ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 337

สือหมินจีเมื่อได้ยินก็มึนงง "ข้า ข้าออกไปได้ยังไง"

"เจ้าคงไม่ได้จะบอกว่า เจ้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันใช่ไหม"

"ข้าคิดดูก่อน..." สือหมินจีอยู่ดีๆก็เคาะหัว "แปลก ข้าจำไม่ได้จริงๆ ข้าออกไปได้ยังไง"

โหลชีมองไปที่เขา ราวกับว่ารอเขาย้อนคิดอย่างไม่ได้รีบร้อน

แต่ไม่ว่าสือหมินจีจะหวนคิดอย่างไร ก็ยังนึกไม่ขึ้น ราวกับว่าความทรงจำส่วนนี้หายไป ดูแล้วก็ไม่เหมือนว่าเขากำลังแสดงอยู่

"จริงๆแล้วข้าค่อนข้างคลุมเครือ ทันทีที่ตื่นข้าก็อยู่นอกป่าดอกซิ่งฮวาแล้ว แล้วก็ ข้าก็รู้ว่าข้างในมีผึ้งพิษอยู่มากมาย" สือหมินจียังคิดว่ามันเหลือเชื่อมาก ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย พูดขึ้นมาตอนนี้ถึงรู้ว่าความทรงจำช่วงนี้ได้หายไป

ทุกคนมองไปที่ป่าดอกซิ่งฮวา ก็รู้สึกขนพองสยองเกล้าเล็กน้อย

"หรือว่าข้างในจะมีสัตว์ประหลาดอยู่ สามารถกินความทรงจำของผู้คน?" โหลวซิ่นมีจินตนาการมากล้น จนโหลชีอดไม่ได้ที่จะเขกหัวเขา

"ความคิดเจ้าพิสดารจริง ความทรงจำเสื่อมหาย เป็นไปได้มากว่าเขาอาจโดนหมอกควันพวกนั้นในป่าดอกซิ่งฮวาทันทีที่เข้าไป หรือไม่ถูกสะกดจิต คุณสมบัติของทั้งสองนี้มีไม่แตกต่างกันมาก"

หลังจากฟังคำอธิบายของโหลชี บรรยากาศที่ขนพองสยองเกล้าก็หายไปในทันใด

"ถ้าว่าเช่นนี้แล้ว ในป่าดอกซิ่งฮวานี้เป็นไปได้ไหมที่อาจมีใครคนอยู่อีก" เฉินซีถาม

"ไม่มีใคร" เฉินซ่าเป็นผู้ตอบ "ไม่มีกลิ่นอายของใครเลย" ด้วยกำลังภายในของเขา มีใครในป่าดอกซิ่งฮวาที่สามารถก็ตรวจจับได้อย่างแน่นอน?

ป่านี่ไม่ได้ใหญ่มาก

"แต่เขาผ่านป่าแห่งนี้โดยไม่เกิดเรื่อง" เฉินซีกล่าว

โหลชีก้าวไปข้างหน้าสองก้าว พูดด้วยเสียงต่ำว่า "นี่ก็คือส่วนสำคัญของเรื่องนี้ มีความเป็นไปได้หมด ไม่งั้น มาเดิมพันกันหน่อยไหมล่ะ?"

ทุกคนตะลึงครู่หนึ่ง: "เดิมพัน?"

บรรยากาศเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน พวกเขาตามจังหวะของพระสนมไม่ทัน

โหลชีกะพริบตา "ใช่ เดิมพัน แต่ละคนให้มาหนึ่งคำตอบ ว่าในป่ามีอะไร ทำไมสือหมินจีถึงขาดความทรงจำช่วงนี้ไป แต่สามารถผ่านป่าดอกซิ่งฮวาผืนนี้ไปได้อย่างไม่เป็นอันตรายใดๆ ทายถูกหรือใกล้เคียงที่สุด ได้รับรางวัลหนึ่งร้อยตำลึง"

โหลวซิ่นกล่าวทันที: "แม่นาง เจ้าและฝ่าบาทคงเดาความจริงได้ใกล้เคียงที่สุด!"

โหลชีกลอกตา "มีความทะเยอทะยานมากกว่านี้หน่อยหรือไม่ เช่นนี้ ข้าและฝ่าบาทจะไม่เข้าร่วม"

"เช่น เช่นนั้นพวกข้าเข้าร่วมด้วยได้หรือไม่" พ่อเฒ่าสือถาม หนึ่งร้อยตำลึง มันน่าดึงดูดมากสำหรับพวกเขา แม้ว่าพวกเขาจะหลีกเลี่ยงโลกนี้ แต่ผ่านไปสักพักพวกเขายังคงต้องขอให้สือเหล่ยซื้อของบางอย่างจากภายนอกกลับมา

