"นั่นคืออะไร?" เยว่ถามด้วยความสงสัย "ถ้าเป็นของปลอม เสิ่นเมิ่งจวินดูไม่ออกเหรอ?"
โหลชีพูด "มีใครเคยเห็นไขหินพันปีที่แท้จริงหรือ? ข้าก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน แต่มีข่าวลือไม่ใช่หรือ? เป็นสีขาวขุ่น มีหมอก ถ้าเจ้าต้องการ ตอนนี้ข้าจะผสมออกมาให้
"ผสมออกมาเหรอ?" เยว่เข้าใจความหมายของนาง และอดไม่ได้ที่จะพูดด้วยความประหลาดใจ "เจ้าคงไม่ได้หมายความว่า ไขหินพันปีนั้นเป็นฝีมือของมนุษย์สร้างและผสมออกมาเองใช่ไหม?"
ข้าไม่ได้พูดว่าไขหินพันปีนั้นเป็นสิ่งที่ผสมออกมา แต่ว่า ของที่เสิ่นเมิ่งจวินได้ไปนั้น เป็นของที่มนุษย์สร้างขึ้นและผสมออกมาเอง" โหลชีพูด "ของสิ่งนั้นสามารถเรียกได้ว่าเป็นพิษจริงๆ ถ้ากินเข้าไปแล้วจะทำให้มีความสุขมาก มีพลังมากขึ้น ความเจ็บปวดลดลง และดูเหมือนว่าจะแข็งแกร่งมากขึ้น แต่คุณสมบัติของยานั้นมีการระเหยได้ หลังจากระเหยแล้วมันจะฟื้นตัวกลับมาเหมือนเดิม แต่มันจะส่งผลเสียต่อร่างกาย"
เวลานางพูดมักจะมีคำบางคำที่พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่หลังจากที่ได้วิเคราะห์ดีๆก็รู้สึกว่าคำพูดนั้นใช้ได้ดี เช่นคำว่าระเหย ด้วยสติปัญญาความฉลาดของพวกเขา ยังสามารถเข้าใจมันได้
เฉินซ่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า "มีคนจงใจสร้างไขหินพันปีปลอมขึ้นมา"
"ใช่" โหลชีพยักหน้าและพูดว่า "ข้าเดาว่า เรื่องนี้มีการวางแผนไว้ล่วงหน้าแล้ว ผสมของปลอมออกมา ใครที่ได้มันไป ทุกคนจะมุ่งความสนใจไปที่บุคคลนั้น โดยเข้าใจผิดคิดว่าได้ไขหินพันปีไปแล้ว ด้วยวิธีนี้ก็จะไม่ต้องไปหาถ้ำน้ำแข็ง และจะได้ไม่ต้องไปหาไขหิน บุคคลนี้จะต้องใช้โอกาสและเวลานี้ค้นหาถ้ำน้ำแข็งอย่างสุดชีวิต"
พูดถึงเรื่องนี้แล้ว บุคคลนี้ฉลาดมาก นี่แหละที่เรียกว่าล่อเสือออกจากถ้ำ แต่ล่อเสือเป็นร้อยๆตัวนี่สิ ใจกล้ามาก แต่บุคคลนี้ก็ทำให้นางขุ่นเคืองใจโดยตรง และเพราะแผนการของเขานี้ ที่ทำให้นางลำบากไปด้วย ดังนั้น ตอนนี้โหลชีจึงตั้งใจแน่วแน่ที่จะเอาไขหินพันปีมาให้ได้ เหมือนดั่งที่เฉินซ่าพูด ตามนิสัยของนาง สิ่งที่ตัวเองไม่ได้ก็ต้องทำลาย และจะไม่มีวันปล่อยให้สิ่งของนั้นตกไปอยู่ในมือของผู้ที่ทำให้นางขุ่นเคืองใจ
นางก็เป็นคนที่โกรธง่ายและชอบพยาบาทมาก
"กล่าวคือ ในช่วงสามวันที่เจ้าถูกไล่ล่า มีใครบางคนกำลังแอบค้นหาไขหินพันปีแท้อย่างเงียบๆ และเจ้าก็ช่วยเขาล่อทุกคนออกไป" เยว่เลิกคิ้ว และอดไม่ได้ที่จะมองดูเฉินซ่า เห็นว่าออร่าในร่างกายของนายท่านกำลังจะเทียบเท่ากับทุ่งน้ำแข็งนี้
คนนั้น ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ยังไงก็ได้รุกรานสองคนนี้แล้ว ก็ต้องเอาตัวรอดเอาเอง
อย่างไรก็ตาม หากพบเขา ก็เตรียมรอหัวหลุดออกจากบ่าได้เลย!
