ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 31

"งดเหล้างดเนื้อ งดผู้หญิง ห้ามใช้กำลังภายใน สิ่งเหล่านี้ทำได้กระมัง?" นางสำทับอีกครั้ง

เฉินซ่าพยักหน้าน้อยๆ

"ยังมีอีกเรื่อง รับปากข้าก่อนข้าจึงจะลงมือ"

"ว่ามา"

"รอข้าลงมือแล้ว ดูเท่านั้นห้ามซักถาม"

"ได้" เฉินซ่าไม่รู้ว่านางคิดจะทำอันใด หากแต่แน่ใจว่าต้องเป็นวิธีที่พวกเขามิค่อยได้พบเห็นแน่ หรืออาจจะเรียกได้ว่าแปลกประหลาด นางมิให้ถาม เขาก็จะไม่ถาม

"ดีมาก ตอนนี้ข้าจะทำการช่วยท่านสกัดกั้นคำสาป อาจจะเจ็บเล็กน้อย เจ้าทนไว้ก่อน"

พอโหลชีพูดจบ ก็ยกพิชิตวันขึ้น ประกายเย็นเฉียบทำท่าจะแทงลงไปกลางหน้าอกเขา ระหว่างนี้โหลชีจับจ้องดวงตาของเฉินซ่า การที่นางทำแบบนี้ ถ้าเป็นคนปกติคงจะระแวงหรือหวาดกลัวแน่ ดวงตาจะมีการเปลี่ยนแปลง แต่คมมีดของพิชิตวันทาบบนหน้าอกเขาแล้ว เขากลับยังคงสงบนิ่ง ดวงตาไม่ไหวติงเลยสักนิด

โหลชีอดเม้มปากไม่ได้ หมอนี่ไว้ใจนางมากไปหน่อยไหม? เอาความไว้ใจนี้มาจากไหนกัน?

สุดท้ายพิชิตวันก็ไม่ได้แทงเข้าไปที่หน้าอกเขา หากวาดมืออยู่งตรงหน้าหน้าอกเขา ความรู้สึกการสลักภาพบนตัวมันจะดีสักเท่าไหร่กัน? เจ็บจริง แต่เฉินซ่าก็ยังคงอดทน ไม่ส่งเสียงสักนิด

และในตอนที่เขาคิดว่ามันคงสิ้นสุดแล้ว กลับพบนางมือหนึ่งถือพิชิตวัน อีกมือยกขึ้นต่อหน้าอกเขา พิชิตวันตวัดบาดนิ้วชี้นางอย่างรวดเร็ว เลือดสีแดงสดไหลรินออกมา เฉินซ่าที่เมื่อครู่โดนสลักวาดภาพบนหน้าอกแล้วสีหน้าไม่เปลี่ยนสักนิด กลับสายตาไหววูบในครานี้

โหลชีใช้นิ้วชี้ที่เลือดไหลรินวาดภาพตามสัญลักษณ์บนหน้าอกเขาหนึ่งรอบ เท่ากับว่าใช้เลือดของนางทำรูปภาพนั้นชัดเจนขึ้น เฉินซ่ารู้สึกแต่ว่าในยามเดียวกับที่นิ้วชี้นางวาดไป ไอเย็นในร่างกายและความร้อนดั่งไฟเผาเบื้องหน้าพลันลดลงอย่างรวดเร็ว มีไอเย็นบางอย่างที่ทำให้รู้สึกสบายไหลเวียนจากนิ้วชี้นางเข้าสู่ร่างเขา ประหนึ่งแม่ทัพที่มีราศีน่าเกรงขามคนหนึ่งบีบบังคับให้ข้าศึกถอยร่นไปตามๆ กัน

เส้นเลือดในดวงตาเขาค่อยๆ ยุบหาย ดวงตาคู่นั้นคืนสู่สีดำทะมึนดุจเดิม เขามองดูสตรีที่นั่งคร่อมร่างตนอยู่ มองคิ้วโก่งดั่งภาพวาดของนาง มองริมฝีปากแดงเรื่อเม้มแน่น มองดูสีหน้านางแปรเปลี่ยนเป็นขาวซีด มองความตั้งใจและจริงจังในดวงตานาง มุมหนึ่งในหัวใจพลันทรุดตัวลงอย่างเงียบๆ

นี่คือคนที่สวรรค์ประทานให้เขากระมัง

ต้องใช่แน่ๆ

ในที่สุดโหลชีก็วาดยันต์ของตนเสร็จ นางดึงมือกลับ เขามิเห็นว่านางทำเยี่ยงไร ถึงทำให้เลือดที่ไหลรินบนนิ้วชี้นั่นหยุดลงได้