"ได้ เจ้าเข้าร่วม สือหมินจีเข้าร่วมไม่ได้ เขาเป็นบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์

โหลชีมองไปโดยรอบ "ตอนนี้คิดเสร็จแล้วหรือยัง คิดเสร็จแล้วก็เริ่มพูดเลย"

เยว่กล่าว : "ข้าน้อยคิดว่า น่าจะเป็นเพราะพิษผึ้งทำให้หลงลืมได้ สือหมินจีถูกต่อย แต่พิษไม่ถึงตาย ไม่มากก็น้อยเขายังมีความรู้สึกตัว ตัวเองก็เดินออกไปอย่างมึนๆงงๆ

โหลชีพยักหน้า มองไปยังเฉิงสิบ เฉิงสิบกระแอมทันที "แม่นาง ถ้าข้าน้อยทายถูกแล้ว ไม่ขอหนึ่งร้องตำลึง ของเพียงแม่นางให้อภัยข้าน้อย

โหลชีหมดคำพูด

"ข้าน้อยคิดว่า เป็นไปได้ที่กลิ่นหอมดอกไม้ไม่ถูกต้อง อาจเป็นเพราะดอกไม้บางดอกกำลังชักนำให้สือหมินจีเดินผ่าน"

โหลวซิ่นพูดต่อทันที: "ข้าน้อยยังคิดว่า มันอาจเป็นสัตว์กลายพันธุ์บางชนิด ... "

"โหลวซิ่น มีสัตว์กลายพันธุ์อะไร หรือเจ้ายังอยากพูดว่ามันกลายเป็นรถนั่งพาคนข้ามไปหรือ? " เฉินซีอดหัวเราะไม่ได้

โหลวซิ่นกำลังจะคัดค้าน แต่หลูต้าลี่ตะโกนอย่างรีบร้อน: "ไม่ถูกไม่ถูก ข้าเดาว่ามีกลไก! เหยียบโดนกลไก ปิ้ววเดียวก็บินออกไปแล้ว!"

"ฮ่าๆๆ" ทุกคนหัวเราะออกมาเสียงดัง

พ่อเฒ่าสือพูดเป็นคนสุดท้าย "ข้าน้อยคิดว่า มีนางฟ้าดอกไม้"

คำพูดนี้ทำให้ทุกคนประหลาดใจ

โหลชีตกตะลึงครู่หนึ่ง "นางฟ้าดอกไม้?" นี่เป็นคำกล่าวที่แปลกใหม่สำหรับนาง "เพราะเหตุใด"

"ที่จริงแล้ว มีตำนานเช่นนี้ในเผ่าชักมังกรของเรา ว่ากันว่าในป่าภูเขานี้มีดอกท้อ ดอกซิ่งฮวา และดอกบ๊วยมากมาย เพียงขึ้นก็ขึ้นเป็นผืนใหญ่ เพราะมีนางฟ้าดอกไม้ที่สวยงามอยู่ที่นี่ นางฟ้าดอกไม้ควบคุมดูแลการบานและเหี่ยวเฉาของดอกไม้ทั้งผืนนี้ มีกฎเกณฑ์ในสวรรค์ นางฟ้าไม่สามารถปล่อยให้มนุษย์พบการดำรงอยู่ของพวกเขาได้ แต่นางฟ้าดอกไม้โดดเดี่ยวเกินไปในป่าภูเขานี้ พวกเจ้าคิดดู ช่วงชีวิตที่ยาวนานขนาดนี้ ตัวคนเดียวตลอดมา ต้องโดดเดี่ยวขนาดไหน เพราะงั้น ทุกครั้งที่มีคนมานางฟ้าดอกไม้จะรั้งเขาไว้ครู่หนึ่ง คุยกับเขา ถามเกี่ยวกับโลกภายนอก พูดคุยกัน หลังคุยเสร็จ ใช้วิชาเซียนส่งคนออกไป แต่ก็ทำให้เขาลืมเรื่องก่อนหน้า เท่านี้ก็ได้ผลดีด้วยกันทั้งสองฝ่ายแล้วไม่ใช่หรือ"

ทุกคนรู้สึกทึ่งเล็กน้อย นางฟ้าดอกไม้?

