"ถึงเถาทองม่วงจะดี และได้ยินว่าที่นั่นมีเถาทองม่วงจริงๆ แต่ไม่มีผู้ใดเคยได้มันมาจริงๆมาก่อนนี่ เถาทองม่วงที่โตเต็มที่แล้วหายากนัก" อิงบอก
"หากมันง่ายดายเพียงนั้น จะสามารถแทนที่แส้ทองฟ้าร้องของตันเอ๋อร์รึ? หายากมิได้หมายความว่าหาไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นครั้งนี้มิได้ให้โหลชีไปคนเดียว! ฮั่วซินก็ไปด้วย"
"อะไรนะ แม่นางฮั่วซินก็ต้องไป?"
"แน่นอนว่า โหลชีเพียงแค่หาเถาทองม่วงได้ที่รอบนอกเท่านั้น ฮั่วซินของเราต้องเข้าไปในหุบเทพมารรอบใน!"
คำพูดนี้ทำพวกเขาตกใจยิ่งนัก "แม่นางฮั่วซินเข้ารอบในไปทำอันใดกัน มันอันตรายมากนะ!" เยว่ขมวดคิ้วบอก น่าหลานฮั่วซินเป็นหนึ่งในผู้คัดเลือกจักรพรรดินี และยังเป็นผู้ที่พวกเขาคาดว่าจะได้มากที่สุด หากมิใช่เพราะฮูหยินผู้อาวุโสใหญ่ซึ่งเป็นแม่ของน่าหลานฮั่วซินเสียไปเมื่อสองปีก่อน ทำให้นางต้องไว้ทุกข์สามปี คราก่อนที่มีการจัดพิธีคัดเลือกพระสนมนางคงมาแล้ว
ฝ่าบาทของพวกเขาหากจะอภิเษกกับน่าหลานฮั่วซิน ภาวะคับขันของพั่วอวี้แทบจะสลายไปได้กว่าครึ่ง มีเขาเวิ่นเทียนเป็นทัพหนุน พวกเขารับหน้าที่ฆ่าฆ่าฆ่าก็พอแล้ว
อีกอย่างความงดงามเป็นหนึ่งไม่มีสองของน่าหลานฮั่วซิน นับว่าคู่ควรกับฝ่าบาทของพวกเขาที่สุด มิว่าจะด้วยส่วนตัวหรือส่วนรวม พวกเขาต่างรู้สึกว่าอนาคตจักรพรรดินีของตำหนักจิ่วเซียวเก็บไว้ให้น่าหลานฮั่วซินเหมาะสมที่สุดแล้ว
และในพิธีคัดเลือกพระสนมครั้งก่อนฝ่าบาทตั้งเงื่อนไขในการคัดเลือกไว้เยี่ยงนั้น ต้องเป็นวรยุทธ์ สามารถติดตามเขาไปรบได้ทุกที่ ต้องมีความดีความชอบ หลายอย่างนี้ขอเพียงระยะไว้ทุกข์ของน่าหลานฮั่วซินถึงกำหนด นางมีครบทุกข้อ การทำความดีความชอบก็มิยาก แค่เพียงนางนำอำนาจเขาเวิ่นเทียนมาเป็นทัพหนุนย่อมถือเป็นความดีความชอบอย่างหนึ่งแล้ว
เยว่มองโหลชีหนึ่งที ถึงตอนนั้นโหลชีเป็นเพียงแค่พระสนม
ยังไงซะ พวกเขาไม่หวังให้น่าหลานฮั่วซินเกิดเรื่องหรอก ตอนนี้พอได้ยินว่าน่าหลานฮั่วซินต้องเข้าไปในรอบในของหุบเทพมาร พวกเขามีหรือจะมิตกใจ
ขนาดเฉินซ่ายังขมวดคิ้ว หันมองฟ่านฉางจื่อเป็นเชิงขอคำตอบ
สีหน้าฟ่านฉางจื่อมิสู้ดีนัก ประหนึ่งไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจเยี่ยงนี้ของน่าหลานฮั่วซิน เขาจ้องเฉินซ่าเขม็ง ตะคอกอย่างโกรธจัดว่า "มิใช่เพราะเจ้าดอกรึ? ปีนี้ฮั่วซินเอาแต่คอยช่วยเจ้าตามหาตัวยา เพื่อหาตัวยาเหล่านั้น นางมักจะเดินกลางดินกินกลางทราย ฝ่าลมฝนหนาวเหน็บอยู่ด้านนอกเพียงลำพัง ครั้งนี้เคยตกหน้าผาเกือบตายมาแล้ว พอกลับถึงเขาเวิ่นเทียนทำพวกเราตกใจไปตามๆกัน เจ้ากลับดี มิถามไถ่นางใดๆเลย มาบัดนี้เอาแต่พะเน้าพะนอนัง..."
