ดอกลึกลับจะพบได้เฉพาะหุบเขาลึกลับทุกๆ สิบปีจะเติบโตหนึ่งช่อ หากช่อนี้ใช้ไม่ได้ ต้องรออีกสิบปี! แต่พิษในร่างกายของเฉินซ่าไม่สามารถรออีกสิบปีค่อยมาแก้ไข ถึงเวลานั้นพิษกู่มันอาจจะกำเริบหนัก เทพเทวดาก็คงช่วยชีวิตเขาไม่ได้! ดอกลึกลับเป็นวัสดุยาที่จำเป็นสำหรับการถอนพิษ และไม่มีวัสดุยาใดๆ สามารถทดแทนได้!
ดังนั้น ทันทีที่ได้ยินว่าดอกลึกลับเด็ดมาโดยเปล่าประโยชน์ หลายคนก็จมดิ่งกับความเศร้า
"เรื่องนี้ไม่ต้องป่าวประกาศออกไป" ผ่านไปตั้งนาน เฉินซ่า ก็ค่อยๆ พูด
คนอื่นๆ มีสีหน้าซีดเซียว แต่สีหน้าของเขาดูปกติ บางที เขาอาจเคยชินกับความเป็นความตาย แม้ว่าเขาจะไม่เต็มใจที่ตัวเองต้องมาตายแบบนี้ แต่เรื่องยังไม่ถึงวินาทีสุดท้าย เขาไม่อาจปล่อยให้ตัวเองล้มเหลวเพราะดอกไม้ช่อเดียว
"แต่ว่า อีกครึ่งเดือนจะเป็นพิธีคัดเลือกพระสนม เมื่อถึงเวลานั้นท่านอ๋องทั้งหลายก็จะมา ถ้าเวลานั้นพิษของฝ่าบาทกำลังกำเริบ ……" เดิมทีคิดว่ามีดอกลึกลับแล้วอย่างน้อยช่วงเวลานั้นเอาดอกหนึ่งกลีบไปกลั่นเป็นยาหนึ่งเม็ดสามารถใช้เป็นยาระงับพิษชั่วคราว อย่างน้อยก็รับรองได้ว่าพิษไม่กำเริบกลางดึก แต่ว่าตอนนี้ดอกลึกลับไร้ประโยชน์ ในตอนนั้นควรทำอย่างไร? ในเวลานั้น ท่านอ๋องทั้งหลายจะไม่ปล่อยโอกาสนี้ไปอย่างแน่นอน
หลายคนคิดเรื่องนี้พร้อมๆ กัน ชั่วขณะก็เหงื่อแตก
เฉินซ่าพูดอย่างเข้มแข็งไม่ยอมแพ้ "พวกเขามาแล้วทำไม ในอาณาเขตของข้า จะปล่อยให้พวกมันมาอาละวาดรึ?"และในเวลานี้สมองของเขามีใบหน้าของหญิงสาวในลักษณะต่างๆ คนหนึ่งปรากฏขึ้น
นอกจากนี้ เขายังมีนาง
แบกนางต่อสู้ เขาอาจไม่แพ้ นอกจากนี้ผู้หญิงคนนั้น ก็ไม่ธรรมดา
แต่คำพูดของเขาไม่สามารถทำให้อารมณ์ของอิงสงบลงได้ ถึงแม้อีกครึ่งเดือนพิธีคัดเลือกพระสนมจะผ่านไปได้ หากไม่มีดอกลึกลับ ไม่สามารถถอนพิษ ฝ่าบาท……ก็คงต้องตาย
สิ่งนี้ทำให้หัวใจของพวกเขาจมดิ่งกับความเศร้า
หัวใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
ดวงตาของเสวี่ยแดงก่ำ
แม้ว่าเฉินซ่าจะสงบนิ่ง แต่ในใจก็รู้สึกผิดหวังอย่างมาก และอารมณ์ก็หดหู่สุดๆ จึงโบกมือและพูดว่า "ออกไปให้หมด"
