ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 132

"เจ้าอยากฆ่านางไม่ใช่เหรอ?" เยว่ถามด้วยความสงสัย

โหลชีต้องการฆ่าผู้หญิงคนนั้น มันไม่ใช่เรื่องเท็จ ก่อนหน้านี้เจตนาฆ่าของนางชัดเจนมาก

"ถูกต้อง" โหลชียอมรับ แต่นางยังไม่เข้าใจ หลังจากที่นางเข้าใจเรื่องบางอย่างชัดเจนแล้ว มันก็ยังไม่สายเกินไปที่จะฆ่า หากผู้หญิงคนนี้มีจุดประสงค์ นางจะต้องปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาอีก และตอนนี้นางก็ไม่ต้องรีบร้อน

แต่เมื่อมองไปที่เฉินซ่า นางก็ยังรู้สึกไม่พอใจ ไม่พอใจ และไม่พอใจมาก

ระหว่างทางออกจากหมู่บ้าน นางเดินข้างๆเยว่ แต่ไม่ได้เดินข้างๆเขา

เยว่รู้สึกมีความกดดันอย่างมาก เกือบยืดตัวไม่ตรง ด้านซ้ายคือโหลชีซึ่งเขาต้องการหลบหลีกยังไงนางก็ยังอยู่เคียงข้างเขา และด้านขวามีบรรยากาศอันเยือกเย็น นายท่านที่มีสีหน้าคร่ำเครียดขึ้นเรื่อยๆ

แต่โหลชีคุยกับเขาเป็นครั้งคราว เขารู้ว่านายท่านอยากจะถามว่าวันนั้นโหลชีหายตัวไปได้อย่างไร เขาเลยช่วยนายท่านถามออกไป โหลชีก็ยังให้ความร่วมมือ และพูดอธิบายโดยคร่าวๆ

"อุทยานเขาเฟิงหยุน? ไม่กี่วันมานี้มีข่าวลือ เจ้าสำนักแห่งอุทยานเขาเฟิงหยุนได้บัวเลือดเขาน้ำแข็งที่หายาก คาดว่ามีหลายคนจะไปเยี่ยมเยียมอุทยานเขาเฟิงหยุน เจ้านี่ทำได้ดีนัก ได้บัวเลือดแล้ว ยังส่งคืนไป?" เยว่อดไม่ได้ที่จะลูบหน้าผาก(โหลชีคิดว่าเป็นบัวหิมะนั่นแหละ เหตุผลเคยอธิบายไว้แล้วค่าา)

"บัวหิมะเขาน้ำแข็ง เป็นสิ่งของที่หายากบนโลกนี้จริงหรือ?" โหลชีรู้สึกงุงงน

"เจ้าคิดผิดหรือเปล่า มันไม่ใช่บัวหิมะ แต่เป็นบัวเลือด หากพูดผิดแค่คำเดียว สิ่งของนั้นก็มีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิง"

"อะไรนะ บัวเลือดเขาน้ำแข็งเหรอ?" โหลชีสับสนวุ่นวายชั่วขณะ ผ่านไปนาน นางก็ยังจำผิดพลาด! "บัวเลือดเขาน้ำแข็งมีประสิทธิภาพอย่างไร?"

"ของสิ่งนี้คือมันมีตำนานเล่าขานว่าสามารถช่วยชีวิตคน คนที่ใกล้ตายให้หาย ลมหายใจสุดท้ายของคนที่กำลังจะตาย แค่ใช้กลีบดอกบัวเลือดเพียงกลีบเดียวสามารถฟื้นคืนชีพได้ บาดแผลสาหัส ใช้เพียงสองกลีบเท่านั้นก็จะช่วยรักษาบาดแผลจนหายดี"

ว้าว นางคืนสิ่งดีๆเช่นนี้ให้กับหยุนเฟิงหรือ นางเป็นคนโง่หรือเปล่า! "ไม่รู้ว่าไปหาหยุนเฟิงเพื่อขอคืนได้ไหม เฮ้อ......" นางรู้สึกเสียใจแล้วเข้าใจไหม

ในขณะนี้ เฉินซ่าก็ถามด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม "หยุนเฟิงคือใคร?"

โหลชีนิ่งอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง แย่แล้ว เมื่อกี้ที่นางอธิบายไม่ได้พูดถึงหยุนเฟิง แค่พูดว่ามีคน คนคนนั้น แต่ตอนนี้ดันปากโป้ง ได้พูดชื่อออกมาแล้ว ถ้าไม่เอ่ยชื่อ ยังสามารถแสร้งทำเป็นไม่รู้จักคุ้นเคยกับฝ่ายตรงข้าม ไม่ใช่คนสำคัญอะไร แต่พอเอ่ยชื่อ ก็รู้สึกเหมือนกับว่าสนิทคุ้นเคยกันเลย......

องครักษ์เยว่พูดในใจว่าแย่แล้ว ตอนนี้เขารู้สึกแย่มากที่ยืนอยู่ตรงกลาง

"เจ้าหมายความว่า ระหว่างทางที่กลับ เจ้ากับเขาสองต่อสองอยู่ในเรือ และใช้เวลาทั้งคืนอยู่ด้วยกัน" น้ำเสียงของเฉินซ่าจริงจังขึ้นเรื่อยๆ

ทันใดนั้นโหลชีก็กัดฟันพูด ส่งเสียงตะโกนขณะที่เยว่กั้นอยู่ตรงกลาง "ข้าไม่ได้ต้มยาให้คนอื่น! และทำในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยทำมาก่อน!"

