ผงสีแดงนั้น เป็นเหมือนปะการังเลือดที่เขารักมาก และผงแก้วสีเขียวนั้น ดูเหมือนจะเป็นพระพุทธรูปหยกชั้นเลิศนั้น!
"พุด!"
เหอชิ่งอ๋องไม่สามารถกลั้นเลือดได้ ในที่สุดเขาก็พ่นออกมาจากปาก มีเลือดกระจายไปทั่ว
"อ๊ะ เป็นใคร! เป็นใคร! ข้าจะสับเจ้าให้เป็นชิ้นๆ!สับให้เป็นชิ้นๆ!"
เขาแหงนหน้าลากเสียงยาว สุดท้ายก็พ่นเลือดออกมาอีก
ร่างโหลชีหยุดชั่วคราว และถามเฉินซ่า "ท่านได้ยินเสียงคนกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งไหม?"
สีหน้าเฉินซ่าไม่เปลี่ยนแปลง "ไม่ได้ยิน"
โหลชีหันหัวมองย้อนกลับไปที่จวนอ๋องเหอชิ่ง ยังเสแสร้งทำเป็นไม่รู้ ในเวลานี้นางรู้สึกเห็นใจเหอชิ่งอ๋องเล็กน้อย สมบัติที่อยู่ในห้องลับ ไม่รู้ใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะค้นหามาได้ และต้องใช้กลอุบายมากเพียงใดกว่าจะสะสมได้ แต่กลับถูกบีบจนเป็นผุยผง
แม้แต่นางก็ยังรู้สึกเจ็บปวดใจ แต่น่าเสียดายที่พวกเขาขนไม่ไหว ไม่เช่นนั้นถ้าขนมาจนหมดจะดีแค่ไหน
ยอดฝีมือที่ชายารองซ่งส่งมากำลังพาพวกเขาไปยังบ้านที่อยู่ข้างๆจวนอ๋อง เมื่อโหลชีเดินตามเข้าไปในบ้านซึ่งมีอุโมงค์ใต้ดินที่อยู่ใต้หินปลอม ก็เห็นใจเหอชิ่งอ๋องอีกครั้ง ผู้หญิงของเขาซื้อบ้านข้างๆ และยังสร้างอุโมงค์ใต้ดิน ทะลุสู่จวนอ๋อง และทะลุไปถึงนอกเมือง เขาไม่รู้เลยรึ
พวกเขาต้องการรถม้า แต่อยู่ในเมืองหลวงจินโจวไม่มีหนทางที่จะเตรียม แต่ชายารองซ่งสัญญาว่าจะเตรียมรถม้าให้พวกเขา แต่จะให้รถม้าพวกเขาเมื่อถึงนอกเมืองแล้วเท่านั้น
ทางเดินยาวมาก และเมื่อพวกเขาออกจากทางออก ก็พบว่าตัวเองอยู่นอกเมืองจินโจวแล้ว รถม้าสามคันจอดอยู่ข้างๆ
"พวกท่านรีบไปเถิด เหอชิ่งอ๋องไม่ได้โง่อย่างที่พวกท่านคิด และในไม่ช้าหลังจากที่เขายกกองทัพมา พวกท่านจะหนีไม่พ้น" หลังจากที่ยอดฝีมือที่นำทางพูดจบก็หันหลังกลับและมุดเข้าไปในอุโมงค์ใต้ดินนั้น
เมื่อเขาจากไป โหลชีก็พูดอย่างติดตลกว่า "ข้าเชื่อเรื่องนี้ ก่อนหน้านี้หากว่าเหอชิ่งอ๋องใช้ความคิดในเจ็ดส่วนเพื่อค้นหาพวกเรา และเมื่อเขาเห็นห้องลับของเขาแล้ว เขาจะใช้กำลังกายใจเต็มๆเลยเพื่อตามฆ่าท่าน
เฉินซ่าเหลือบมองนาง "ถ้าข้าถูกฆ่า เจ้าอย่าลืมว่าต้องตายตามข้าไปด้วย" ยังจะมายิ้มอย่างมีความสุข
ชั่วขณะโหลชีก็หน้ามืดทันที