"ฝ่าบาท……"
"นายท่าน……"
"ออกไป" เฉินซ่าโบกมือ
หลายคนก้มหัว ก้าวถอยหลัง เมื่อองครักษ์เสวี่ยมาถึงประตูก็กัดริมฝีปากล่างแล้วหันกลับมา นางหวังเป็นอย่างยิ่งว่าในเวลานี้ตัวเองจะได้อยู่ข้างกายนายท่านแม้จะอยู่เป็นเพื่อนกินเหล้าก็ตาม แต่นางก็เข้าใจนายท่านเวลาเขาอารมณ์ไม่ดี ไม่ชอบให้ใครมาอยู่ใกล้ๆ รวมทั้งนางด้วย
หลายคนถอยออกไป และเดินไปที่ประตูตำหนักสาม อิงเดินอยู่แถวหน้าสุด และเกือบจะชนกับโหลชีที่กำลังเดินเข้ามา
"โหลชี ในเวลานี้ควรหาสถานที่ให้ตัวเองอยู่ อย่าไปรบกวนนายท่าน" อิงเห็นโหลชีได้เปลี่ยนชุดสาวใช้ในตำหนักสอง ตอนแรกแทบจำไม่ได้ แต่ก็แปลกตา เมื่อจ้องมองดีๆ ดูออกว่าเป็นนาง ทันใดนั้นก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้น ใช่สิ เขาลืมได้ไง ยังมีคนคนหนึ่งที่เป็นยาแก้ปวด ถึงตอนนั้นนางแค่อยู่เคียงข้างนายท่านตลอดก็พอแล้ว!
ในเมื่อเป็นยาที่มีประโยชน์มาก เขาจึงไม่อยากให้นางเกิดอุบัติเหตุ ในเวลาที่นายท่านอารมณ์ไม่ดีใครทำผิดทำอาจถึงตายได้
"เกิดอะไรขึ้น? เขาบอกให้ข้าเก็บข้าวของเสร็จแล้วมาหาเขา" ในขณะนี้โหลชีอยากหาเฉินซ่าต้องการคุยกับเขาเกี่ยวกับเงื่อนไข ทางที่ดีควรจะจัดการให้นางไปอยู่ที่ตำหนักหนึ่ง อยู่ข้างนอกคนเยอะข่าวสารก็แน่น มันจะง่ายและสะดวกที่นางจะสอบถามข้อมูล ไม่เหมือนข้างในนี้ ทุกคนต้องการแก่งแย่งเข้าไปอยู่ในตำหนักสาม มีเรื่องอะไรก็จะเก็บเอาไว้และป้องกันตัวเอง ไม่ยอมเล่ารายละเอียดให้นางฟัง
องครักษ์เสวี่ยเดิมทีก็อารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว บวกกับก็ไม่ชอบคนที่นายท่านพากลับมาและแต่งตั้งให้โหลชีเป็นสาวใช้คนสนิทอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน คราวนี้เห็นนางเปลี่ยนเป็นชุดสาวใช้ที่เรียบง่ายและมีสไตล์ที่แตกต่างออกไป ในใจก็ยิ่งอิจฉา ชี้นิ้วไปตรงใบหน้าของนาง และพูดอย่างโกรธเคือง "เจ้าคิดว่าเจ้าอยู่ในฐานะอะไร? เป็นแค่สาวใช้คนหนึ่ง นับประสาอะไรกับนายท่าน แม้จะเป็นพวกเรา ถ้าสั่งเจ้าคลาน เจ้าก็จะต้องคลานเหมือนหมา! เจ้ามีสิทธิ์มาพูดตรงนี้ไหม? ไปให้พ้น!"
