ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 143

พวกเขาพุ่งเป้ามาที่บัวเลือดเขาน้ำแข็งนั่น แต่ตอนนี้ไม่เจอบัวเลือด กลับตกอยู่ในภาวะคับขันเยี่ยงนี้

คนพวกนี้เป็นคนฉลาดและวิทยายุทธ์ดี มิเช่นนั้นคงไม่ตามเฉินซ่ามา

พวกเขากระโดดออกมา แต่ตอนนี้คนออกมาแล้ว ยังต้องรอต่อไปเป็นเพื่อนพวกเขา มันทำให้พวกเขาลำบากใจนัก

ถ้าเกิด มีอันตรายอะไรรอพวกเขาอยู่จะทำยังไงล่ะ? พวกเขาโดนคนพวกนั้นที่ดื่มเหล้าเมาอาละวาดหาสตรีงามจนนอนไม่หลับไปแล้ว จากนั้นยังมีเรื่องแบบนี้ขึ้นกลางดึกอีก อกสั่นขวัญแขวนจนถึงตอนนี้ พวกเขาทั้งเหนื่อยทั้งกระหายน้ำทั้งหิว ไม่มีเรี่ยวแรงจะต่อกรกับอะไรแล้ว

เยว่ได้ยินคำพูดของเขาแล้ว สีหน้าร้อนรนเก็บเงียบ เขามองหยูห้วงนิ่งๆ พลางถามว่า "พวกเจ้าอยากจากไป?"

หยูห้วงพยักหน้า

"รู้รึไม่หากนายท่านของพวกเราอยู่ที่นี่ จะพูดว่ากระไร?"

เยว่หัวเราะบอก "เขาจะบอกว่า ได้ ไม่มีใครขวางพวกเจ้าไว้"

คำพูดนี้หมายความว่าอันใดกัน? จะไป ได้ ไปเองสิ ตอนนี้บนเรือไม่มีหนทาง? งั้นก็กระโดดลงน้ำไปสิ! ไม่เลย โชคดี

"รู้ไหมว่าโหลชีของพวกเราจะพูดว่าอะไร? นางจะบอกว่า ท่ากระโดดลงไปต้องให้งดงาม"

หยูห้วงสีหน้าดำทะมึน ถอยกลับไปเงียบๆ

สู้ พวกเขาสู้สามคนตรงหน้านี้ไม่ได้แน่ แล้วยังจะกล้ากระโดดลงไปจริงๆรึ? รอเถิด รอ

บรึ้ม

ท้องฟ้าพลันเกิดเสียงฟ้าผ่าระเบิดลง ยังไม่รอพวกเขารู้ตัว พายุฝนห่าใหญ่ก็โหมลงมา

ข่งซิวมองไปยังทางออกด้านหลังพลางว่า "ฝนนี่มาได้แปลกนัก ไม่ชอบมาพากล!" ระหว่างพูด สีหน้าเขาเกิดประกายประหลาดขึ้น น้ำเสียงแปรเปลี่ยนเป็นตื่นเต้น "นี่คือ นี่คือวิชาท่าไม้ตายของซวนหยวน! คาถาทะลุฟ้า! เมื่อก่อนเขาเคยบอกข้า! โหลชีต้องออกมาได้แน่ ต้องได้แน่!"

เขาตื่นเต้นอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นคิ้วกระตุกอย่างแรง นอกจากตื่นเต้นแล้ว ยังหันไปบอกท่านจินอย่างจริงจังว่า "อาจารย์อา ซวนหยวนเคยบอกกับข้า คาถาทะลุฟ้าต้องใช้ตบะทั้งหมดที่มีถึงจะใช้ได้ ต่อให้โหลชีออกมาได้ก็ไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดา นางเป็นคนช่วยชีวิตนี้ของข้าไว้ อีกครู่หนึ่งรบกวนอาจารย์อาคุ้มครองพวกเราด้วย" ฟังคำพูดเขา รออีกครู่หนึ่งโหลชีออกมาจะสูญเสียตบะทั้งหมดไป เขาคิดจะถ่ายทอดพลังภายในของตนให้แก่นาง!

เยว่กับท่านจินตกใจมาก

เยว่รู้สึกสับสนนัก เขายังไม่ทันได้ตื่นเต้นกับคำพูดประโยคแรกของข่งซิว ก็ได้ยินเขาพูดประโยคหลัง ในใจเขาโหลชีมีความสามารถทะลุฟ้าแล้ว ตอนนี้กลับจะบังคับนางให้ละทิ้งตบะทั้งหมดจึงจะหนีรอดได้งั้นรึ? นางพึ่งจะกินไขหินพันปีไปไม่นาน นี่เท่ากับว่า...

