ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 530

ตอนนี้พวกเขาก็ไม่มีหนทางส่งข่าวให้พวกฉินซูเป่า ไม่รู้ว่าพวกเขาถึงหรือยัง แต่คิดดูแล้วต่อให้พวกเขาเร่งรีบขี่ม้าไม่หยุดพักใดๆเลย เร็วที่สุดก็น่าจะต้องอีกสามวัน

สามวันต่อมาโหลชีกลับว่าจะตามวู๊วูไม่ทันแล้ว ตอนนี้นางร้อนใจอยากจะหาตัวประหลาดขนขาวให้เจอ แล้วซักถามหลายเรื่อง

เฉินซ่าฟังออกถึงความร้อนใจของนาง ตาหรี่เล็กลงอย่างครุ่นคิดหาทาง

ซวนหยวนฉงโจวชะงักก่อนบอก "ถ้าไงพวกเราตามไปก่อน แล้วเหลือสัญลักษณ์ไว้ให้กับแม่ทัพฉินและพ่อแม่ข้า"

บางทีตัวประหลาดขนขาวนั่นไม่ได้วิ่งไปไหนไกลก็โดนไอเย็นเยือกสกัดให้ลดความเร็วลงล่ะ? บางทีพวกเขาอาจจะไม่ต้องวิ่งตามไปไกลก็ได้

โหลชีพยักหน้าบอก "ข้าเองก็คิดอย่างนั้น ถ้าไงลงคะแนนเสียงตัดสินใจแล้วกัน"

ซวนหยวนฉงโจวหัวเราะออกมา บางครั้งเขาคิดว่าลูกผู้น้องสาวผู้นี้พิเศษนัก นางเป็นจักรพรรดินี สามีนางเป็นจักรพรรดิ จะอย่างไรซะ เขาก็ยังเป็นท่านอ๋อง คนอื่นเป็นองครักษ์ พวกเขาแค่ลงคำสั่งก็พอแล้ว ไหนเลยจะต้องลงคะแนนเสียงตัดสินใจอีก? ในสายตานาง อำนาจราชวงศ์เหมือนจะไม่ใช่อะไรที่เก่งกาจมาก

อันที่จริงหลังจากโหลชีโพล่งออกไปก็รู้สึกได้ถึงจุดนี้ นางยักไหล่กะพริบตาใส่เฉินซ่า "อันที่จริงข้าแค่เกลี้ยกล่อมท่านก็ได้แล้วจริงหรือไม่?"

เฉินซ่าโอบนางเข้าอ้อมกอด มือหนึ่งเชยคางนางขึ้น ประทับริมฝีปากลงริมฝีปากนางไป เสียงพูดที่ริมฝีปากดูคลุมเครือ "ข้าแค่กลัวเจ้าหนาว"

เหอะเหอะ คิดถึงความรู้สึกพวกเขาหน่อยได้หรือไม่?

พวกซวนหยวนฉงโจวกับอวิ๋นรีบหันหน้าไปทางอื่นทันที

โหลวซิ่นอารมณ์ดูหม่นหมองลง เฉิงสิบมองเขาอย่างสงสัย "ทำไมรึ?"

"เพื่อนข้า เจ้าว่ามาสิ ทำอย่างไรแม่นางเหยาเฟิงถึงจะชอบข้า? ถ้าไงข้าเลียนแบบวาจากิริยาเจ้าดีหรือไม่?" สายตาโหลวซิ่นหม่นหมองลง พูดเสียงต่ำ "ข้ารู้ นางชอบเจ้า"

เฉิงสิบอึ้งไป

อันที่จริงเรื่องนี้...เขารู้สึกได้อยู่แล้ว แต่เขาไม่คิดว่าโหลวซิ่นจะพูดออกมาตรงๆแบบนี้ ทำให้เขาเก้อเขินอยู่บ้าง

โหลวซิ่นเห็นเขาเงียบไป ก็ยกขาเตะก้อนหินกระเด็นไป พลางว่า "เพื่อนข้า พูดมาตามตรงเถิด ข้าเองก็ดูออกว่าเจ้ามิชอบนาง หากเจ้าชอบนาง ในฐานะเพื่อนกันข้าคงไม่หักหลังเพื่อนกันเองหรอกจริงหรือไม่?"

