สรุปเนื้อหา บทที่ 214 มีโชคดีในความโชคร้าย – ใต้ร่มยาใจ โดย ลิ่วเยว่
บท บทที่ 214 มีโชคดีในความโชคร้าย ของ ใต้ร่มยาใจ ในหมวดนิยายประวัติศาสตร์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ลิ่วเยว่ อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
"นี่ นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน......" สักพักใหญ่ท่านจินก็ถึงเอ่ยปากพูดขึ้น
โหลชียื่นจิ้งจอกตัวนั้นให้เขาไป จิ้งจอกม่วงกลับมองเขาด้วยแววตาอ่อนแอ หน้าตาน่าสงสารเหมือนเด็กทารก แม้จะดูน่ารักน่าชัง แต่โหลชีกลับไม่อยากเลี้ยงสัตว์มากเท่าไหร่ เวลาดูแลยุ่งยากเกินไป
"จิ้งจอกม่วงจริงด้วย!" ได้จับจิ้งจอกจริงๆ ท่านจินก็ถึงจะเชื่อ เขาก็พูดขึ้นด้วยรอยยิ้มทันทีว่า "ตายจริง ดีมาก ดีมาก ข้ามีของกลับไปให้หลายสะใภ้แล้ว!"
"ท่านจินอย่าลืมที่พวกเราเดิมพันไว้เมื่อกี้ล่ะ"
ใบหน้าของท่านจินสลดลงทันที "นังหนูนี่ไม่เคยเสียเปรียบใครเลยนะ แต่ว่า รีบรักษาอาการแว้งกัดของคำสาปเลือดดวงชะตาให้เจ้าก่อนดีกว่า ข้ารู้สึกไม่สบายใจที่เห็นใบหน้าชราของเจ้า"
ท่านจินยัดจิ้งจอกม่วงให้เฉิงสิบ โหลชีก็เอาปลาตัวนั้นให้มัน จิ้งจอกม่วงร้องวู๊วูเสียงเบา ก้มหน้ากินปลาตัวนั้น
"คำสาปเลือดดวงชะตาแสดงออกมายังไงเจ้าก็น่าจะรู้ดี กระแสโลหิตทั้งร่างกายไหลย้อนกลับ กระตุ้นให้เกิดพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในร่างกาย แต่ไม่เป็นผลกระทบต่อร่างกายมาก ก่อนหน้านี้เจ้ากินผลไม้ทิพย์เข้าไปจึงสามารถทำให้กระแสโลหิตให้ไหลเวียนได้ตามปกติอีกครั้ง ขอแค่เจ้ารับรู้ถึงพลังนั้นด้วยตัวเอง ชักจูงให้กลับมาไหลเวียนได้ตามเดิมอีกครั้งก็ได้แล้วล่ะ เอ่อ แน่นอนว่าสิ่งนี้ต้องการอาศัยตัวเจ้าเอง"
เขาไม่ได้ช่วย เป็นแค่วิธีการหนึ่งเท่านั้น! ยังต้องอาศัยตัวเองอีก! โหลชีมองเขาขมวดคิ้ว ท่านจินพูดอย่างเขินอายว่า: "ข้าไม่ได้หลอกเจ้านะ คำสาปเลือดดวงชะตาเป็นวิชาลับของตระกูลโหล ข้าก็ไม่เป็นเหมือนกัน ข้าแค่เคยได้ยินวิธีนี้โดยบังเอิญเท่านั้นเอง......"
"แม่นาง!"
เฉิงสิบกับโหลวซิ่นตกใจกันมาก ถ้าไม่สำเร็จล่ะ? หรือว่าแม่นางของพวกเราจะต้องมีใบหน้าคนชราแบบนี้ต่อไป?
พวกเขามืดแปดด้าน ถ้าฝ่าบาทเห็นแม่นางมีสภาพเช่นนี้ เกิดรังเกียจขึ้นมาจะทำยังไง? ถึงตอนนั้นพวกเขาจะด่าเขา หรือสงสารนางดีล่ะ?
ตอนแรกโหลชีรู้สึกหดหู่แต่สักพักก็ใจเย็นลง "วิธีนี้ไว้ใจได้หรือไม่?"
"ข้าได้ยินมาจากตระกูลโหล" หมายความว่าน่าจะไว้ใจได้
โหลชีพยักหน้า ไม่ลองแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าจะสำเร็จไหม นางไม่เคยคิดว่าตัวเองโง่มาก่อน ในเมื่อมีแค่วิธีนี้วิธีเดียว งั้นนางก็มีโอกาสสำเร็จได้
แต่ว่า ตอนแรกนางยังรู้สึกเขินอายที่จะพูดคำขอนี้ แต่ตอนนี้พูดได้แล้วล่ะ "ท่านจิน ต้องยอมรับความพ่ายแพ้ด้วยนะ"
"ได้ เจ้าว่ามาจะให้ข้าทำอะไร?"
