ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 33

"เจ้ายังมีกระไรจะพูดอีก?" องครักษ์เสวี่ยใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย หมุนตัวกลับมา จ้องมองโหลชีด้วยสายตาเย็นเยียบ

นาง เป็นนาง เป็นนางบีบบังคับให้ตนต้องทำเยี่ยงนี้ ถึงแม้หมอเทวดาจะอายุมากแล้ว และเป็นท่านหมอ แต่นางกลับต้องให้ชายอื่นดูเรือนร่างตนต่อหน้าชายผู้ที่นางรักใคร่เลื่อมใส มันช่างปวดร้าวใจยิ่งนัก!

ทั้งหมดนี้เป็นเพราะโหลชี เป็นเพราะนาง!

โหลชีเห็นแววตาองครักษ์เสวี่ยฉายแววเคียดแค้นอย่างแรงกล้า อดหน่ายใจไม่ได้ ดูท่านางกับองครักษ์เสวี่ยจะดวงชงกันตั้งแต่เกิด แต่ยังไงก็ไม่อยากเป็นเพื่อนอยู่แล้ว นางมาแนวไหน นางก็รับมือแนวนั้นเท่านั้น

ครั้งนี้แม้แต่แววตาที่อิงมองนางก็เริ่มแปลก

โหลชียังไม่ทันได้พูดอะไร ก็มีเสียงหัวเราะมาดร้ายดังขึ้นมา ลมพัดมาแผ่วเบา พกพากลิ่นอายที่ทำให้คนรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยมาด้วย

เพราะตอนนั้นโหลชีกำลังมองดูอิงอยู่ เลยได้เห็นสีหน้าเขาเปลี่ยนทันที พริบตาเดียวกระโดดไปยืนข้างองครักษ์เสวี่ยกับหมอเทวดา และยกพวกเขาทั้งคู่ขึ้น มือหนึ่งโยนพวกเขาเข้าไปในตำหนัก อีกมือปิดประตูตำหนัก

โหลชีเดาเรื่องได้ชัดเจน คนที่มาอันตรายมาก อันตรายจนทำให้แวบแรกอิงต้องรีบปกป้องชีวิตพวกเขาก่อน หมอเทวดาไม่มีวิทยายุทธ์ องครักษ์เสวี่ยได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นคนที่เขาจะปกป้องก่อนคือพวกเขาสองคน แต่นางก็อ่อนแอนะ ทำไมไม่ช่วยนางล่ะ? นี่คือเชื่อคำพูดขององครักษ์เสวี่ยแล้วหรือไง? คิดว่านางเป็นไส้ศึก?

ว่าแล้ว มิตรภาพที่มาทีหลังสู้ความสัมพันธ์หลายปีไม่ได้หรอก

โหลชีเบ้ปาก เมื่อกี้นางคิดจะถอยเข้าไป แต่ใครจะรู้ว่าพออิงพาสองคนนั้นเข้าไปแล้วก็ปิดประตูเลย! นางกับอิงนี่ดวงชงกันแน่นอน!

พอหมุนตัวกลับมา ก็เห็นชายชุดดำปิดหน้ายี่สิบแปดคนรายล้อมประคองผู้ชายในชุดเสื้อคลุมสีฟ้าคนหนึ่งลงพื้น และในหมู่ชายเหล่านี้ มีสองคนที่ใช้มือหิ้วคนหนึ่งมาด้วย ทั้งสองคนดูแล้วไม่มีบาดแผลอะไร แต่สองแขนสองขาอ่อนแรง ผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้าขาดวิ่น สภาพดูเละเทะมาก

โหลชีช่างสังเกต แวบเดียวก็มองออกแล้ว สองคนนั้นคือเจิงหลิวหยุนกับฮั่วหยูฉุน!

นางอดสบถด่าในใจไม่ได้

เจิงหลิวหยุนเป็นแม่ทัพแห่งพั่วอวี้ ฮั่วหยูฉุนเป็นหัวหน้าผู้คุมแห่งเขตเรือนจำ เรียกได้ว่าทั่วทั้งพั่วอวี้นอกจากสี่องครักษ์และเทียนยีผู้เป็นหัวหน้าหน่วยเจี่ย อี่ ปิ่งติง ถือเป็นขุนนางที่ใหญ่ที่สุดก่อนหน้านี้แล้ว ถือเป็นคนระดับสูง ตอนนี้กลับโดนศัตรูจับตัวไว้ในถิ่นของตนเอง นอกจากจะขายขี้หน้าตัวเองหมดแล้ว ยังขายหน้าพั่วอวี้กับเฉินซ่าด้วย

นางหันมองเฉินซ่า กลับเห็นเขาสีหน้าทะมึน ยังเป็นสีหน้าของน้ำแข็งหมื่นปีเหมือนเดิม เหมือนกับไม่เห็นสองคนนั้น สายตาเขาจับจ้องไปที่ตัวผู้ชายเสื้อคลุมสีฟ้าที่เป็นหัวหน้า โหลชีมองตามสายตาเขาไป ในเวลาเดียวกันเขยิบเข้าใกล้เขาไปทีละน้อยอย่างไม่ผิดสังเกต

สำหรับเทียนยีกับตี้เอ้อร์เหาะไปยืนข้างเฉินซ่า ขนาบข้างซ้ายขวา พวกเขาเองก็เตรียมพร้อมรับมือเหมือนกัน

หลังจากมองผู้ชายคนนั้นชัดเจน คิ้วของโหลชีก็ขมวดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

ผู้ชายคนนั้นหน้าตาไม่น่ากลัว ตรงกันข้าม เขาอายุราวสามสิบปี คิ้วยาว ดวงตานุ่มลึก จมูกเหยี่ยว ดูเป็นคนต่างแดน หน้าตาเรียกได้ว่าหล่อเหลา ผิวของเขาไม่ขาวเหมือนคนที่นี่ เป็นสีเหลืองข้าวโอ๊ตที่ดูสุขภาพดี เสื้อคลุมสีฟ้าปักลายเทพอสูร และเป็นเทพอสูรตัวนี้เองที่ทำให้ดวงตาได้รูปของโหลชีเบิกกว้าง และคาดเดาฐานะของคนคนนี้ได้

คนซีเจียง!