"ใครบอกเจ้าว่าข้าเป็นคนต้มยา?" เสียงเย็นชาของเฉินซ่าดังขึ้น

"เรื่องตลกชะมัด ข้าเห็นมากับตาตัวเอง ท่านถือชามยาออกมาไม่ใช่เหรอ......"

"ข้าแค่ถือครู่เดียว นางบอกว่ามันร้อนเกินไป เกือบจะคว่ำ ข้ารับไว้พอดีและได้ยินเสียงของเจ้า......"

ดังนั้น ความเข้าใจผิดนี้จึงเกิดขึ้นอย่างบังเอิญเช่นนั้น

"แล้วขี้เถ้าบนใบหน้าของท่าน......"

"ข้าก็ไม่รู้ว่ามันมีตั้งแต่เมื่อไหร่!"

"เอ่อ ฮึฮึฮึ" โหลชียิ้มเยาะ เยว่รีบถอยหลังไปสองก้าว โหลชีก็รีบประจบประแจงทันที กอดแขนของเขา ชั่วขณะก็อยากลบล้างคำด่าที่ว่าไร้เดียงสาของนางเมื่อสักครู่ "นายท่าน ที่แท้ก็ข้าเข้าใจท่านผิดไป......"

เฉินซ่าไม่กินไม้นี้ ยังทำสีหน้าเคร่งขรึม "หยุนเฟิงคือใคร?"

"ข้ารู้แค่ชื่อนี้ และไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร" นางอดไม่ได้ที่จะบ่นพึมพำ การหึงหวงนี่มันแก้ไขยากจริงๆ?

เยว่ที่อยู่ข้างหลังแอบจับที่คาง ความหึงหวงของทั้งสองคนปะทุพร้อมกัน ต่อไปเพราะเรื่องแบบนี้คงจะมีโอกาสต่อสู้และทะเลาะกันบ่อยแน่นอน? แต่ว่า นี่ไม่ใช่เรื่องดีอะไร นายท่านลืมสิ่งที่หมอเทวดาพูดแล้วเหรอ ผู้หญิงที่จะปรากฏในปีคี่เดือนคี่วันคี่?

ถ้าต่อไปเจอผู้หญิงคนนั้นจริงๆควรจะทำอย่างไร?

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เยว่ก็ขมวดคิ้วทันที

ในเวลานี้ก็ยังต้องหาโอกาสเตือนนายท่านหน่อย

แม้ว่าหมู่บ้านรกร้างนี้จะดูแปลกมาก แต่ดูเหมือนจะไม่มีอันตรายใดๆ พวกเขาออกจากหมู่บ้านแล้วก็ไม่เกิดเรื่องอะไร และมู่หลานก็ไม่ได้ตามมา

เพียงแต่ว่า หลังจากที่โหลชีออกจากหมู่บ้านแล้วก็หันกลับไปมอง ความรู้สึกแปลกๆแบบนั้นผ่านไปนานก็ยังไม่ลืมเลือน

"เฟยเหินกับท่าเสวี่ยล่ะ? แล้วม้าขององครักษ์เยว่ล่ะ?" โหลชีถามเฉินซ่า ถามเสร็จก็กังวลใจ หลังจากนั้นก็เอื้อมมือออกไปและจับข้อมือของเขาไว้ "เดี๋ยวก่อน ข้าจะตรวจท่านอีกครั้ง"

เรื่องนี้มันผิดปกติ เยว่ถูกพิษกู่แล้วถูกโยนออกไป แต่เฉินซ่ากลับไม่เป็นไร แล้วทำไมไม่ออกไปตามหา? ทำไมศพของผู้ที่ถูกฆ่า ถึงหายไปอย่างลึกลับ? ม้าสามตัวนั้นหายไปไหน? เฟยเหินเป็นสัตว์ที่เฉินซ่าขี่ตลอด ทำไมเขาถึงไม่สนใจล่ะ?

หมู่บ้านนี้ทำให้นางมีความรู้สึกแปลกๆ และยังพบกล่องเครื่องสำอาง และประตูสีดำสนิท ต้นมู่หลานที่มีชีวิตชีวาผิดปกติ คนที่ชื่อมู่หลาน มีหน้าตาพิมพ์เดียวกับนาง......

นอกจากนี้ ก่อนที่จะเข้าไปในบ้าน นางรู้สึกว่าไม่มีใครอยู่ในบ้าน แต่ว่าเฉินซ่ากับผู้หญิงคนนั้นอยู่ข้างใน......

โหลชีรู้สึกขนลุกอีกครั้ง

เป็นครั้งแรก ที่นางรู้สึกไม่มีความสามารถและหวาดกลัว

"โหลชี" เฉินซ่าจับมือนาง แรงนั้นทำให้โหลชีมองเขาโดยไม่ตั้งใจ เขาพูดอย่างเคร่งขรึม "ไปเถอะ ไปจากที่นี่แล้วค่อยคุยกัน"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