"เฉิงสิบ เอาของออกมา"
ท่านจินเห็นเฉิงสิบเอาหนังขนสัตว์ออกมา โหลชีเอากล่องออกมาจากกระเป๋า เอาหนังขนสัตว์ที่ม้วนเป็นแท่งยาววางเข้าไป ปิดฝาเอาไว้ แล้วยื่นให้ท่านจิน: "รบกวนท่านจินช่วยข้าเอาของสิ่งนี้ไปส่งที่ตำหนักจิ่วเซียวในพั่วอวี้ ส่งให้ถึงมือของเฉินซ่าที"
"ว่าไงนะ? ให้ข้าไปพั่วอวี้----"
โหลชีเลิกคิ้วกวาดตามองไป ทำไม อย่าขี้โกงหรือ?
ท่านจินทำหน้าบูดเบี้ยว: "ข้ายังต้องเอาจิ้งจอกม่วงกลับไปด้วยนะ ไม่ใช่ทางเดียวกันสักหน่อย"
"หลานเจ้าอีกสามเดือนกว่าจะมอบของหมั้น กลับทันแน่นอน"
"แต่ถ้าเป็นแบบนั้นข้าก็ต้องเดินทางตลอดเวลา ไม่ได้เที่ยวเล่นน่ะสิ----"
ทันใดนั้นโหลชีก็ร้องวู๊วูเสียงเบา จากนั้นจิ้งจอกม่วงกินปลาเสร็จแล้วก็ร้องขึ้นเหมือนกัน "จิ้งจอกม่วง มานี่สิ"
ที่ทำให้ท่านจินตะลึงคือ จิ้งจอกม่วงนั่นกลับกระโจนเข้าอ้อมกอดนางอย่างเชื่อฟัง โหลชีร้องวู๊วูอีกครั้ง ลูบหัวจิ้งจอกม่วงแล้วพูดว่า: "ข้าตั้งชื่อให้เจ้าดีกว่า ชื่อว่าวู๊วู เจ้าอยากให้ข้าเรียกเช่นนี้ไหม?"
ท่านจินฟังแล้วก็รู้สึกแปลกๆ รีบกระโดดขึ้นมาทันที: "นี่ๆ นังหนูชี มีอะไรก็พูดกันดีๆสิ......" มองดูจิ้งจอกม่วงที่ถูกนางสั่งสอนจนเชื่องในระยะเวลาสั้นๆ ถ้านางอยากเก็บมันไว้ก็ไม่ยากเลย ไม่ยากเลยจริงๆ! แต่เขาจะกลับไปมือเปล่าได้ยังไงล่ะ
"งั้น ท่านจินมีเวลาไปส่งของไหม?"
"มีๆๆ! ข้าจะรีบไปส่งของถึงพั่วอวี้โดยไม่พักผ่อนเลย แล้วรีบกลับไปให้ทันงานก็พอแล้ว" ท่านจินทำหน้าเศร้า
โหลชียิ้มอย่างร่าเริง
จะไม่ทันได้เยี่ยงไร ก็แค่ต้องเดินทางตลอดเวลา ตาเฒ่านี่แค่ไม่มีเวลาไปเล่นคอสเพลย์ของเขาก็เท่านั้นเอง
ในเมื่อท่านจินตกลงนางแล้ว ก็ไม่อยากชักช้าอีก กอดจิ้งจอกม่วงวู๊วูที่เห็นได้ชัดว่าไม่อยากแยกออกจากโหลชี จากนั้นก็เอางูยักษ์เย็นสารทฤดูแล้วจากไปทันที
ที่นี่จึงเหลือแค่พวกเขาสามคน พวกเขาไม่ได้เจอกับน่าหลานฮั่วซินอีก น่าหลานฮั่วซินเสียหายไปเยอะขนาดนั้นน่าจะออกจากหุบเทพมารไปแล้วล่ะ ส่วนเจ้าสำนักเดือนหยินอะไรนั่น ไม่รู้ว่าไปซ่อนตัวที่ไหนแล้ว แต่น่าจะไม่อยู่พื้นที่โดยรอบข้างในแล้วล่ะ เพราะในนี้ไม่เหมาะสมแก่การพักอาศัยเลย
เฉิงสิบกับโหลวซิ่นอยู่ที่นี่มาหลายวัน เมื่อวานก็กินยาเม็ดป้องกันไอพิษไป ไม่งั้นเกรงว่าจะทนรับไม่ไหว
"แม่นาง งูยักษ์เย็นสารทฤดูนั่น ทำไมพวกเราไม่ไปส่งเอาล่ะขอรับ?" เฉิงสิบกับโหลวซิ่นลังเลสักพักใหญ่ก็ถามคำถามนี้ออกไป ของสำคัญแบบนั้น พวกเขารู้สึกว่าไปส่งเองจะสบายใจกว่า และแม่นางถึงแม้จะไม่หาเถาทองม่วง แต่ออกมานานขนาดนี้ น่าจะกลับไปได้แล้วนะ?
