไปที่ประตูอย่างกับสิงโตบ้า แล้วทุบประตูอย่างแรง “เปิดประตู เปิดประตู เจ้าต้องการอะไร”
เสียงของ หยวน ชิงหลิงมาจากข้างใน เสียงไม่ดัง พูดออกมาแค่สามคำ "มีทางรอด"
ในตอนนี้หมอลี่ยิ้ม ๆ “คนเหลือเวลาเพียงครึ่งลมหายใจ ยังมีทางรักษา? พระราชวังไหนหรอจะมีเทพเจ้ามาโปรด?
แม่นมฉีเดินกะโผลกกะเผลกมองทังหยางอย่างหมดหวัง “ท่านทัง ได้โปรดให้ใครมาพังประตูหน่อยเถอะ ข้าต้องการอยู่เป็นเพื่อนเขา เขากลัว!”
ทังหยางไม่คิดว่าพระชายาจะมาที่นี่ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ จะเล่นตลกอะไรกันแน่?
ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ฟังสิ่งที่ท่านอ๋องพูด
ถ้าอย่างนี้ อย่าโทษเขาแล้วกันที่จะรายงานต่อท่านอ๋อง
เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น "ลวี่หยาไปเชิญท่านอ๋อง ท่านอ๋องไม่อยู่ เราจะทำอย่างไม่มีมารยาทกับพระชายาไม่ได้ ไปเรียกคนสองสามคนมาพังประตู"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้หล้าสยบรัก