"อืม ข้าไม่ได้ชอบนาง"

เฉิงสิบไม่ได้ช่างพูดอย่างนั้นเหมือนโหลวซิ่น เงียบอยู่นานก็พูดออกมาได้แค่ประโยคเดียว

โหลวซิ่นเงยหน้ามองเขา "อันที่จริงข้าไม่ค่อยเข้าใจ เหยาเฟิงมีอะไรไม่ดีกัน? ทำไมเจ้าไม่ชอบนาง? เจ้าดูสิ นางงดงามใช่หรือไม่? นิสัยก็ดีใช่ไหม? และฝีมือไม่น้อยกระมัง? จักรพรรดินีของเรายังเคยชมเชยนางว่าเรียนรู้สิ่งต่างๆได้ไวยิ่ง"

ในสมองเฉิงสิบปรากฏภาพใบหน้าอิ้นเหยาเฟิง ที่โหลวซิ่นพูดเขาไม่อาจโต้แย้งได้เลย อิ้นเหยาเฟิงก็ดีอยู่ แต่ไม่รู้ทำไมเขากลับไม่เคยคิดจะรักใคร่ชอบพอนางเลย

"ไม่รู้จะพูดอย่างไร" เขาส่ายหัว

โหลวซิ่นอึ้ง ใช้ข้อศอกกระทุ้งเขา ถามเสียงต่ำอีกว่า "งั้นข้าจะถามเจ้าอีก เจ้าชอบชิวชิ่นเซียนไหม?"

คุณหนูรองชิว?

ในสมองของเฉิงสิบปรากฏภาพใบหน้าชิวชิ่นเซียนขึ้นมาอีก เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ย้อนถามกลับ "โหลวซิ่น เจ้าว่า ถ้าหากพวกเราแต่งงานมีเมีย ยังจะสามารถตามรับใช้ข้างกายฮองเฮาหรือไม่?"

"น่าจะได้กระมัง พระนางก็เคยพูดมิใช่รึ? พวกเราควรจะแต่งงานมีครอบครัว"

"แต่ถ้าหลังจากแต่งงานแล้ว มีเมียก็ต้องมีลูกกระมัง? เวลาเมียคลอดลูก พวกเราควรจะอยู่ข้างกายนางหรือไม่? เกิดตอนนั้นพระนางจะเดินทางเล่า?" สีหน้าเฉิงสิบจริงจังมาก "ยามลูกยังเล็ก หากพวกเราจะอยู่เป็นเพื่อนลูก เช่นนั้นจะยังมีเวลาตามเสด็จข้างกายจักรพรรดินีได้รึ? พระนางฮองเฮาทรงมีเมตตา หลังจากพวกเราแต่งงานแล้วต้องเสนอให้พวกเราพักผ่อนมากๆและกลับบ้านไปอยู่เป็นเพื่อนลูกเมียแน่ มีเรื่องอะไรก็จะไม่คิดถึงพวกเราก่อน หรือให้พวกเราไปทำแน่ ข้างกายนางจะมีองครักษ์คนใหม่ อีกอย่าง หากต่อไปจักรพรรดิฮองเฮามีองค์หญิงหรือองค์ชายตัวน้อยๆ พวกเราก็ไม่มีเวลาอยู่รับใช้ฝ่าบาทตัวน้อยๆใช่หรือไม่? อีกอย่าง..ถึงเวลานั้นพวกเราจะรักลูกของเราหรือรักองค์หญิงองค์ชายเล่า?"

นี่ดูเป็นการพูดอันยาวมากครั้งหนึ่งอย่างหาได้ยากยิ่งของเฉิงสิบแล้ว

โหลวซิ่นมองตะลึงอ้าปากค้าง ค้างเติ่งอยู่นานไม่ได้สติกลับมาสักที

ผ่านไปสักพักเขาถึงพึมพำบอก "แม่เจ้า ข้านึกว่าเจ้าสมองทื่อไม่คิดอะไร กลับไม่รู้เลยว่าเจ้าคิดไปไกลเยี่ยงนี้แล้ว สวรรค์"

แถมปัญหาเหล่านั้นเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลย เมื่อก่อนโหลชีเคยบอกพวกเขาว่า รอพวกเขาแต่งงานแล้วจะยังคงเป็นองครักษ์ของนางเหมือนเดิม ขอเพียงพวกเขายินดี นางพูดอย่างไร เขาก็ฟังอย่างนั้น ไม่เคยคิดปัญหาอย่างที่เมื่อครู่เฉิงสิบพึ่งเอ่ยเลย

แต่ตอนนี้ได้ยินเฉิงสิบพูดอย่างนี้แล้ว เขาก็เริ่มงง

ทั้งสองพากันเงียบลง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