แต่ว่าข่งซิวกลับคิดจะถ่ายทอดตบะที่ฝึกฝนมาทั้งชีวิตให้แก่โหลชี ก็ทำเขาตกตะลึงไม่น้อย

"ความหมายของเจ้าคือ นังหนูชีได้รับการถ่ายทอดจากซวนหยวน?"

"ใช่ขอรับ อาจารย์อา โหลชีเป็นลูกศิษย์และลูกสาวบุญธรรมของซวนหยวน"

ท่านจินกำลังจะพูดต่อ ที่ทางออกมีเงาร่างบินจากในน้ำออกมา ไม่ ไม่ใช่ร่างเดียว เป็นสองร่างรวมอยู่ด้วยกัน!

"คือโหลชี!" ท่านจินร้องออกมา

"นายท่าน!" เยว่เองก็ตื่นเต้นมากเช่นกัน

"รีบช่วยเร็ว!" ข่งซิวสะบัดสองมือ ร่างเขาพุ่งไปทางโหลชีอย่างรวดเร็วราวกับเหยี่ยวนกเขา คนที่ลงมือในเวลาเดียวกันยังมีท่านจินและเยว่

พวกเขาได้ยินคำพูดของข่งซิวแล้ว เมื่อใช้คาถาทะลุฟ้า ต้องสละทิ้งตบะทั้งหมดที่มีในชีวิต! กลัวว่าโหลชีจะไม่มีแรงบินมาถึงเรือ พวกเขาต้องไปรับ

แต่ความเร็วของโหลชีกลับไม่ช้าไปกว่าพวกเขาเลย ในเวลาที่พวกเขาเหาะออกไป ร่างนางก็เหาะมาถึงที่นี่แล้ว

"พวกเจ้าทำอะไร?" โหลชีร้อง "กลับเรือกลับเรือ! รีบออกเรือเร็ว!ไ

นางร้องในขณะที่ขาแตะกราบเรือแล้ว และไม่ได้หยุดลงเลย พลันวิ่งไปทางห้องโดยสารห้องหนึ่ง

ทั้งสามคนที่กลับหลังตามนางมาพากันชะงักอึ้ง สายตาของเยว่กับท่านจินมองไปยังข่งซิวพร้อมกัน

ไหนว่าคาถาทะลุฟ้าไง? มิใช่บอกว่าต้องสูญสิ้นตบะทั้งชีวิตรึ?

ความเร็วของนางกลับเร็วยิ่งกว่าพวกเขา นี่มันเรื่องอะไรกัน?

ข่งซิวเองก็ไม่เข้าใจ ทำไมจึงเป็นเยี่ยงนี้? ซวนหยวนเคยบอกเขาไว้แบบนั้นนี่นา

ในเมื่อไม่เข้าใจ งั้นก็ถาม ลองไปถามดู

ใครจะรู้ว่าพอพวกเขาตามเข้าไปในห้องโดยสาร ก็เห็นโหลชีเอาเฉินซ่าที่หลังวางราบลงบนเตียง พลิกร่างเขาไป ใช้มือหนึ่งถอดเสื้อผ้าที่หลังเขาทั้งหมด

ทั้งสามคนยืนอยู่ทางเข้าด้วยสีหน้างุนงง พวกเขาเห็นอะไรเข้านี่? เห็นอะไร? ไหนว่าสูญสิ้นตบะทั้งชีวิตไง? ยังรุ่มร่ามกับผู้ชายได้ขนาดนี้? มาถึงก็ถอดเสื้อเขาเลย ไม่กล้ามองตรงๆเลยเนี่ย!

"โหลชี..." เยว่รู้สึกว่า ถึงความสัมพันธ์ของโหลชีกับนายท่านจะสนิทสนมเพียงใดก็ไม่มีปัญหา ในฐานะฝ่าบาทพั่วอี้ จะมีสตรีสักคนจะเป็นไรไป? อีกทั้งยังเป็นสตรีที่นายท่านชอบ? แต่ควรจะให้นายท่านเป็นคนเริ่มก่อนถึงจะถูกสิ แล้วนี่กลับให้โหลชีเป็นฝ่ายเริ่มก่อนมันเรื่องอะไรกันเนี่ย?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