โหลชีหัวเราะ "ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ไขหินพันปีปลอมไม่อยู่ในตัวเสิ่นเมิงจวินแล้ว"
เยว่พูด "นี่มันแน่นอนอยู่แล้ว อยู่ที่ตงชิง ยู่ไท่จื่อกับตงสือเหวินสองคนนี้ยังไงก็คงไม่ยอมเก็บสิ่งของนั้นไว้" นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ก่อนหน้านี้ที่จับตัวเสิ่นเมิ่งจวินไว้แล้วแต่ไม่ลงมือทำอะไรนาง เหตุผลที่ไม่เอาไขหินพันปี ก็เพื่อต้องการปล่อยให้สองพี่น้องต่อสู้แย่งชิงกันเองก่อน แต่เขาคิดไม่ถึงว่ามันจะเป็นของปลอม
"ไม่ใช่" โหลชีพูด "พวกเขามั่นใจเกินไปเลยทำผิดพลาด และพวกเจ้าก็เหมือนกัน เจ้าบอกมาสิ จิ่งหยาวเป็นคนยังไง?"
"จิ่งหยาว? ผู้หญิงที่ไร้สมอง" เยว่พูดอย่างดูถูกเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นจิ่งหยาวแห่งเขาปี้เซียนในระหว่างทาง แต่เมื่อเห็นท่าทางที่บ้าผู้ชายและไร้สมองของนาง ก็รู้สึกไม่มีอารมณ์ที่จะสนใจและมองนาง
เฉินซ่าส่ายหัว "ใคร? ไม่เคยเห็น"
โหลชี "....."
องครักษ์เยว่ "......"
นายท่าน ท่านนี่ร้ายกาจมาก คนอื่นตกหลุมรักเจ้าตั้งแต่แรกเห็น แต่ท่านกลับใช้เวลาไม่กี่วันก็ลืมนางไปซักแล้ว และยังบอกว่าไม่เคยเห็น! โหลชีอดไม่ได้ที่จะเห็นอกเห็นใจจิ่งหยาว
สิ่งนี้สามารถพูดได้กับเยว่เท่านั้น "เจ้าคิดว่านางไม่มีสมอง แต่ว่า ในสายตาของยู่ไท่จื่อและตงสือเหวิน ตั้งแต่ที่นางแอบล้วงไขหินพันปีปลอมในตัวเสิ่นเมิ่งจวินศิษย์พี่หญิงของนาง และ ยังให้ยู่ไท่จื่อยอมพูดเองว่า ใช้องครักษ์ลับทั้งสองคนของตัวเอง ส่งนางกลับไปที่เขาปี้เซียน"
"อะไรนะ?" เยว่ตกตะลึง เขาดูไม่ออกว่าจิ่งหยาวมีทักษะและแผนการที่ร้ายกาจถึงเพียงนี้
"ดังนั้น เรียนรู้ให้มากกว่านี้หน่อย เพื่อนรัก ในโลกนี้ สิ่งที่ซ่อนเร้นได้ลึกที่สุด คือหัวใจมนุษย์" โหลชีพูดว่า "นอกจากนี้ กังฟูที่แข็งแกร่ง กับการแอบล้วงสิ่งของ มันไม่ใช่เรื่องเดียวกัน"
"แล้วเรื่องนี้จะพูดยังไงล่ะ?" เยว่สนใจมาก "เจ้าหมายถึงมือเร็วไร้ร่องรอยหรือ?" (มือเร็วไร้ร่องรอย เป็นฝีมือขโมยของของโรจขโมย)
ทันทีที่เขาพูดจบ โหลชีก็กางมือออกไปข้างหน้า ในฝ่ามือ มีจี้หยกที่มีลวดลายวางอยู่นิ่งๆ องครักษ์เยว่ตั้งสติได้ก็ก้มหัวมอง และที่รอบเอวของตัวเองเหลือเพียงเชือกที่ว่างเปล่าเท่านั้น
เขากระตุกมุมปาก "เจ้าทำได้อย่างไร?" เห็นได้ชัดว่า เขาไม่เห็นนางเคลื่อนไหวเลย และเขาไม่รู้สึกอะไรเลย
โหลชียักไหล่และพูดว่า "อืม ก็สิ่งที่เจ้าพูดว่ามือเร็วไร้ร่องรอยไง"
แต่มากกว่านี้นางไม่ต้องการพูด จึงทำให้เยว่จนปัญญา ยิ่งกว่านั้น ใบหน้าเฉินซ่าเคร่งเครียด อยากให้นางรีบพักผ่อนเร็วๆ พอพูดขึ้นมามันก็พูดไม่จบสักที และฝ่าบาทเฉินก็กลายเป็นผู้ปกครองทันที
"นอนได้แล้ว!"