เอะอะก็พูดแต่เรื่องให้นางตายตามไปด้วย? นางคัดค้านได้ไหม? ใครต้องการตายตามไปด้วย โลกมันกว้างใหญ่ขนาดนี้ นางยังเที่ยวไม่ทั่วเลย
ภายนอกตัวรถม้าดูธรรมดามาก แต่เมื่อเข้าไปแล้วพบว่าตกแต่งได้สะดวกสบาย
"ไม่รู้ว่าผู้หญิงแซ่ซ่งคนนั้นคิดอะไรอยู่ แต่ตอนนี้พวกเรายังต้องยอมรับความหวังดีของนาง" โหลชีขึ้นรถ เอนตัวในอ้อมกอดของเขา และถอนหายใจอย่างสบายใจ "ก่อนหน้านี้ให้เฉิงสิบและคนอื่นๆไปซื้อของกิน ตอนนี้สามารถเอามันออกมาและบรรเทาความตะกละของข้าได้แล้ว"
ทันทีที่นางพูดจบ เยว่ก็เปิดม่านและยื่นถุงผ้าให้ "เป็นอาหารว่าง ให้เจ้า"
โหลชีรับไว้อย่างมีความสุข เปิดมันออกมา ปรากฏว่าเป็นของอร่อยทั้งนั้น ดีใจมาก ใต้เท้าองครักษ์เยว่นี่สุดยอดมาก!"
เฉินซ่าทำเสียงเย็นชา
เขาไม่เคยเห็นผู้หญิงอย่างโหลชีมาก่อนเลย นางเป็นคนที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา บางครั้งหยิ่งทะนง บางครั้งก็เฉยเมย มีบางครั้งก็งี่เง่า บางครั้งก็ชอบแสดง บางครั้งนางก็ดูไร้เดียงสาจนไม่เข้าใจอะไรเลย และบางครั้งก็ดูเหมือนรู้มากกว่าใครๆ ดูเหมือนว่านางจะรักเงิน ขณะที่เขากำลังทำลายสมบัติล้ำค่ามากมายเหล่านั้น นางก็ยังลงมือช่วย ตอนนี้ก็เช่นกัน แค่ขนมเล็กน้อยก็ทำให้นางดีใจขนาดนี้
ต่างจากผู้หญิงทุกคนที่เขาเคยเห็น เขาสามารถพบด้านที่แตกต่างของนางทุกวัน
"ท่านทานไหม?" โหลชีหยิบขนมพุทราขึ้นมาถามเขา
เดิมทีเฉินซ่าไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ แต่เมื่อเห็นนิ้วที่ขาวและเรียวยาวของนางจับขนมพุทรา เขาก็เปลี่ยนความคิดทันที "ป้อนข้าสิ"
โหลชีไม่ได้ปฏิเสธ เงยหน้าขึ้น และยื่นขนมพุทราไปที่ปากของเขา เฉินซ่าก้มศีรษะลง กินนิ้วของนางเข้าไปในปากด้วย และเลียนิ้วของนางเบาๆ
มีร่องรอยของอาการชาจากปลายมือ ทันใดนั้นใบหน้าของโหลชีก็ร้อนผ่าว แม่งเอ้ย ประมาณว่ากินขนมพุทราสักชิ้นก็สามารถกระตุ้นความรู้สึกลามกได้!
ไหนบอกว่าเย็นชาและเย่อหยิ่ง!
"ไม่ป้อนแล้ว!"
"ถ้าเช่นนั้นข้าป้อนเจ้าเอง" ดวงตาของเขามีรอยยิ้มเล็กน้อย ก้มศีรษะลงและประกบริมฝีปากของนาง กัดขนมพุทราครึ่งหนึ่ง และอีกครึ่งหนึ่งป้อนเข้าปากนาง
"ไม่นะ" โหลชีเบิกตากว้าง นางต้องการจะบอกว่าข้าไม่ต้องการ แต่คนบ้าอำนาจเอาแต่ใจอย่างเฉินซ่าไม่มีทางยอมให้นางปฏิเสธได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