โหลชีอดไม่ได้ที่จะหันไปหาเฉินซ่า "เจ้าคิดอย่างไร"

"นางฟ้ามาจากไหน" เฉินซ่าพูดอย่างเรียบๆ

โหลชีเลิกคิ้วขึ้น พูดว่า "เอาล่ะ ตอนนี้ทุกคนก็ให้คำตอบหมดแล้ว เข้าไปลองดูก็จะรู้เอง ยาป้องกันพิษเมื่อกี้กินกันแล้วใช่ไหม"

"กินแล้ว"

"ดี ไปกันเถอะ" โหลชีอยากนำหน้าอีกครั้ง เฉินซ่าคว้าตัวนาง เหลือบมองเยว่ เยว่พยักหน้า ทำท่าทางมือ และเดินเข้าไปกับเฉิงสิบก่อน

โหลชียักไหล่ นางทำงานคนเดียวเป็นส่วนใหญ่ และถ้าทำกับสหายนางมักจะแบ่งงานก่อน นางไม่คุ้นเคยกับการมีผู้บังคับบัญชาจริงๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านางไม่รู้

ไม่มีกองใด ให้ผู้บัญชาการสูงสุดเข้าตีก่อนหรอก นางยังต้องชินกับอีกหลายอย่าง

รอบข้างเงียบสงัด พื้นดินถูกปกคลุมไปด้วยดอกซิ่งฮวา กลิ่นหอมเต็มจมูก พวกเขาก็ไม่สามารถบอกได้ว่ากลิ่นหอมนั้นมีพิษหรือไม่ พวกเขาทั้งหมดมีความมั่นใจอย่างมากในยาต่อต้านยาพิษของโหลชี นับตั้งแต่ทานยาต้านพิษ การหายใจของพวกเขาก็ผ่อนคลายมาก

เดินไปสักพัก พวกเขาได้ยินเสียงผึ้งหึ่ง ๆ และบางตัวก็บินผ่านหน้าพวกเขาไป แต่แทนที่ผึ้งพวกนี้จะต่อยพวกเขา มันกลับเกาะอยู่บนดอกไม้หมด กลับดูเหมือนผึ้งกลัวการเคลื่อนไหว

"ไม่ใช่ว่าเป็นผึ้งมีพิษหรือ" โหลวซิ่นมองไปที่สือหมินจี

สือหมินจีนึ่งพูดไม่ออ

เฉินซ่าออกมือทันทีรวดเร็ว ระหว่างนิ้วชี้และนิ้วกลางจับผึ้งไว้หนึ่งตัว เอามาหน้าโหลชีให้นางสังเกต โหลชีสังเกตแล้วกล่าว "ผึ้งนี้ไม่มีพิษ"

ไม่เป็นพิษ? แล้วเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่?

"ข้า ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน..." สือหมินจียังสับสนไม่แน่ชัด เขาก็ไม่รู้ว่าเขาคิดว่าผึ้งเหล่านี้เป็นผึ้งพิษได้อย่างไร

โหลชีเด็ดดอกแอปริคอต ตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และส่ายหัว: "ดอกไม้ก็ไม่มีพิษ"

ไม่มีพิษหมด แล้วเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่? อยู่ดีๆโหลวซิ่นก็มองซ้ายมองขวา "หรือมันจะเป็นอย่างที่ข้าพูดจริง ๆ มีสัตว์กลายพันธุ์?"

"เจ้าอย่าเอาแต่คิดถึงแต่สัตว์กลายพันธุ์!"

ทันทีที่โหลชีพูดเสร็จ มีดอกไม้อยู่ข้างหน้า ราวกับว่ามีร่างหนึ่งเดินผ่านท่ามกลางดอกไม้และต้นไม้ตรงหน้า แต่เมื่อนางมองใกล้ ๆ ตรงหน้านอกจากต้นซิ่งฮวาพวกนั้น ก็ไม่มีอะไรแล้ว

นางจับมือเฉินซ่าไว้ทันที มองไปที่เขา เฉินซ่าพยักหน้าเบา ๆ ให้กับนาง

ไม่ใช่มั้ง นั่นหมายความว่าเขาก็เห็นมันด้วย! แต่ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้สึกถึงว่ามีใครอยู่ในป่าซิ่งฮวาแห่งนี้เลย! สามารถหลีกหนีจากการรับรู้ของเขา เว้นแต่ กำลังภายในจะแข็งแกร่งกว่าเขา!

คราวนี้ สีหน้าของโหลชี ดูกังวลขึ้นเล็กน้อย หากมีพลังที่แข็งแกร่งกว่านางและเฉินซ่ามาหนึ่งคน และยังซ่อนตัวอยู่ในที่แห่งนี้...

นางไม่อยากหาเรื่องเข้าตัวเลยสักนิด

เฉินซ่ากล่าว: "อย่ากลัวเลย มีข้าอยู่"

โหลชีนิ่งงัน ใครบอกว่านางกลัวกัน นางไม่ใช่กลัวโอเคนะ...