"เอาล่ะ หยุดเรื่องนี้ไว้ก่อน เดิมฮั่วซินไม่อยากให้ข้าพูดเช่นกัน บัดนี้นางเรียกโหลชีไปหุบเทพมาร เพียงเพราะนางเองต้องเข้ารอบใน ถึงเวลานั้นยังคุ้มครองโหลชีได้สักพัก เด็กคนนี้ดื้อรั้นจริงๆ นางบอกว่า ในเมื่อเป็นคนที่เจ้าปกป้อง นางก็ย่อมต้องปกป้องด้วย"
พวกเยว่ฟังแล้วซึ้งใจนัก พวกเขาไม่สงสัยคำพูดของฟ่านฉางจื่อ เพราะน่าหลานฮั่วซินต้องพูดอย่างนี้แน่ พวกเขายอมรับน่าหลานฮั่วซิน เพราะจิตใจดีงามและความใจกว้างของนา
โหลชีหลุบตาลงไม่พูดจา
พวกเยว่อิงและเสวี่ยสามคนหันไปมองเฉินซ่าโดยพร้อมเพรียง เฉินซ่ากลับมองโหลชี พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย
"ในเมื่อในหุบเทพมารมีของที่ข้าต้องการ ข้าไปหาเองก็ย่อมได้" โหลชีเงยหน้ามองเขา
"นายท่านมิได้" เยว่เป็นคนแรกที่คัดค้าน "ก่อนหน้านี้พวกเราออกจากพั่วอวี้มาแรมเดือนแล้ว บัดนี้อำนาจต่างๆในทุ่งป่าเถื่อนของพั่วอวี้พากันมีการเคลื่อนไหว เวลาหลายเดือนก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่าพวกเขาจะตระเตรียมการอย่างใดไปแล้วบ้าง ในสถานการณ์เช่นนี้หากนายท่านยังจะออกเดินทางไกลอีก เกรงว่าเมืองพั่วอวี้จะมีอันตราย"
อิงพยักหน้าเสริม "ใช่ นายท่าน คนพวกนั้นไม่พบนายท่านเป็นเวลานานก็มีบางคนกดดันมากเกินไป หากเวลาเนิ่นนานไปกว่านี้ ข้าเกรงว่าพวกเขาจะโดนศัตรูล่อลวงจนเกิดความคิดที่จะทรยศหักหลังได้"
เฉินซ่ารู้ว่าพวกเขาพูดมีเหตุผล ตอนกำลังจะเอ่ยปาก อิงเดินขึ้นหน้ากล่าวว่า "ข้าจะไปหุบเทพมาร และนำคนไปตามหาเถาทองม่วง"
"เจ้าบอกเจ้าจะไป เขาเวิ่นเทียนเห็นด้วยรึ?" โหลชีที่ปิดปากเงียบมาตลอดพลันยิ้มขึ้นมา นางหันมองฟ่านฉางจื่อ "ข้าพูดมิผิดกระมัง? ต้องให้ข้าไปเท่านั้นใช่หรือไม่?"
"เพราะเจ้าทำลายแส้ทองฟ้าร้องของตันเอ๋อร์ มิควรให้เจ้าไปรึ? อีกอย่าง การเดินทางไปรอบในหาตัวยา มิว่าผู้ใดก็สามารถไปได้หรือไร? ฮั่วซินเป็นอัจฉริยะวิทยายุทธ์อันดับหนึ่งไม่มีสองของเขาเวิ่นเทียนเรา วิทยายุทธ์ของนางอยู่เหนือข้า ถึงพอจะมั่นใจว่าจะเข้าไปในรอบในของหุบเทพมารได้"
ฟ่านฉางจื่อมองอิงพลางพูดเย้ยหยันว่า "เจ้าคิดว่าวิทยายุทธ์เจ้าเหนือชั้นกว่านางรึ?"
ใบหน้าอิงแดงก่ำขึ้นฉับพลัน สำหรับเขาแล้ว จะให้ยอมรับว่าเทียบชั้นสตรีนางหนึ่งไม่ได้นั้นออกจะขายหน้าอยู่บ้าง ถึงแม้ว่าฐานะสตรีนางนั้นจะมิธรรมดา
องครักษ์เสวี่ยที่ยืนไม่สบอารมณ์อยู่ด้านข้างกลับต้องกล้ำกลืนความไม่ยอมแพ้กลับลงไปเพราะคำพูดนี้ ทั้งใต้หล้ามีน่าหลานฮั่วซินแค่คนเดียวเท่านั้น นางมิมีหนทางแย่งชิงกับน่าหลานฮั่วซินได้เลย นังแพศยาโหลชีนั่นถือดีอะไรมาแย่งชิงกับนาง?
ความไม่ยอมแพ้เล็กน้อยที่องครักษ์เสวี่ยมีต่อน่าหลานฮั่วซินแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธแค้นที่มีต่อโหลชี
"ในเมื่อเป็นเช่นนี้..." ถึงโหลชีจะไม่เคยเจอน่าหลานฮั่วซินมาก่อน แต่ตอนนี้นางนับถือผู้หญิงคนนี้จริงๆ นางหาจังหวะได้ดียิ่ง ปิดทางหนีทีไล่ทุกที่หมดแล้ว เรื่องที่หามานี่ก็ได้จังหวะดี ทำให้พวกเขาไม่มีหนทางปฏิเสธได้เลย ทำให้นางจำเป็นต้องไป และมีแค่นางเท่านั้นที่ไปได้
ราวกับรู้ว่านางจะพูดอะไร เฉินซ่าพลันพูดเสียงต่ำว่า "อย่าลืมว่าข้าขาดเจ้าไม่ได้"
พอพูดคำนี้ออกไป พวกเยว่พากันตะลึง จริงสิ ทุกวันที่สิบห้า นายท่านต้องการโหลชีนี่นา ครานี้จะทำเยี่ยงใดดี?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