สรุปแล้ว ความรู้มากมายในโลกนี้เป็นนักพรตเลวพูดให้นางฟัง ตั้งแต่นางเป็นเด็ก นักพรตเลวก็ชอบเล่าเรื่องให้นางฟัง เรื่องมากมายเขาเล่าให้นางฟังทุกวัน เพียงแต่อาจจะเพราะสายตาและความสูงของนักพรตเลวในโลกนี้ค่อนข้างแปลก เพราะเขาเคยเล่าเรื่องซีเจียงหนานเจียง เคยเล่าเรื่องคำสาปหนอนกู่ เล่าเรื่องค่ายกล และเล่าเรื่องเล่าขานแปลกๆ หลายเรื่อง แต่กลับไม่เคยเล่าเรื่องพั่วอวี้หรือชื่อของพวกเฉินซ่าเลย ดังนั้นนางเลยไม่รู้จัก

ตอนแรกถึงนางจะเจอพวกเฉินซ่า แต่เพราะไม่เคยไปสัมผัสโลกภายนอก ดังนั้นเลยไม่รู้เรื่องภูมิหลังของพวกเขาว่า เกี่ยวข้องกับโลกนั้นที่นักพรตเลวเล่าให้ฟัง แต่พอนางมาถึงพั่วอวี้ เห็นค่ายกลกับคำสาปเหล่านั้น นางถึงได้เข้าใจ เรื่องพวกนี้นักพรตเลวเคยสอนนางแล้ว

ตอนนั้นที่นักพรตเลวเล่าเรื่องซีเจียงกับนาง เขาเล่าด้วยสีหน้ารังเกียจเคียดแค้นมาก ถึงเขาจะซ่อนมันไว้ลึกมาก แต่ก็ปิดบังสายตานางไม่ได้อยู่ดี นี่แสดงถึงอะไร แสดงว่านักพรตเลวต้องไม่ชอบซีเจียงแน่ บางทีคนซีเจียงอาจจะเคยทำร้ายเขาหรือคนที่เขารัก

ดังนั้นถึงผู้ชายคนนี้จะหน้าตาหล่อเหลา แทบจะเป็นแบบที่โหลชีชอบ แต่นางก็ไม่รู้สึกดีกับเขาเลย

"ฮะฮะฮะ ฝ่าบาทพั่วอวี้ ไม่เจอกันสิบปี สบายดีอยู่รึ?" ชายผู้นั้นมิมองใครเลย จ้องมองแต่เฉินซ่า

เฉินซ่าสายตานุ่มลึก เรียกชื่อเขาเสียงเข้ม "ซีฉางหลี"

ซีฉางหลี?

ใครน่ะ?

นางรู้แต่ว่าซีเป็นแซ่ของราชวงศ์แห่งซีเจียง พูดแบบนี้ หมอนี่เป็นราชวงศ์ของซีเจียง?

ในช่วงนี้ ในที่สุดนางก็ขยับตัวมายืนด้านหลังเฉินซ่า และถอยหลังไปสองก้าว ให้เขากับเทียนยียืนบังนางไว้ ถ้าไม่ต้องให้นางลงมือจะดีที่สุด เพราะได้ยินว่าราชวงศ์ซีเจียงเป็นกลุ่มคนที่คำสาปแก่กล้าที่สุด ถ้านางปะทะเข้าไป อาจจะรับมือได้ไม่ง่ายนัก

"มิพบกันสิบปี ฝ่าบาทวันนี้ยังคงดูองอาจ ทำให้คนเลื่อมใสจริงๆ " สายตาซีฉางหลีพลันวูบ มือหนึ่งซ่อนด้านหลังทำสัญญาณ ลูกน้องด้านหลังเห็นเข้าก็อึ้ง ก่อนมองดูเฉินซ่าด้วยสีหน้าเคร่งขรึมลงไป

มิใช่ว่าคำสาปในตัวเฉินซ่ากำเริบแล้วรึ? ตอนนี้เขากลับยืนนิ่งอยู่ที่นี่ และมิมีร่องรอยถูกคำสาปเลยสักนิด? เป็นไปได้อย่างไรกัน? หรือว่าคำสาปของเขาถูกถอนแล้ว? ไม่ เป็นไปไม่ได้

"ข้ามิชมชอบผู้ชาย ความรักขององค์ชายอย่าให้ผิดคนจะดีกว่า"

พรืด

โหลชีเกือบสำลักน้ำลาย

แต่เจ้าซีฉางหลีนั่นก็แปลกจริง เป็นผู้ชายด้วยกันหมด จะมาชมอีกฝ่ายองอาจทำไม? หรือว่าชอบในรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลาไม่ธรรมดา รูปร่างสูงโปร่งของเฉินซ่า? หรือว่าองค์ชายแห่งซีเจียงนี่จะเป็นเกย์?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