ยามนี้นางเรียกหมอเทวดาเข้ามา

หมอเทวดาที่ทำการละลายยาเม็ดเสร็จแล้วและยืนรอด้านนอกไม่กล้ารบกวน ได้รับคำเมื่อได้ยินนางเรียกขาน

"เอามา"

โหลชียื่นมือออกไป หมอเทวดารีบส่งถ้วยยาให้นาง

โหลชีรับมา ไม่ได้รีบให้เขาดื่มทันที แต่กลับยกขึ้นดมอย่างถี่ถ้วน สีหน้าพลันผ่อนคลายลง ยาไม่มีปัญหา อย่างน้อยหมอเทวดาก็เชื่อถือได้ นางมองสบตาเฉินซ่า เป็นเชิงบอก

จากนั้นนางนั่งลงข้างเขา ใช้มือหนึ่งประคองเฉินซ่านั่งพิง ยื่นชามยาไปที่ปากเขาพลางว่า "ดื่มสองคำ อย่าดื่มหมด ข้ายังต้องใช้อีก"

"อืม" เฉินซ่าไม่ลังเลแม้แต่น้อย ก้มดื่มยาในมือนางสองคำ เดิมเขาคิดว่ายาต้องขมมากแน่ แต่ไม่คิดว่ากลับหวานละมุนยามเข้าสู่ปาก จนอดมองโหลชีด้วยความแปลกใจไม่ได้

โหลชีรู้ว่าเขาสงสัยอะไร นางยักไหล่บอก "ความชอบของข้า ข้าไม่ชอบยาขม" ดังนั้น ยาทุกอย่างนางปรับปรุงหมดแล้ว ถึงไม่แน่ว่าจะรสชาติดี แต่อย่างน้อยก็ไม่ขม ยาบางอย่างยังออกหวานมากด้วย เหมือนเม็ดเมื่อครู่ ทั้งๆ ที่เป็นยาฤทธิ์แรงมาก แต่ก็โดนนางปรับปรุงจนกลายเป็นหวาน

เฉินซ่าพูดอะไรมิออกชั่วครู่ แต่ก็รู้สึกว่าสาวน้อยนี่พิเศษนัก "ความหมายของเจ้าคือ เจ้าเป็นคนปรุงยานี้ขึ้นมารึ?" เขามองนางอย่างพินิจพิเคราะห์

โหลชีสะอึก นี่นางเผยไต๋อีกแล้ว

"นอนลง!" ด้วยความโมโห น้ำเสียงนางเลยแย่ลง หมอเทวดากับอิงที่ได้ยินจากด้านนอกมุมปากกระตุก

เฉินซ่ากลับไม่ถือสา นอนลงไปโดยดี เห็นนางหยิบพู่กันจากที่ใดมาก็มิทราบ ส่วนขนสั้นมาก ขนก็ขาวมาก นางใช้พู่กันนั้นจุ่มตัวยาและเริ่มวาดบนหน้าอกเขาอีกครั้ง

ในเวลานี้เอง ภูเขาด้านหลังคุกเกิดการโจมตีและอันตรายอีกครั้งหนึ่งที่ร้ายกาจที่สุดในรอบสามปีมานี้ของพั่วอวี้

เจิงหลิวหยุนหันกลับไปก็เห็นองครักษ์เยว่ที่พยุงองครักษ์เสวี่ยออกจากคุกน้ำพอดี เขารีบรับหน้าเข้าไป มองดูองครักษ์เสวี่ยอย่างเป็นกังวลพลางว่า "องครักษ์เสวี่ยมิเป็นไรกระมัง?"

องครักษ์เสวี่ยสีหน้าไม่พอใจ มองเขาพลางว่า "เจิงหลิวหยุน เจ้ารีบไปสกัดกั้นศัตรูเถิด ไม่ต้องกังวลเรื่องข้า!"

พึ่งพูดจบ ร่างขององครักษ์คนหนึ่งโดนคนตวัดลอยเขามา ตกลงหน้าพวกเขาอย่างจัง เสียงปึ้งดังขึ้น องครักษ์คนนั้นกระอักเลือดออกมาอย่างเจ็บปวด และกระตุกสองสามที ตายคาที่

สีหน้าเจิงหลิวหยุนเปลี่ยนทันที นั่นเป็นลูกน้องมือดีของเขา!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