ทันใดนั้นนางก็พบว่าตั้งแต่เมื่อวานเฉินซ่าก็ปฏิบัติต่อนางเหมือนหญิงสาวตัวเล็ก ๆ

พวกเขาเดินหน้าต่อไป เดินอย่างแผ่วเบา ยิ่งเดินมากเท่าไหร่ กลิ่นหอมของดอกไม้ก็ยิ่งแรงขึ้นเท่านั้น เยว่และเฉิงสิบเดินอยู่หน้าสุด ทันใดนั้น พวกเขาก็หยุดเดินพร้อมกัน

"ฝ่าบาท พระสนม มีหลุมฝังศพอยู่ข้างหน้า"

หลุมฝังศพ หลุมฝังศพอีกแล้ว ตรงนี้เป็นสุสานหรือไง

โหลชีได้ยินก็หมดคำจะพูด

"เข้าไปดูซิ" เฉินซ่ากล่าว

ทุกคนเดินเข้าใกล้หลุมฝังศพ เมื่อเข้าไปใกล้แล้วถึงพบ นั้นไม่ใช่หลุมฝังศพแม้แต่น้อย เป็นเพียงแผ่นจารึก แผ่นศิลาหิน และเป็นแผ่นจารึกที่ไร้ตัวหนังสือ

เหตุที่รู้ว่าเป็นศิลานั้น ก็เพราะว่ามันสลักเหมือนแผ่นจารึก ข้างบนสลักดอกซิ่งฮวาไว้ ที่ด้านบนสุดของแผ่นศิลา มีการเจาะรูเล็กๆ มีกระดิ่งสีทองห้อยอยู่

ลมพัดผ่านมา กระดิ่งนั้นก็จะมีเสียงกริ่งแผ่วเบาออกมา

กริ๊ง กริ๊ง

กริ๊ง กริ๊ง

เฉิงสิบที่ยืนอยู่ข้างหน้ารู้สึกสติพร่ามัวเล็กน้อย เขาตกใจ อยู่กับโหลชีมาเป็นเวลานาน มีประสบการณ์ในการจัดการกับเหตุฉุกเฉินเหล่านี้ไม่น้อย ปฏิกิริยาก็เร็วขึ้นมาก เขารีบปิดหูไว้ทันที เดินถอยหลังสองก้าวพร้อมๆ กัน

"ใต้เท้าองครักษ์เยว่ ถอย"

เยว่โดยเขาตะโกนใส่ ส่ายหัวหนักๆไปที และถอยหลังสองก้าวพร้อมกัน

สิ่งที่แปลกคือพวกเขาไม่ได้ยินเสียงกริ่งหลังจากที่พวกเขาถอยห่างจากแผ่นจารึกไปสิบก้าวแล้ว แต่ความรู้สึกที่พร่ามัวในสมองยังอยู่ พลังนี้แข็งแกร่งมาก ทำพวกเขายังรู้สึกกลัวเล็กน้อย

เนื่องจากเฉินซ่าและคนอื่นๆ ยังไม่ได้เข้าไปในระยะนั้น พวกเขาจึงไม่ได้ยินเสียงกริ่ง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เมื่อได้ยินพวกเขาสองคนอธิบายแล้ว ทุกคนก็ผวาจนยืนนิ่ง ไม่มีใครกล้าเดินต่ออีก

"เสียงกระดิ่ง?"

โหลชีมองดูกระดิ่งอันนั้น ขมวดคิ้วเล็กน้อย เริ่มเดินไปข้างหน้า

เฉิงสิบตกใจ เอื้อมมือออกไปคว้าแขนนางโดยไม่รู้ตัว ทันใดนั้น ก็มีสายตาที่เย็นเยียบพุ่งมาที่เขา

เขารีบปล่อยมือ พูดขึ้น: "แม่นาง อันตราย"

เฉิงสิบ รู้สึกไม่เป็นธรรม เขาเพียงทำตามจิตใต้สำนึกเอง

"กระดิ่ง ข้ารู้ แต่ข้าไม่คิดว่าจะได้เห็นกระดิ่งเช่นนี้อีก" โหลชีพูดคำนี้มา ตัวเองยังนิ่งไปเล็กน้อย นางเหมือนเคยเห็นกระดิ่งเช่นนี้มาก่อน?

นี้มีผลอะไรกัน? นางน่าจะรู้ไม่ใช่หรือ?

"น่าจะเป็นกระดิ่งนี้ทำพิษ สือหมินจีเดินผ่านมาที่นี่ เสียงกระดิ่งก็ทำให้เกิดความสับสน หลังจากเดินผ่านไปความทรงจำของเขาก็พร่ามัว แต่เพราะสมองไม่ชัดเจน เขาจินตนาการถึงผึ้งที่เขาพบก่อนหน้าเป็นผึ้งมีพิษ รู้สึกว่าตัวเองถูกผึ้งพิษต่อยจนมีปฏิกิริยาเช่นนี้" โหลชีรู้สึกตัว พูดว่า "ดังนั้น ไม่มีใครเดาถูก ประหยัดเงินได้ตั้งร้อยตำลึง"

"แต่แม่นาง นี่มันกระดิ่งอะไร เช่นนี้พวกเราจะผ่านไปได้อย่างไร" โหลวซิ่นถาม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