โหลชีมองขวางพวกเขา แล้วพูดว่า: "ถ้าสมมุติข้าบอกว่า ข้าไม่กลับพั่วอวี้แล้วล่ะ?"
ทั้งสองตะลึง ไม่กลับไปแล้ว?
"พวกเจ้าจะเสียใจไหมที่ออกมากับข้า?"
เฉิงสิบกับโหลวซิ่นรีบอธิบาย: "ไม่ใช่นะขอรับ แม่นาง ในเมื่อข้าน้อยเลือดที่จะตามแม่นาง จะเสียใจได้ยังไงขอรับ"
ก้อนที่ใหญ่ที่สุดก็ใหญ่เท่ากำปั้นของเขาเลย เล็กที่สุดก็เท่ากับขนาดของไข่ไก่ เขาก็บอกแล้วไงว่าแม่นางของพวกเขาเป็นแมวเรียกทรัพย์! ก็นี่ไง ขนาดลิงยังเอาหยกชั้นดีโยนใส่นางเลย!
และโหลวซิ่นเก็บยาสมุนไพรกลับมา ทำตามวิธีที่โหลชีสอนเขา บางอันเอาไปตากแห้ง บางอันก็ล้างสะอาดแล้วเก็บไว้ บางอันก็ต้องบดเป็นผง
โหลวซิ่นเจอสัตว์ร้ายเป็นบางครั้ง แต่มียาของโหลชี ทุกครั้งก็สู้กับสัตว์ร้ายได้อย่างหวุดหวิด
ทั้งสองต่างยุ่งกับภารกิจที่ได้รับมอบหมาย โหลชีก็เริ่มทดลองทำตามวิธีการแก้อาการแว้งกัดของคำสาปเลือดดวงชะตาที่ท่านจินบอกเอาไว้
โหลชีไม่คิดว่านางจะใช้เวลาทดลองกว่าครึ่งเดือนเต็ม
แต่นางก็ทำสำเร็จแล้ว
และครึ่งเดือนนี้นอกจากกินข้าวสามมื้อต่อวันและจัดการธุระส่วนตัวแล้ว นางก็แทบจะไม่เคยขยับเลย นั่งขัดสมาธิอยู่บนกองหญ้าฟางอุ่นๆที่เหมือนจะเป็นที่นอนของจิ้งจอกม่วง พยายามทำความเข้าใจวิธีการแก้อย่างละเอียด บางทีคิดไม่ออกก็ฝึกกำลังภายในไป สักพักค่อยคิดใหม่
สัมผัสใบหน้าที่กลับมานุ่มลื่นของตัวเองอีกครั้ง นางก็พ่นลมหายใจออกมายาวๆ แต่ตอนนี้เอง ทันใดนั้นนางก็ขมวดคิ้วขึ้นมา
"แม่นาง เป็นอะไรไปหรือขอรับ?"
เฉิงสิบกับโหลวซิ่นเก็บข้าวของเสร็จแล้ว รออยู่ข้างๆ ตอนแรกเห็นนางทำสำเร็จแล้ว ทั้งสองก็โล่งใจไปตามๆกัน แต่เห็นนางขมวดคิ้วขึ้นกะทันหัน พวกเขาก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที
โหลชีไม่อยากจะเชื่อ แต่ว่า กำลังภายในที่พลุ่งพล่านในตันเถียนหมายความว่ายังไงกัน?
"กำลังภายในของข้าเหมือนจะเพิ่มขึ้นเลย" นางพูดขึ้นช้าๆ
"ฮะ?"
โหลชีกระโดดขึ้น รู้สึกร่างกายเบากว่าปกติมาก กำลังภายในหนาแน่นเหมือนกับทะเล
"ยินดีกับแม่นางด้วยนะขอรับ!"
"ยินดีกับแม่นางด้วยขอรับ!"
เฉิงสิบกับโหลวซิ่นดีใจแทนนาง
โหลชีน่าจะเป็นเพราะที่นี่มีชี่ทิพย์อยู่มาก ไม่งั้นจิ้งจอกม่วงก็คงไม่อยู่ที่นี่ ยังมีอีกเรื่องก็คือก่อนหน้านี้นางคงกินไขหินพันปีเข้าไป ตอนแรกคิดว่าหลอมรวมกันแล้ว ที่จริงไม่ใช่ ครั้งนี้มีโชคในความโชคร้าย จึงทำให้ฤทธิ์ยาของไขหินพันปีหลอมรวมกับร่างกายนางได้สำเร็จ
"ไปกันเถิด เอาสิ่งที่พวกเราเก็บเกี่ยวมาทั้งหมด ออกจากหุบเทพมารกัน!" โหลชีอารมณ์ดีมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