เยว่รีบหนีออกไปทันที
ในคืนนี้ แม้ว่าจะอยู่ในทุ่งน้ำแข็ง แต่โหลชีก็นอนหลับสบายมาก ไม่รู้สึกว่าหนาวเลย แต่รู้สึกอบอุ่นมาก นอนอยู่ในอ้อมกอดของเฉินซ่าหลังจากตื่นขึ้นมานางรู้สึกสงบสติอารมณ์ได้แล้ว แต่เมื่อเห็นแววตาที่เคร่งขรึมเล็กน้อยของเขา นางอดไม่ได้ที่จะผงะไปครู่หนึ่ง "เจ้านอนไม่หลับเหรอ?"
เฉินซ่าไม่ได้พูด กอดเธอและลุกขึ้นนั่ง หยิบเสื้อคลุมมาคลุมนางและส่งสัญญาณให้นางสวมมันไว้
โหลชีลุกขึ้นจัดดึงเสื้อผ้าตัวเองอย่างสับสน และสวมเสื้อคลุมไว้ ทันใดนั้นนางก็ค้นพบบางอย่าง ก่อนหน้านี้เวลานอนเขาจะอดไม่ได้ที่จะทำมือขึ้นลง มือใหญ่ของเขาจะล้วงเข้าไปในเสื้อผ้าของนางเพื่อลูบคลำ และบางทีก็จะลามกใช้ร่างกายท่อนล่างที่เร่าร้อนๆลูบไล้นาง ทำให้นางร้อนไปทั้งตัวจนนอนไม่หลับ แต่เมื่อคืนนี้เขาซื่อมาก ไม่แตะต้องตัวนางเลย แถมให้ความอบอุ่นกับนางทั้งคืน......
ในขณะที่เขาเดินออกไปโหลชีมองตามแผ่นหลังเขา และเม้มริมฝีปากด้วยความปิติยินดี เป็นไปได้ไหมว่าเขาต้องการให้นางนอนหลับสบายทั้งคืน ดังนั้นจึงไม่ได้นอนทั้งคืน และใช้กำลังภายในตลอดเพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่น?
ช่วงเช้ามีองครักษ์เตรียมอาหารเช้าไว้ให้แล้ว แน่นอนว่าไม่ใช่อาหารเลิศหรูอะไร และไม่ใช่รสชาติอะไร ข้าวที่พวกเขานำมา ก็แค่ต้มน้ำหิมะนำมาแช่ข้าวแล้วใส่เครื่องปรุงนิดหน่อย ไม่ได้อร่อยเลย แต่เมื่อเทียบกับสามวันก่อนของโหลชีนั้นดีกว่ามาก
"นายท่าน ต่อจากนี้ไปพวกเราจะค้นหาถ้ำน้ำแข็งต่อไปหรือไม่?"
"อืม" ไม่ใช่แค่ค้นหาถ้ำน้ำแข็ง แต่ยังต้องค้นหาคนๆนั้น และคนพวกนั้นด้วย คนที่กล้าใส่ร้ายผู้หญิงของเขา แต่ละคนต้องถือศีรษะมาให้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