โหลชีเหล่ตาเล็กน้อย ใบหน้าเคร่งเครียด อิงไม่เคยเห็นนางเป็นแบบนี้มาก่อน รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย กำลังจะพูด แต่นางก็ยิ้มอย่างสดใส เอนตัวหลีกทาง แล้วก้มหัวพูด "ใต้เท้าองครักษ์เสวี่ย ใต้เท้าองครักษ์อิงขอให้เดินทางปลอดภัย ข้าให้เอ้อร์หลิงพาข้ากลับตำหนักสอง ไม่รบกวนฝ่าบาทแน่นอน"
องครักษ์เสวี่ยโกรธจัดแต่กลับไม่มีเป้าหมายให้ระบายอารมณ์อีก ทำเสียงเย็นชา และเดินจากไป
เดิมทีอิง ต้องการจะคุยเรื่องดอกลึกลับกับนาง แต่คิดดูแล้ว พูดไปนางก็ช่วยอะไรไม่ได้ ช่างมันเถิด เขาก็สะบัดมือแล้วจากไป เดิมทีหมอเทวดาไม่ได้สังเกตและสนใจโหลชีเลย เขายังจมอยู่กับความรู้สึกเศร้าใจหลังความสุขผ่านพ้นไป รู้สึกสิ้นหวังจนไม่มีอารมณ์ไปสนใจอะไร และเดินไปไกลแล้ว
เอ้อร์หลิงก้มหัว เอามือแนบกายยืนตัวตรงด้วยความเคารพอยู่ และเมื่อพวกเขาทั้งหมดจากไป ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ดึงแขนเสื้อของโหลชีแล้วพูดว่า "โหลชีพวกเรารีบไปกันเถิด และดูเหมือนใต้เท้าองครักษ์อิง ใต้เท้าองครักษ์เสวี่ย และหมอเทวดาอารมณ์ค่อยไม่ดี ต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นแน่นอน ขณะนี้ฝ่าบาทคงจะไม่ยอมพบใครแน่นอน พรุ่งนี้พวกเราค่อยมาอีกครั้ง"
"อารมณ์ไม่ดีก็จะไม่ยอมพบใครรึ? ถ้าพบแล้วจะเป็นยังไงรึ?"
"อย่างไรก็ตาม……ก่อนหน้านี้มีหญิงสาวที่มีสถานะพิเศษมาเข้าเฝ้าฝ่าบาท พอดีฝ่าบาทอารมณ์ไม่ดี กระแทกฝ่ามือนางครั้งเดียวจากตำหนักสามปลิวไปถึงตำหนักหนึ่ง" เอ้อร์หลิงพูดด้วยเหมือนมีเหตุการณ์เรื่องนั้นจริงๆ
โหลชีแอบคำนวณระยะทางในวันนี้จากตำหนักหนึ่งมาถึงตรงนี้ แล้วเหลือบมองเอ้อร์หลิง ช่างเถิด แม่นางคนนี้เวลาพูดคงได้เติมวาทกรรมที่เกินจริงเข้าไปด้วย
จากตำหนักสามปลิวไปถึงตำหนักหนึ่ง ที่รักเอ่ย ยังรอดรึ?
"เจ้ากลับไปก่อน"
เอ้อร์หลิงประหลาดใจ "แล้วเจ้าล่ะ?"
"ยังไงก็ตาม ข้าจำทางได้แล้ว ข้าจะเดินรอบๆ แถวนี้ก่อน สักพักค่อยกลับไป เจ้ายังจะไปที่ลานดอกไม้ ไม่ใช่หรือ? ไปเถิด?"
เอ้อร์หลิงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่นางคิดไม่ถึงว่าจะมีใครกล้าบุกรุกเข้าไปในตำหนักสาม เพียงแต่ไม่รู้ว่าโหลชีจะทำอะไร เมื่อเห็นโหลชียืนกราน ไม่มีทางเลือกอื่นนางจึงพูด "ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ระวังตัวหน่อย อย่าเดินเพ่นพ่าน แล้วรีบกลับ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